3 ร่างพ.ร.บ.ร้อนหลังเปิดสภาฯ กม.กัญชาระเบิดเวลาพรรครบ.

สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา กลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้ง ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายนนี้ และจะปิดสมัยประชุมวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 รวมเวลา 4 เดือน

แต่สำหรับสภาฯ การประชุมรอบนี้ จะเป็นเทอมสุดท้าย เพราะสภาฯ จะหมดวาระตามอายุขัย 4 ปี ส่วนจะได้อยู่จนครบเทอม 4 ปี หรือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะชิงยุบสภาฯ ก่อน ให้รอติดตามกันให้ดี คาดว่าหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปกเดือน พ.ย.นี้ น่าจะพอเห็นทิศทางการเมืองหลายอย่างว่าพลเอกประยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไร 

สำหรับการประชุมสภาฯ และวุฒิสภา ในช่วง 4 เดือนหลังเปิดสภาฯ พบว่าร่างพระราชบัญญัติที่ต้องจับตาทางการเมือง เพราะจะมีผลทั้งกับพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลและฝ่ายค้าน พบว่ามีร่าง พ.ร.บ.ที่รออยู่อย่างน้อย 3 ฉบับ

ฉบับแรกก็คือ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือที่เรียกกันในทางการเมืองว่า ร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า เหตุเพราะผู้เสนอและผลักดัน คือ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่นำโดยอดีตคนทำคราฟต์เบียร์ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จนผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรวาระแรกมาได้แบบพลิกความคาดหมาย เพราะ ส.ส.รัฐบาลหลายพรรค ทั้งพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และพรรคเล็ก แหกโผลงมติสนับสนุน โดยไม่สนใจมติวิปรัฐบาลที่ส่งสัญญาณขอให้ ส.ส.พรรครัฐบาลลงมติให้คว่ำตั้งแต่วาระแรก จนสภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งตอนนี้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว จะมีการนำเสนอให้สภาพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 โดยอาจพิจารณาในการประชุมสภาฯ นัดแรก 2 พฤศจิกายน แต่หากไม่ทันอาจเป็นสัปดาห์ถัดไป

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เดิมถูกจับตามองทางการเมืองค่อนข้างสูง เพราะธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย พบว่ามีเม็ดเงินปีละขั้นต่ำเกือบสี่แสนล้านบาท โดยร่างดังกล่าวเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีสรรพาสามิต ในลักษณะจะให้ปลดล็อกเรื่องใบอนุญาตในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ต้องไม่มีการกำหนดทุนจดทะเบียน ไม่มีการกำหนดอัตราขั้นต่ำกำลังการผลิต เช่น จากปัจจุบัน การขออนุญาตทำเบียร์ ผู้ขอต้องผลิตเบียร์ 10 ล้านลิตรต่อปี เพื่อบรรจุขวดขาย ก็มีการเสนอแก้ไขให้ปลดล็อกเรื่องนี้ออกไป

 และยิ่งตอนนี้ เส้นทางร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ก็ยิ่งตกอยู่ในความสนใจมากขึ้นไปอีก หลังมีกระแสข่าวมีสัญญาณแรงๆ ส่งมาจากแกนนำรัฐบาลไปถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ขอให้ประสานไปยัง ส.ส.ในพรรคให้ลงมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าฯ กลางสภาฯ วาระ 3 ไม่ให้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับนี้ได้ไปต่อ จนเกิดปฏิกิริยาโต้กลับจากบางฝ่ายโดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายค้าน

ทำให้ต้องดูว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ จนส่งไปให้วุฒิสภา หรือจะโดนสกัดกลางทาง ด้วยการถูกคว่ำกลางสภาฯ โดยต้องดูกันว่า ผลการออกเสียงลงมติ จะมี ส.ส.พรรครัฐบาลพรรคไหน ใครบ้าง และมีกี่คน ที่จะแหกโผ โดยคาดว่าวิปรัฐบาลจะมีการหารือเรื่องดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม เพื่อกำหนดท่าทีของวิปรัฐบาลที่จะส่งต่อไปยังพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป

ส่วนร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ 2 คือ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงฯ หรือที่รู้จักกันคือ กฎหมายกัญชา ที่พรรคภูมิใจไทย ผลักดันมาตลอด เพื่อให้เป็นกฎหมายรองรับการปลดล็อกกัญชาให้เป็นกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี ศุภชัย ใจสมุทร แกนนำพรรคภูมิใจไทยเป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้การผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ของพรรคภูมิใจไทยที่ชูนโยบายเรื่องกัญชาทางการแพทย์ ต้องสะดุดกลางสภา เพราะ ส.ส.รัฐบาลด้วยกันเอง โดยเฉพาะจากประชาธิปัตย์ ที่นำโดย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง กระโดดขวางเต็มตัว โดยให้เหตุผลว่าร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีช่องโหว่หลายมาตรา จนทำให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ สะดุด ไม่สามารถเข็นให้ผ่านสภาฯ ในการประชุมสภาฯ สมัยที่แล้วได้ ซึ่งในช่วงชุลมุนดังกล่าว เวลานั้นได้เกิดภาพการกระทบกระทั่งกันทางการเมืองระหว่างคนของพรรคภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ ถึงขั้นแกนนำและ ส.ส.ของทั้ง 2 พรรคแยกเขี้ยว-ฮึ่มใส่กันหลายรอบ

และตอนนี้เมื่อสภาฯ กำลังจะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ วาระ 2 และวาระ 3 อีกครั้งในสมัยประชุมสภาฯ เทอมนี้ หลังสภาฯ บรรจุเรื่องไว้ในระเบียบวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระต้นๆ ก็พบว่าท่าทีของคนในพรรคประชาธิปัตย์ยังตั้งป้อมค้านเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เช่นเดิม

 ทำให้แนวโน้มได้เห็นการเผชิญหน้ากันระหว่างภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์กลางสภาฯ ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ในอนาคตอันใกล้ เว้นเสียแต่พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล จะเข้ามาหย่าศึก เคลียร์ใจกับทั้ง 2 พรรค ก่อนสภาฯ จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล

ปิดท้าย ร่างกฎหมายฉบับที่ 3 ที่อาจเป็นเผือกร้อนต่อจากนี้คือ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.

ที่ตอนนี้ตัวร่างถูกส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาวาระแรก วันที่ 1 พฤศจิกายน คาดว่าสมาชิกวุฒิสภาคงลงมติรับหลักการวาระแรก เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา แล้วก็ให้กรรมาธิการฯ ไปแก้ไขเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.กยศ.หลายประเด็น จากที่ผ่านสภาฯ มา หลังมีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวบางจุด เช่น หลักเกณฑ์การให้เงินกู้ยืม -การชำระเงินกู้ยืมโดยไม่มีดอกเบี้ย เป็นต้น

โดยคาดว่าหากวุฒิสภาไปแก้ไขเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.กยศ.หลายเรื่อง ทาง ส.ส.คงไม่ยอมง่ายๆ จนอาจต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันของ 2 สภาฯ เพื่อหาข้อยุติ ทำให้แนวโน้ม ว่าร่าง พ.ร.บ.กยศ.จะเข็นให้คลอดออกมาได้คงหืดขึ้นคอ 

ทั้ง 3 ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือ 3 ร่างกฎหมายร้อนๆ ที่รอการพิจารณาของสภาฯ และวุฒิสภา ในสมัยประชุมนี้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล

'อนุทิน' ย้ำ ภท.หนุนดิจิทัลวอลเล็ตให้เป็นไปตามกฎหมาย ยึดข้อเสนอ 3 หน่วยงาน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ถึงกรณีที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการแจกเงินดิจิทัล

ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด'พรบ.ธ.ก.ส.' แจกเงินหมื่น‘ลูกผีลูกคน’อีกแล้ว

ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง นำทีมหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาแถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบหลักการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

'อนุทิน' ไม่กังวลแบงก์ชาติท้วงแจกเงินดิจิทัล ชี้หากไม่ถูกกฎหมาย กฤษฎีกา-สภาพัฒน์ต้องแจ้งมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนังสือเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

คณะก้าวหน้า-ธนาธรปักธง "สว.สีส้ม" แชร์เก้าอี้สภาสูง

การเมืองช่วงเดือนพฤษภาคม วาระสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ การได้มาซึ่ง วุฒิสภา-สภาสูง ชุดใหม่ ที่จะมาแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่

ศึก“วางคน-วางเกม”รับมือ สะท้อนผ่านวอรูม“เมียนมา”

ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางหลังจาก นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา