![p2](https://storage-wp.thaipost.net/2022/11/p2-11.jpg)
ผ่านไปแล้วอย่างเรียบร้อยและยิ่งใหญ่สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา
เห็นได้ชัด ประเทศไทยได้ใช้เวทีเอเปกโปรโมตสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว-เรื่องของการเป็นประเทศที่มี Soft Power ที่หลากหลาย-การแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็น MICE City หรือเมืองแห่งการจัดประชุมและนิทรรศการ ที่หลังจากนี้น่าจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของโลก หากจะมีการจัดกิจกรรมการประชุมและนิทรรศการระดับนานาชาติ
ทั้งหมดคือความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่ก็ต้องยอมรับว่า เครดิตเรื่องนี้ยังไงรัฐบาลปัจจุบัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ไปเต็มๆ ในฐานะรัฐบาลที่จัดการประชุมเอเปก
เมื่อเอเปกจบไปแล้ว หลังจากนี้โหมดการเมืองเริ่มกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง โดยประเด็นร้อนทางการเมืองที่ต้องติดตามต่อจากนี้ เบื้องต้นพบว่ามี 5 เรื่องสำคัญที่ต้องจับตา ประกอบด้วย
1.การตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์
ประเมินว่า แม้ก่อนหน้านี้ พลเอกประยุทธ์จะส่งสัญญาณทางการเมืองทำนองว่า รอให้ผ่านเอเปกก่อนถึงจะให้ความชัดเจนและพูดคุยเรื่องการเมือง
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พลเอกประยุทธ์เลือกที่จะเดินต่อทางการเมืองแน่นอน เพียงแต่จะอยู่บนเส้นทางไหน ระหว่าง อยู่ที่ พลังประชารัฐ เพื่อให้ 3 ป. ผนึกกำลังกันเหนียวแน่น หรือเลือกที่จะไป รวมไทยสร้างชาติ เพื่อสร้างฐานที่มั่นการเมืองของตัวเองที่เป็นบ้านหลังใหม่ เพราะอึดอัดใจที่จะอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งต้องอยู่ใต้เงาของ พี่ป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงเพื่อเดินตามยุทธศาสตร์ แยกกันเดิน รวมกันหลังเลือกตั้ง ของ 3 ป.
กระนั้นประเมินแล้วคาดได้ว่า ถึงจบเอเปกมา พลเอกประยุทธ์คงไม่รีบประกาศการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของตัวเองทันที เพราะเหลือเวลาพอสมควรให้ตัดสินใจ โดยอาจขอรอดูไทม์มิ่งการเมืองอีกสักระยะเพื่อพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เช่น ผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญต่อร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ว่าด้วยสูตรหาร 100 ปาร์ตี้ลิสต์ ในวันที่ 30 พ.ย.นี้
ทุกปัจจัยชี้ชัด การตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ว่าจะเลือกเดินต่อไปบนเส้นทางทางการเมืองแบบไหน จะส่งผลต่อบริบทการเมืองโดยรวมตามมา เช่น การตัดสินใจว่าจะยุบสภาฯ ในช่วงใด หรือสุดท้ายจะดันให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปี เพื่อไปเลือกตั้ง 7 พ.ค.2566 ซึ่งหากใช้สูตรนี้ เรื่องการสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน จนถึงวันเลือกตั้ง ตามกฎหมายเลือกตั้งจะขยับไปที่เส้นตาย 7 ก.พ.2566
2.การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องคดีร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง
ที่พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภาพร้อมคณะรวม 77 คน เข้าชื่อกันยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา มีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลได้นัดอ่านคำวินิจฉัยวันพุธนี้ 23 พ.ย.
สำหรับประเด็นที่ยื่นคำร้องให้ตีความมีทั้งสิ้น 3 ประเด็นคือ 1.กรณีมีการแก้ไขเกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองที่เรียกเก็บจากสมาชิก 2.การลดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่เดิมกำหนดห้ามบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค แต่ร่าง พ.ร.บพรรคการเมืองไปแก้ไขให้บุคคลที่มีมลทินสามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ จึงเห็นว่าน่าจะขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ป้องกันผู้ที่มีมลทินเข้าสู่การเมือง 3.กรณีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลักเกณฑ์การเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. หรือไพรมารีโหวตของพรรคการเมือง
3.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ในเรื่องสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ 100 หาร
อันเป็นคำร้องที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.พรรคพลังธรรมใหม่กับพวกรวม 106 คน เข้าชื่อกันยื่นคำร้อง ที่ศาลนัดอ่านคำวินิจฉัย 30 พ.ย.
โดยประเด็นที่ยื่นคำร้องไปมี 2 ประเด็นคือ ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ระบบการคิดคำนวณ ส.ส.ด้วยการหาร 100 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกระบวนการตราร่างกฎหมายฉบับนี้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยคำร้องยกประเด็นว่า มีพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค มีการถ่วงเวลา ทำให้การประชุมรัฐสภาล่มถึง 4 ครั้ง อันหมายถึงไม่ใช่การมุ่งมั่นตั้งใจกระทำการตามกระบวนการกฎหมาย
ผลคำวินิจฉัยที่ออกมา หากสุดท้ายศาลไฟเขียวทั้งร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองและร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ก็เตรียมนำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป โดยหากมีการประกาศใช้กฎหมายพรรคการเมือง-กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ก็เท่ากับมีกฎหมายรองรับสำหรับการเลือกตั้ง ทำให้พลเอกประยุทธ์สามารถ ยุบสภาฯ ได้ตลอดเวลา
และแน่นอนว่าหากสุดท้ายกฎหมายทั้ง 2 ฉบับผ่านจากศาลรัฐธรรมนูญมาได้ โดยเฉพาะหากหาร 100 ปาร์ตี้ลิสต์ฉลุย
จะเกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ตามมาทันที เช่น อาจได้เห็นการ เจรจา-ควบรวมพรรค ของพรรคการเมืองขนาดกลาง-เล็ก พรรคตั้งใหม่ ที่ไปต่อไม่ไหวหากใช้ 100 หารปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่คืบ เหตุก็เพราะรอเรื่องนี้อยู่ แต่หากกติกาเลือกตั้งชัดแล้ว คงทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้นทันที เป็นต้น
ทว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ศาลชี้ว่าเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ หรือฉบับใดฉบับหนึ่งมีปัญหา ขึ้นมา คราวนี้ก็ยุ่งแน่ ต้องมาดูว่ารัฐสภาจะหาทางออกอย่างไรในการไปปรับปรุงเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ทันกับช่วงเวลาที่สภาฯ ชุดนี้เหลือเวลาการทำงานอีกแค่ประมาณ 3 เดือนกว่า ก็จะปิดสมัยประชุม 28 ก.พ.2566
4.การปรับคณะรัฐมนตรีรอบสุดท้าย
ซึ่งหากสุดท้าย พลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและผู้จัดการรัฐบาล ไม่ส่งชื่อคนในพลังประชารัฐให้พลเอกประยุทธ์เป็นรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่งตอนนี้ ก็จะทำให้การปรับ ครม.รอบสุดท้าย พลเอกประยุทธ์คงแค่เสนอชื่อ นริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ประชาธิปัตย์ เป็น รมช.มหาดไทยคนใหม่ ตามมติพรรค ปชป.ที่ส่งชื่อมาให้พลเอกประยุทธ์ตั้งแต่ 12 ต.ค. ที่ถึงขณะนี้ก็ผ่านไปเดือนเศษแล้ว โดยหากช้าไปกว่านี้ ประชาธิปัตย์คงมีเคืองแน่นอน
5.ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ระเบิดเวลาพรรคร่วมรัฐบาล
ที่พบว่า วิปรัฐบาลกำหนดให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นโต้โผใหญ่ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ 7 ธ.ค. โดยพบว่า แกนนำ-ส.ส.ของทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ยังคงเปิดศึกวิวาทะเรื่องนี้กันอย่างดุเดือด แบบไม่มีใครยอมใคร โดยประชาธิปัตย์สร้างกระแสว่า หากกฎหมายนี้ผ่าน จะทำให้เกิดกัญชาเสรีสุดขั้ว แต่ภูมิใจไทยโต้ว่า ตอนนี้มันเสรีอยู่ แต่หากยิ่งไม่มีกฎหมายกัญชาออกมาควบคุม จะยิ่งทำให้กัญชาเสรีสุดขั้วของจริง และอัดว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมืองของประชาธิปัตย์ที่ต้องการเตะตัดขาภูมิใจไทย เพราะไม่อยากให้พรรคมีผลงานไปหาเสียง ทำให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จึงเป็นระเบิดเวลาของพรรคร่วมรัฐบาลที่คงร้อนแรงแน่ ยามเมื่อร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
ทั้งหมดคือ 5 เรื่องสำคัญทางการเมืองที่ต้องติดตามกันหลังจากรูดม่านปิดฉากการประชุมเอเปกไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ลุง”กับ“อา”ใจถึงพึ่งได้ เฮือกสุดท้ายใน”บ้านป่า”?
“เปิดต้อนรับนักการเมืองเทรนด์เดียวกัน ที่รสนิยมในเรื่องของ พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง ต้องมาก่อน เรื่องคำมั่นสัญญา การไม่หักหลังกัน เปรียบเหมือน ปฏิญญา-กฎเหล็ก ในการคบหากันของแวดวงคนใจนักเลง”
“อนุทิน-ภท.” “พยัคฆ์ติดปีก”
กรณีสถานการณ์ “กัญชา” พลิกจากเดิมที่จะถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติด หักนโยบายพรรคภูมิใจไทยสร้างมา เป็นการออก พ.ร.บ. เพื่อใช้เฉพาะทางการแพทย์ วิจัย เศรษฐกิจเท่านั้น
ผลโหวตวุฒิสภาชุด13 ‘มงคล’ปธ.หัวใจสีเหลือง
ผ่านพ้นจนได้ สำหรับการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา 2 ตำแหน่ง แม้จะมีเรื่องขรุขระต้องนับคะแนนใหม่อีกรอบหนึ่ง ในการเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เนื่องจากมีคะแนนเกินมา 1 แต้ม
ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!
วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร
ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ
การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.
แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน