นายกฯคนนอกเขย่า'บิ๊กตู่' แผนสำรองในใจ'บิ๊กป้อม'?

บรรยากาศบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คงร้อนระอุ หลัง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลุดปากพูดว่า อาจมีคนสำรอง เมื่อถูกนักข่าวถามถึงกรณี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เจออุบัติเหตุทางการเมืองเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี

แม้ บิ๊กป้อม จะออกมากลับลำภายหลังว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ก็ถูกนำไปตีความได้ว่า บิ๊กป้อม คงคิดแผนสำรองทางการเมืองไว้แล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวบินไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีดีลพิเศษกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจ้าของพรรคเพื่อไทย

สำหรับวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่จะครบ 8 ปี ยังมีข้อถกเถียงกันว่าจะนับจากปี 2557 หรือ 2560 หรือปี 2562 แต่หากนับจากปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จะหมดวาระหลังวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่นอน

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัยแล้วอาจจะสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจว่าจะมีผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งหน้าที่หรือไม่อย่างไร

ที่น่าสนใจ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหมดสภาพการนำแล้ว พร้อมเสนอให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ ขัดตาทัพ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้หมดกังวลใจ แล้วตั้งรัฐบาลช่วยชาติเพื่อแก้วิกฤตประเทศและสร้างความปรองดองสมานฉันท์

แต่ข้อเสนอดังกล่าวทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ปิดปากเงียบ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตรไม่ยอมแสดงท่าทีใดๆ ให้มีการนำไปตีความอีก

ขณะที่แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรค ประกาศหนุน พล.อ.ประวิตร อย่างตรงไปตรงมา โดย พล.อ.วิชญ์ บอกว่า “พล.อ.ประวิตรมีความเหมาะสมที่สามารถจะช่วยประเทศได้ในเวลานี้” 

ส่วน ร.อ.ธรรมนัส  บอกว่า ความจริงท่านก็เป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน เมื่อถามว่าถึงกรณีที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและเกิดอุบัติเหตุการเมืองในสภา มองเรื่องบัญชีนายกฯ อย่างไร ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “คงใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขในสถานการณ์นี้ได้” เมื่อถามถึงเสียงในสภาขณะนี้เป็นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า "ตอนนี้ต้องพูดว่ามือที่มองไม่เห็นมันเยอะ สภายังไม่เปิดก็ยังไม่รู้ และเดี๋ยวสภาเกิดก็จะรู้ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างซ่อนมีดไว้ข้างหลังตัวเองหมด จึงยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร"

นอกจากนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) ได้เดินทางไปหารือสถานการณ์ประเทศร่วมกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี

จากทั้ง 2 ฝ่ายเคยมีจุดยืนทางการเมืองตรงข้ามกัน ใส่เสื้อคนละสี กลับมาเห็นร่วมกันถึงสถานการณ์ทางการเมือง พร้อมที่จะสร้างความสมานฉันท์สามัคคีกับทุกฝ่าย ร่วมกันต้านภยันตรายจากต่างประเทศ โดยมองว่า พล.อ.ประยุทธ์เสี่ยงที่จะนำประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม

ก่อนหน้านี้นายจตุพรตั้งกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ร่วมกับนายอดุลย์ ปลุกม็อบไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เช่นเดียวกับนายนิติธร แต่ไม่สำเร็จ คราวนี้จึงหันมาร่วมมือกันอย่างเปิดเผย

ทางด้านพรรคเพื่อไทยก็พยายามไล่ พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด 8 ปี จนจะครบเทอมแล้วก็ยังทำอะไรไม่ได้ ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับเรื่องกระแสข่าวการดีล ส.ส. 30 เสียงจากฝ่ายรัฐบาลให้มาอยู่ฝ่ายค้าน เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์

และยังโหมตีปี๊บปลุกประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะแบบแลนด์สไลด์ เพื่อได้เป็นรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาประเทศชาติ โดยเฉพาะ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค แบไต๋ว่า “ต้องปล่อยนักโทษทางความคิด ที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลทุกคน"

ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศว่า "หากพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสบริหารประเทศถึง 8 ปีเช่นนี้ จะไม่เห็นปรากฏการณ์คนอยากย้ายประเทศ รวมถึงพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ ก็จะอยากกลับมาสร้างความเจริญในประเทศไทย"

การประกาศจุดยืนดังกล่าวทำให้เห็นภาพหน้าตา ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกฯ หนีคุกขึ้นมาอย่างชัดเจน

ซึ่ง นายอดุลย์ ได้เตือนเรื่องนี้ไว้ด้วยว่า หากนายทักษิณกลับประเทศแบบเท่ๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ซ้ำรอยอีก

นอกจากนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.ดักทางว่า นายทักษิณทุจริตคอร์รัปชันจนศาลตัดสินลงโทษจำคุกก็หนีไปต่างประเทศ เอาพวกตัวเองที่อยู่ในสภา ออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะลบล้างความผิดทั้งหมด การประกาศว่าเลือกตั้งคราวหน้าจะแลนด์สไลด์ สยองเลย เพราะกลัว เห็นมาแล้ว และแม้ว่าจะไม่ออกมาเดินขบวนอีก แต่จะเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้กันโดยโซเชียลมีเดีย

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังถูกบีบให้ถึงทางตัน ประชาชนเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาสินค้าราคาแพง กองหนุนลุงตู่ ก็ผิดหวังที่รัฐบาลไม่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งตามเสียงเรียกร้อง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเล่น หงายไพ่ จะพาคนแดนไกลกลับบ้าน กระแสก็สวิงกลับ กลุ่มที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณก็มีปฏิกิริยาทันที จึงไม่แปลกที่เกิดเหตุการณ์ ตู่ตลาดแตก ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

เมื่อกระแสการเมือง 2 ขั้วยังเผชิญหน้ากันอยู่ ความพยายามที่จะลากเอา พล.อ.ประยุทธ์ลงจากอำนาจ จึงไม่มีแรงเหวี่ยงให้ทะลุไปถึงเป้าหมายได้ พล.อ.ประยุทธ์จึงลอยตัวมาได้เรื่อย ครั้งนี้ก็เป็นอีกรอบที่จะวัดใจกันอีกครั้ง

หลัง บิ๊กป้อม หลุดปากเรื่องนายกฯ สำรอง และมีกองเชียร์ดันให้เสียบเก้าอี้นายกฯ ขัดตาทัพ แต่จะกล้าทำตามเสียงเชียร์แล้วเดินเกมให้สุดซอยหรือไม่ มีแผนสำรองอย่างไร ก็อยู่ในใจ บิ๊กป้อม นั่นเอง!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)