ล็อกเป้า ซักฟอกถล่ม "สันติ" แผนทุบลำตัว "พปชร." ให้ทรุด

นอกเหนือจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นเป้าหลักของฝ่ายค้านในศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจกลางปีนี้แล้ว ถึงตอนนี้เห็นชัดว่า อีกหนึ่งรัฐมนตรีที่จะถูกฝ่ายค้านลากไปขึ้นเขียงกลางสภาฯ ให้รุมสับ-ขึงพืด-ทุบให้น่วม ก็คือ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กำกับดูแลกรมธนารักษ์ในเรื่อง

"การประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (EEC)"

ระหว่างกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ที่เป็นผู้ชนะการประกวดราคา

ที่เดิมทีกรมธนารักษ์จะมีการแถลงการเซ็นสัญญากับบริษัท วงษ์สยาม เมื่อวันอังคารที่ 3 พ.ค. เวลา 11.00 น. แต่แล้วก็ยกเลิกการทำสัญญาออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือประธานบอร์ดอีอีซี สั่งเบรกการเซ็นสัญญา ดังเอี๊ยด หลังฝ่ายค้านนำโดยเพื่อไทย ออกมาเดินหน้าตรวจสอบโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้วิธีดึง ส.ส.พรรคปัดเศษ กลุ่มพรรคเล็ก ก๊วน 16 นำโดย พิเชษฐ สถิรชวาล มาเป็นแนวร่วม โดยขู่ฟอดๆ ว่าหากมีการทำสัญญาโครงการดังกล่าว พรรคเล็กพร้อมจะไม่กดปุ่ม ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กลางสภาฯ

ฉนวนร้อนการทำสัญญาโครงการท่อส่งน้ำ ที่ฝ่ายค้านโหมโรงว่ามีกลิ่นตุๆ เลยทำให้นายกรัฐมนตรี-กรมธนารักษ์ ถอยมาตั้งหลักตรวจสอบอีกรอบ

แต่ที่สำคัญ เนื้อแท้ที่ต้องมีการเลื่อนการทำสัญญาออกไป ก็เพื่อต้องการดูทิศทางลมก่อนว่า เรื่องนี้จะทำให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลติดใจสงสัย จนกลายเป็นประเด็นในการโหวตไว้วางใจหรือไม่ เลยทำให้มีการเบรกโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ไว้เป็นการชั่วคราว เพราะเรื่องการประมูลโครงการท่อส่งน้ำดังกล่าว จริงๆ แล้วถูกจับตามองมาร่วม 3-4 เดือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งที่ผ่านมา ยุทธพงษ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้มีการแถลงข่าวมา 2 เดือน แต่ก็จุดไม่ติด คนไม่สนใจ เพราะเป็นเรื่องที่รายละเอียดสลับซับซ้อน เข้าใจยาก

ทว่าที่เริ่มเป็นประเด็นมากขึ้น เพราะฝ่ายค้านไปดึงพวกก๊วน ส.ส.พรรคปัดเศษ ที่ก็ต้องการปั่นราคาตัวเองอยู่แล้วในช่วงซักฟอกมาเป็นพวก ร่วมขย่มโครงการ และเขย่าเก้าอี้ สันติ-รมช.คลัง โดยลากเอาเรื่องจะไม่โหวตไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเข้ามาผสมโรง เลยทำให้เรื่องนี้ร้อนขึ้นมา จนสุดท้ายต้องมีการเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไป

ทิศทางลมการเมือง งานนี้มีโอกาสสูงที่ สันติ-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะโดนล็อกเป้า ถูกยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เว้นเสียแต่มีการยกเลิกการประมูล ซึ่งกรมธนารักษ์คงไม่ยอมเสี่ยง เพราะอาจโดนบริษัทเอกชนยื่นฟ้องได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ และสันติ ออกมาตอกย้ำหลายรอบว่า การประมูลมีความโปร่งใส และบริษัท วงษ์สยาม ทำทุกอย่างถูกต้อง มีการเสนอเงื่อนไขผลตอบแทนที่สูงกว่าบริษัทที่ไม่ชนะการประมูล เพราะอย่าง ประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ดีกรีก็ไม่ธรรมดาในเรื่องข้อกฎหมาย เพราะเป็นระดับอดีตผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลาง-อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา ก่อนโอนย้ายมารับราชการที่ ก.คลัง จึงแม่นในเรื่องกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นหากกรมธนารักษ์ยกเลิกการประมูล ก็เสี่ยงจะถูกฟ้องได้

เว้นเสียแต่จะพบว่า การประมูลทำไม่ถูกต้อง แต่ครั้นหากกรมธนารักษ์จะเดินหน้าต่อ ฝ่ายค้านคงไม่เลิกราในการตรวจสอบ เว้นเสียแต่จะใช้วิธี ชะลอโครงการเพื่อให้ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อน แล้วค่อยเซ็นสัญญา ซึ่งดูแล้วคงออกมาแบบนี้ แต่ของแบบนี้ฝ่ายค้านอ่านเกมออก

ดังนั้นถึงต่อให้ไปจนถึงช่วงศึกซักฟอก แม้กรมธนารักษ์ยังไม่มีการทำสัญญากับเอกชน แต่ฝ่ายค้านคงใส่ชื่อ สันติไว้ในบัญชียื่นซักฟอก เพราะสันติโดนฝ่ายค้านจองกฐินไว้แล้ว

อย่างในสภาฯ เพื่อไทยก็ให้ ไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ออกมารับลูกเรื่องนี้ โดยไชยาบอกว่า กมธ. จะเข้าตรวจสอบเรื่องโครงการดังกล่าว และเรียกคนมาชี้แจงวันที่ 11 พ.ค. ทั้งตัวแทน กรมธนารักษ์, ดร.คณิส แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอีอีซี,  กรรมการผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการประกวดราคาเพื่อขอข้อมูล

ส่วน ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาสำทับว่า โครงการดังกล่าวมีความผิดปกติ เพราะไม่มีการเปิดประมูลโครงการแบบอีบิดดิ้งให้ทุกบริษัทเข้ามาแข่งขันกัน แต่ใช้วิธีเรียกมาแค่ 5 บริษัท ในการแข่งขันเสนอราคา และเคาะให้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะ

"จะยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช. เพราะมีผู้อยู่ในข่าย 5 ราย ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล 2.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 3.สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง 4.คณะกรรมการที่ราชพัสดุ 6 คน ที่ลงมติรับรองให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง เป็นผู้ชนะประมูล 5.ยุทธนา หยิมการุณ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่เร่งรีบให้เปิดซองประกวดราคาในวันที่เกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2564

ขอย้ำว่า การตรวจสอบของฝ่ายค้านและฝ่ายต่างๆ ในการประมูลโครงการท่อส่งน้ำ มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นเรื่องดี เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใส 

แต่หากมองในเชิงการเมืองเห็นชัดว่า งานนี้ไม่ธรรมดา เพราะ “พิเชษฐ สถิรชวาล แม้จะเป็น ส.ส.พลังประชารัฐ แต่ก็เข้ามาหลังยุบพรรคประชาธรรมไทมาอยู่กับพลังประชารัฐ โดยการชักชวนของธรรมนัส พรหมเผ่า สมัยเป็นเลขาธิการ พปชร. “ทำให้พิเชษฐที่ช่วงนี้กำลังเคลื่อนไหวเรียกราคาให้กลุ่มพรรคเล็ก ในช่วงจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเปิดดีลทั้งเพื่อไทยและพรรคเศรษฐกิจไทยของธรรมนัส ที่ก็ไม่ถูกกับสันติ-รมช.คลัง มาตลอด ขณะที่เพื่อไทยก็ต้องการทุบให้ พปชร.เสียขบวนให้มากที่สุดก่อนถึงศึกเลือกตั้ง ซึ่งหากทุบ สันติ เลขาธิการพรรค พปชร.ได้ ย่อมทำให้ พปชร.มีอาการรวนแน่นอน ทุกอย่างจึงลงตัว

ศึกซักฟอกที่จะมีขึ้น นอกจากพลเอกประยุทธ์จะหนักแล้ว ดูท่า "สันติ รมช.คลัง-เลขาธิการ พปชร." น่าจะน่วม!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดินหน้าแจกดิจิทัลวอลเล็ต หลังเพิ่มทางเลือกแหล่งเงิน

หลังเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง” เปิดแถลงข่าวไทม์ไลน์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้านโยบายดังกล่าวต่อไป และจะสามารถแจกเงินให้ประชาชน 10,000 บาท ได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ คือประมาณ ตุลาคม-ธันวาคม 2567

กางไทม์ไลน์‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ รัฐบาลได้‘ไฟเขียว’แจกเงิน?

โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท นโยบาย เรือธง ของพรรคเพื่อไทย โยกเยก ไร้ความชัดเจนตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ

ทักษิณรุกคอนโทรล พท. ยิ่งขยับ ยิ่งเข้าทาง ก้าวไกล

การเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ เจ้าของพรรค-หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง วันอังคารที่ 26 มี.ค.นี้ ถ้าไม่มีการยกเลิกเสียก่อน แต่ก็พบว่า กระแสข่าวดังกล่าวค่อนข้างคอนเฟิร์มว่าทักษิณไปแน่

สภาสูงVSเศรษฐา เปิดแผนสว.จัดทัพถล่ม

ระเบิดศึกการเมือง “สมาชิกวุฒิสภาVSรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” กันในวันจันทร์ที่ 25 มีนาคมนี้แล้ว เพราะจะเป็นการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาญัตติให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153

ลายแทงอำนาจหลังศึก'สีกากี' ชิงจัดทัพเก้าอี้ตำรวจ-ทหาร

หลังจากนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเด้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล