‘สร้างอนาคตไทย’ เร่งเปิดตัว‘สมคิด’ กระตุ้นแรงดึงดูดพรรค-นักการเมือง

หลังจากก่อตั้ง ‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ มาสักระยะหนึ่ง และหลังจากปล่อยให้ 2 ผึ้งงานข้างกาย ‘อุตตม สาวนายน’ หัวหน้าพรรค และ ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ เลขาธิการพรรค ขับเคลื่อนพรรคอยู่หน้าฉาก

วันนี้มันถึงเวลาที่ ‘เฮียกวง’ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ศูนย์กลางของพรรคสร้างอนาคตไทย ต้องออกจากหลังฉากสู่เบื้องหน้า เพื่อขับเคลื่อนเต็มกำลัง

นอกจากไทม์มิงที่เหมาะสม เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนจะถึงเลือกตั้ง ที่ทำให้ ‘สมคิด’ ต้องออกมาถือธงนำ เพื่อโปรโมตสินค้าจริงจัง ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อองคาพยพว่า พรรคสร้างอนาคตไทยจะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ 

เพราะต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พรรคตั้งใหม่หลายพรรคตัดสินใจยุติการทำพรรคที่เพิ่งตั้งไข่ แล้วหันไปใช้วิธีผนึกกำลังกับพรรคอื่นแทน หลังบัตรเลือกตั้งถูกเปลี่ยนมาใช้ 2 ใบ และคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 100

พรรคตั้งใหม่หลายพรรคเคยหวังจะใช้สูตรหาร 500 เพื่อแชร์เก้าอี้ ส.ส. แต่เมื่อกติกาไม่เอื้อ การยืนด้วยลำแข้งตัวเองลำพังจึงลำบาก

เหมือนกับล่าสุดที่ นายกรณ์ จาติกวณิช ตัดสินใจย้ายของออกจากพรรคกล้า ที่ตัวเองเป็นคนลงหลักปักเสาเข็ม เพื่อมาอยู่กับพรรคชาติพัฒนาของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา เพิ่มโอกาสทางการเมือง

ขณะที่พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคใหม่แกะกล่องถูกตั้งคำถามเหมือนกันว่า จะลงเอยแบบพรรคกล้าหรือไม่ คือ หันไปจับมือกับกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้าแทน

คำตอบคือ ไม่ เพราะแม้พวกเขาจะเป็นพรรคใหม่เหมือนกับพรรคกล้า หากแต่สายป่านของผู้ชายที่ชื่อ ‘สมคิด’ ค่อนข้างยาวกว่า  

ในขณะเดียวกัน ‘สมคิด’ และ 2 กุมาร ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ ต่างมีประสบการณ์ในการก่อตั้งและบริหารพรรคขนาดใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐ รู้จักเหลี่ยมคูนักการเมืองมากขึ้น

 ‘วิธีการ-ทุน’ คือ 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคสร้างอนาคตไทยไม่สั่นคลอนไปกับกติกา เพียงแต่ว่าอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายและตัวเลขบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ‘เฮียกวง’ มักไม่ค่อยอยากเอาตัวเองไปขลุกกับพรรคการเมืองมากนัก มักจะอยู่เบื้องหลังมากกว่า แต่ครั้งนี้เลือกที่จะเปิดหน้าตั้งแต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งด้วยซ้ำ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแกนนำพรรคหลายคนมองว่า จุดดึงดูดความสนใจของพรรคสร้างอนาคตไทยยังมีไม่มากพอ แม้ชื่อของ ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ จะเป็นที่รู้จักบ้างก็ตาม 

พรรคอาจมีชื่อปรากฏอยู่ในข่าวเป็นระยะๆ แต่มันยังไม่มีอิมแพ็กที่จะทำให้คนมาโฟกัส จึงมีการรบเร้า ‘เฮียกวง’ ว่า มันถึงเวลาที่สมควรที่จะต้องเดินออกมาข้างหน้าเพื่อเป็น ‘แม่เหล็ก’ ให้กับพรรค โดยไม่ต้องรอให้เห็นตอนเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

อย่างน้อยสามารถเอาความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจของ ‘สมคิด’ ไปโฆษณาได้เต็มปากเต็มคำ ตามที่พรรคหมายมั่นจะขายความเป็น ‘พรรคเศรษฐกิจ’  

ขณะเดียวกันยังเป็นแรงดึงดูดนักการเมืองที่ยังไม่มั่นใจว่า พรรคสร้างอนาคตไทยจะเอาอย่างไร ให้ตัดสินใจมาร่วมเรือลำเดียวกันได้ง่ายขึ้น

เป็นการทำให้รู้ว่า ‘สมคิด’ มาแน่ๆ ไม่ชิ่งเหมือนที่มีการค่อนแคะกัน

ในขณะที่ผ่านมาพรรคสร้างอนาคตไทยเป็นพรรคที่เดินหน้า ‘ดีล’ กับกลุ่มการเมืองหลายก๊กในการที่จะมาจับมือกัน โดยเฉพาะพวกที่มีคอนเนกชันกับ ‘สมคิด’

หลายคนตัดสินใจมาแล้ว เหลือแค่รอยุบสภาฯ หลายคนยัง 50/50 เพื่อรอดูกระแส ในขณะที่บางส่วนรอดูสถานการณ์การเมืองว่าจะเป็นอย่างไร

ที่จับต้องตาเป็นพิเศษคือ พรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรค ที่ตอนนี้ยังไม่ชัดว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำพรรคเศรษฐกิจไทยต่อ หรือย้ายกลับมาอยู่กับ ‘บิ๊กป้อม’ ที่พรรคพลังประชารัฐ

นักการเมืองในปีก ร.อ.ธรรมนัสหลายคนกำลังรอดูว่า ร.อ.ธรรมนัสจะเอาอย่างไร หากกลับพรรคพลังประชารัฐ คนเหล่านี้จะไม่ตามกลับไป เพราะมองว่าพรรคพลังประชารัฐขายยากแล้ว และเลือกจะมาอยู่พรรคสร้างอนาคตไทยแทน

สำหรับ ร.อ.ธรรมนัสกับ 4 กุมารไม่ได้มีปัญหากัน

นอกจากนี้หลายคนที่ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐกำลังจ้องมองสถานการณ์ของพรรคตัวเองอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ ‘สมคิด’ เป็นคนชักชวนให้มาอยู่พรรคพลังประชารัฐในตอนนั้น 

อย่างไรก็ดี การออกมาของ ‘เฮียกวง’ ยังเป็นการออกมาแสดงจุดยืนของพรรคสร้างอนาคตไทยว่า พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย และไม่ใช่อะไหล่ของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน แม้จะเคยร่วมงานกันมาก็ตาม

เหมือนกับที่ ‘สมคิด’ กล้าที่จะแซะ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี 

 “คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรงนะ แต่ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง สิ่งนี้มาจากความจริงใจของผม ยิ่งมาแข่งเยอะยิ่งดี ตั้งใจจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร ในระบอบนี้ต้องคิดต่าง แต่เคารพความเห็นซึ่งกันและกัน”

แน่นอนว่า คนอาจจะมองว่า ‘สมคิด’ คับแค้นใจที่เคยถูกบีบจนต้องยกทีมออกจากพรรคพลังประชารัฐ จึงเหน็บแนม แต่อีกเจตนาคือ ต้องการทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 

โดยหลังจากเปิดตัว ‘สมคิด’ แล้ว พรรคสร้างอนาคตไทยจะเดินหน้าแบบเต็มสูบ โดยวางโปรแกรมลงพื้นที่ครั้งแรกของ ‘สมคิด’ ไว้ที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ เพื่อพบกับภาคธุรกิจ จากนั้นอีกสัปดาห์จะไปเยือนภาคอีสานที่ จ.อุบลราชธานี

ทุกจุดที่ลงจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง โดยหลีกเลี่ยงการปะทะประเด็นทางการเมือง เพื่อให้ภาพลักษณ์ของพรรคเป็นเรื่องแก้ปัญหาล้วนๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐา1/1เร่งเครื่อง ปม'พิชิต'ทำติดหล่ม หวังศาลรธน.เคลียร์จบ

ครม.เศรษฐา 1/1 หลังจากนี้ก็สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ รมต.ที่ได้รับการแต่งตั้ง ที่มีทั้งรัฐมนตรีหน้าใหม่

พิสูจน์ฝีมือ ‘ครม.เศรษฐา2’ ปรับทัพใหม่ รอดหรือร่วง?

หลังปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียบร้อย โดยมีรัฐมนตรีเข้าใหม่ 7 คน และออก 4 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ กว่าจะได้คนที่ถูกฝาถูกตัว ก็ต้องมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจเป็นธรรมดา

คณะสอบวินัย"บิ๊กโจ๊ก"ส่อเค้าวุ่นไม่จบ “สราวุฒิ”จ่อเกษียณโยนเผือกร้อนสีกากี

สู้กันทุกกระบวนท่าเต็มสรรพกำลังอภิมหาศึก “สีกากี” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพัวพันคดีเว็บพนันออนไลน์ ระบุว่า “การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

จับตาระเบียบใหม่ กกต. สกัดฮั้วเลือก 'สว.'

เตรียมนับถอยหลังปิดฉากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดบทเฉพาะกาลที่จะหมดวาระลงในวันที่ 3 พ.ค. 2567 แต่จะยังคงรักษาการจนกว่าจะมีวุฒิสภาชุดใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง หากดูตามไทม์ไลน์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

จากวังสราญรมย์ถึงตึกไทยคู่ฟ้า “ทูตปู”เลขาฯส่วนตัวทักษิณ สู่ตัวเต็งรมว.ต่างปท.คนใหม่

ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้ารัฐบาล และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาแค่หนึ่งคืนก็เคาะออกมาแล้วว่าจะดัน ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตทีมงานหน้าห้อง นายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล