ภาวะคลุมเครือ ‘พปชร.’ ‘หัว’ ไม่ชัด ‘หาง’ ขยับไม่ถูก

แม้ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไม่ได้เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรค แต่ถือเป็น ส.ส.อาวุโสของพรรคคนหนึ่งที่กล้าพูดและกล้าแสดงความคิดเห็น

ครั้งหนึ่งระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยพา "บิ๊กป๊อก"-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาเคลียร์ใจกับ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ หลังมีกระแสข่าวว่าจะโหวตสวน โดยนายวีระกรคือตัวแทน ส.ส.ที่พูดกับ "บิ๊กป๊อก" อย่างตรงไปตรงมาว่า ส.ส.ไม่พอใจเรื่องอะไร และควรจะต้องทำอย่างไร 

นอกจากนี้ยังเคยวิพากษ์วิจารณ์ "บิ๊กตู่"-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าทำตัวห่างเหิน ส.ส. ต่างจาก "บิ๊กป้อม"-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ฉะนั้น การออกมาเรียกร้องติดๆ กันให้ "บิ๊กตู่" มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะโดยคำสั่งของใคร ย่อมต้องเงี่ยหูฟัง เพราะอย่างน้อยเป็นความรู้สึกนึกคิดของคนในพรรค

อย่างไรก็ดี ท่าทีของนายวีระกรที่ออกมาถือเป็นการบ่งบอกสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ได้ในระดับหนึ่ง นั่นคือภาวะ "ไร้ความชัดเจน"

แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ "บิ๊กตู่" เริ่มนับในปี 2560 ตอนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีผลบังคับใช้ ทำให้เหลือโควตาเป็นผู้นำอีก 2 ปีเศษ สามารถเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ แต่ถึงตรงนี้กลับไม่มีใครรู้ว่า "บิ๊กตู่" จะเอาอย่างไร

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวออกมาหลายทาง ทางหนึ่งว่า "บิ๊กตู่" จะวางมือทางการเมือง เพราะเหลือโควตาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 2 ปีเท่านั้น 

ทางหนึ่งว่า "บิ๊กตู่" จะไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติของ "เสี่ยตุ๋ย"-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าพรรค 

โดยมีข่าวว่าสาเหตุที่ "บิ๊กตู่" ไม่ต้องการใช้พรรคพลังประชารัฐเป็นนั่งร้าน เพราะเงาด้านหลังของ "บิ๊กป้อม" ซึ่งกุมอำนาจเบ็ดเสร็จภายในพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ 

กระแสข่าวสารพัดทางที่ออกมาล้วนเกิดจากความไม่ชัดเจนของ "บิ๊กตู่" ว่าจะเอาอย่างไรทั้งสิ้น

ถึงตรงนี้ พรรคพลังประชารัฐแทบจะเป็นพรรคเดียวที่มีความเคลื่อนไหวในสนามเลือกตั้งที่เบาบางเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่นในระนาบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล หรือแม้แต่พรรคเกิดใหม่ทั้งหลาย

พรรคอื่นสามารถนำเสนอ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือตัวผู้นำของพรรคตัวเองไปนานแล้ว ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐกลับพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะขนาดผู้ใหญ่ภายในพรรคยังไม่แน่ใจเลย

และความคลุมเครือตรงนี้นี่เองที่ทำให้ ส.ส.หลายคนของพรรคพลังประชารัฐชิงตัดสินใจย้ายพรรคก่อนที่จะรู้คำตอบจากผู้มีอำนาจ เพราะมันล่วงเลยมาถึงเดือนตุลาคมแล้ว

คนที่สั่นไหวกับความไม่ชัดเจนตรงนี้ที่สุดคือ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐที่ยังอยู่ เพราะระยะเวลามันกระชั้นชิดบีบมาทุกทีให้ต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ระหว่างรีบย้ายพรรค หรือรอดูสถานการณ์ที่เหลือน้อยเต็มทีสำหรับการเตรียมตัวเลือกตั้ง  

สำหรับบางส่วนในพรรคพลังประชารัฐไม่มีปัญหากับการที่ "บิ๊กตู่" จะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะมองว่า "บิ๊กป้อม" สามารถถือธงนำทัพได้ และการไม่มี "บิ๊กตู่" ยังจะเป็นข้อดี ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการจับขั้วทางการเมืองในอนาคต โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทย 

แต่อีกบางส่วนให้ความสำคัญกับตรงนี้ เพราะมองว่าหาก "บิ๊กตู่" กับ "บิ๊กป้อม" ผนึกกำลังไปด้วยกันต่อ ผลลัพธ์ในสนามเลือกตั้งน่าจะเป็นบวกมากกว่าแยกกันเดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่คนในพรรคยังเชื่อว่าชื่อของ "บิ๊กตู่" ยังคงขายได้ แม้จะเหลืออายุใช้งานได้อีกเพียง 2 ปีก็ตาม

ขณะเดียวกันยังเชื่อกันอีกว่า ถ้า 2 พี่น้องยังลุยด้วยกันต่อ เลือดที่ไหลออกไปแล้วจะมีบางส่วนไหลกลับมา เพราะทำให้เห็นว่าผู้มีอำนาจยังเอาอยู่

ซึ่งสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ทำได้เพียงแต่เรียกร้องให้ผู้ใหญ่รีบคุยกันเพื่อสร้างความชัดเจน เพราะนักเลือกตั้งยิ่งช้ายิ่งเสียเปรียบ 

ขณะที่จับอาการ "บิ๊กตู่" ที่ยังนิ่ง แม้เป็นเวลาที่กระชั้นมากเรื่อยๆ มันพอจะอนุมานได้เหมือนกันว่าอยู่ระหว่าง "ชั่งใจ" เช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงจะแสดงความชัดเจนออกมาแล้ว

แต่กระนั้น ลำพังตัว "บิ๊กตู่" จะไปต่อหรือไม่ไปต่อ คงเป็นแค่ปัญหาเฉพาะตัว ไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่สำหรับสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ การไปต่อหรือไม่ไปต่อ สำคัญมากในเวลานี้ เพราะมีผลเกี่ยวพันกับอนาคตตัวเองในสนามเลือกตั้งและทางการเมือง

การออกมาเรียกร้องให้ "บิ๊กตู่" สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในทางหนึ่งมันคือการทวงถามความชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล

'บิ๊กป้อม' ประชุมใหญ่พปชร.ประกาศ สโลแกนใหม่ 'ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส'

'บิ๊กป้อม'นั่งหัวโต๊ะประชุมใหญ่พรรค ประกาศ สโลแกนใหม่ 'ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส' แย้ม ส่งรายชื่อเดียวนั่ง รมต. แต่ไม่ใช่ 'อรรถกร' ก่อนแก้เกี้ยวไม่รู้ ไม่บอก โยนถามนายกฯ

'อนันต์' การันตี 'ลุงป้อม' ส่งชื่อนั่ง รมต. โควตากำแพงเพชร

'อนันต์' การันตี 'ลุงป้อม' ส่งชื่อนั่ง รมต. มั่นใจคุณสมบัติไร้มลทิน ลั่นเก้าอี้ตัวนี้โควตากำแพงเพชร ไม่ท้อหากชวดตำแหน่ง เชื่อพรรคไม่แตกแม้ผลออกมาเป็นอย่างไร

ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด'พรบ.ธ.ก.ส.' แจกเงินหมื่น‘ลูกผีลูกคน’อีกแล้ว

ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง นำทีมหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาแถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบหลักการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

คณะก้าวหน้า-ธนาธรปักธง "สว.สีส้ม" แชร์เก้าอี้สภาสูง

การเมืองช่วงเดือนพฤษภาคม วาระสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ การได้มาซึ่ง วุฒิสภา-สภาสูง ชุดใหม่ ที่จะมาแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่