4 มี.ค.ศาลฎีกาตัดสิน คดี"ยิ่งลักษณ์"งบอีเวนต์ แม้ยกฟ้อง กลับไทยไม่ง่าย

การได้รับการพักโทษของ ทักษิณ ชินวัตร ที่สุดท้ายไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว แม้จะต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาหลายคดีรวมกันให้ติดคุก 8 ปี แต่สุดท้ายก็ได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่คฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า จนตอนนี้สร้างจันทร์ส่องหล้าให้เป็นศูนย์รวมอำนาจ-แหล่งบัญชาการทางการเมืองของรัฐบาลเพื่อไทย ทำให้หลายคนกำลังจับตากันว่า ทักษิณโมเดล จะเกิดขึ้นกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ-น้องสาว ที่ตอนนี้หนีคดีอยู่ต่างประเทศ จะตามรอยพี่ชายหรือไม่ โดยเฉพาะหากยิ่งลักษณ์สามารถปลดชนักติดหลังคดีความต่างๆ ได้

ซึ่งก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจสำหรับคดียิ่งลักษณ์ เพราะสัปดาห์หน้าคือวันจันทร์ที่ 4 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น. “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก ในคดี จัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 เพื่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีการว่าจ้างเอกชนทำโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐบาล โดยมีจำเลยที่ถูกยื่นฟ้องคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ, นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี, สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และบริษัทเอกชน 2 แห่งที่ทำธุรกิจสื่อมวลชน

โดยทั้งหมดถูก ป.ป.ช.ยื่นฟ้อง โดยสรุปว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบ ในการจัดแข่งขันราคาจัดจ้างงบอีเวนต์โครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเป็นเงิน 239 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในการอ่านคำพิพากษาวันที่ 4 มี.ค.นี้ มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ

-โดยหลัก ศาลจะต้องอ่านคำตัดสินต่อหน้าจำเลยครบทุกคน ซึ่งหากจำเลยที่ถูกฟ้องคนใดคนหนึ่งไม่มาปรากฏตัว ศาลจะเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน แล้วจะนัดอ่านคำพิพากษาภายในไม่เกินสามสิบวัน ซึ่งคดีดังกล่าวก็มีข่าวว่าจำเลยบางคนก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ดังนั้นหากมีจำเลยบางคนไม่มา ศาลอาจเลื่อนก็ได้

อย่างไรก็ตาม หากจำเลยทุกคนมาครบ แต่ขาดยิ่งลักษณ์ ตรงนี้ศาลฎีกาอาจอ่านคำตัดสินคดีวันที่ 4 มี.ค. ไม่ต้องเลื่อนก็ได้  เพราะที่ผ่านมายิ่งลักษณ์หลบหนีคดีไปต่างประเทศหลายปีแล้ว ศาลก็รู้เรื่องนี้ดี อีกทั้งก่อนหน้านี้ เมื่อ 26 ธ.ค.2566 ศาลฎีกาก็ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.มาแล้ว โดยไม่เลื่อนแต่อย่างใด

ดังนั้น 4 มี.ค.นี้ ศาลฎีกาจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนอ่านคำตัดสินคดี จึงอยู่ที่จำเลยคนอื่นว่าจะมาครบหรือไม่ครบ ไม่ใช่ตัวยิ่งลักษณ์      

หากศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องจำเลยทั้งหมด หรือตัดสินว่าจำเลยบางคนมีความผิด แต่ ยิ่งลักษณ์-รอด ยกฟ้อง เพราะไม่มีส่วนรู้เห็น พยานหลักฐานโยงไปไม่ถึง

เท่ากับว่ายิ่งลักษณ์ชนะ 2 คดีติดๆ กัน

คือคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี และคดีจัดโรดโชว์

แล้วถ้าเช่นนั้น ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับไทยในปีนี้ 2567 ได้หรือไม่?

จุดนี้เริ่มที่การแกะรอยคดีก่อน พบว่าเวลานี้มีคดีที่ยิ่งลักษณ์ตกเป็นจำเลยที่ศาลฎีกาอยู่ 2 คดี

คดีแรก ศาลฎีกายกฟ้องไปแล้ว คือคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งศาลฎีกาตัดสินไปเมื่อ 26 ธ.ค.2566 แต่กฎหมายเปิดช่องให้อุทธรณ์คดีได้

 ดังนั้นหากอัยการสูงสุดจะยื่นต่อต้องยื่นอุทธรณ์คดีภายในสามสิบวัน นับแต่ 26 ธ.ค.2566

ที่จนถึงขณะนี้เลยเวลามาแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏเป็นข่าวออกมาแต่อย่างใดว่า นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแล้วหรือยัง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลังรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน 2560 เปิดโอกาสให้ทั้งโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พบว่า

 “ยังไม่เคยมีคดีใด ที่อุทธรณ์แล้วชนะ มีการพลิกคำพิพากษา”

ด้วยเหตุนี้มีการมองกันว่า คดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ถึงต่อให้ อัยการสูงสุดอุทธรณ์คดีไป โอกาสพลิกที่จะทำให้ศาลฎีกากลับมาตัดสินลงโทษยิ่งลักษณ์จึงยาก

ส่วนคดีที่สอง ก็คือคดีจัดโรดโชว์ ที่จะตัดสิน 4 มี.ค.นี้ ซึ่งหากไม่เลื่อน แล้ว ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ศาลยกฟ้อง ก็ต้องรอลุ้นอีกว่า ป.ป.ช.ที่ยื่นฟ้องคดีนี้เอง หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือไม่ โดยหากยื่นก็ต้องรอผลการตัดสิน ขององค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่ใช้เวลาอีกหลายเดือน แต่อย่างที่บอก ที่ผ่านมายังไม่เคยมีคดีใดที่อุทธรณ์แล้วมีการพลิกคำพิพากษา ดังนั้น ถึง ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ ยิ่งลักษณ์ก็ยังถือแต้มต่ออยู่

แต่หากวันที่ 4 มี.ค.นี้ ยิ่งลักษณ์ไม่รอด ถูกศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิด กฎหมายก็เปิดช่องให้ยิ่งลักษณ์ยื่นอุทธรณ์คดีได้

ทว่ามาติดปัญหาตรงที่ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาตรา 29 เขียนล็อกไว้ว่า

“จําเลยจะต้องมาแสดงตนต่อศาลและยื่นคําร้องต่อศาลเพื่อขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ แต่ต้องยื่นภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ศาลมีคําพิพากษา”

ที่หมายถึงยิ่งลักษณ์ต้องกลับประเทศไทย และต้องไปยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาด้วยตัวเอง ให้ทนายยื่นแทนไม่ได้

หากรูปคดีเดินไปตามนี้ คดีโรดโชว์จะยังไม่สิ้นสุด และตัวยิ่งลักษณ์ที่ถูกศาลฎีกาออกหมายจับคดีจำนำข้าว เพราะโดนตัดสินจำคุก 5 ปี ทำให้หากกลับมาเพื่อใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ก็ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ที่ยิ่งลักษณ์คงไม่ยอม

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า 4 มี.ค.ผลคำตัดสินของศาลฎีกาไม่ว่าจะออกมาแบบไหน ยิ่งลักษณ์รอดหรือไม่รอด คดีก็ยังไม่สิ้นสุดทันที ทำให้สถานะยิ่งลักษณ์จะแตกต่างจากทักษิณ

 เพราะของทักษิณคดีจบหมดแล้ว ทักษิณถึงเดินทางกลับไทย หลัง ดีลลับ ลงตัว

แต่ยิ่งลักษณ์คดียังไม่สิ้นกระแสความ ทำให้ ดีลใหม่ อาจติดขัด ยิ่งลักษณ์ยังกลับไม่ได้ จนกว่าคดีจบหมดทุกอย่าง

ที่สำคัญยิ่งลักษณ์ตอนนี้อยู่ในวัย 56 ปี ไม่ใช่ 70 ปีแบบทักษิณ ที่หากคดีจบหมดแล้ว ยิ่งลักษณ์จะมาวางแผนขอใช้สิทธิ์พักโทษ โดยก่อนมาแกล้งโพสต์เฟซบุ๊กว่า เจ็บไข้ได้ป่วยอยากกลับมารักษาตัวที่ป่วยในไทย เพื่อหวังจะไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ตามรอยทักษิณพี่ชาย

ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่ คนในตระกูลชินวัตร จะมาใช้วิธีการแบบนี้ ทำติดๆ กันในเวลาห่างกันไม่กี่เดือน คงเป็นเรื่องที่สังคมไทยยากจะยอมรับกันได้ 

เพราะแม้รูปคดียิ่งลักษณ์จะเบากว่าทักษิณเยอะ จนน่าจะพอลุ้นข่าวดี หากยิ่งลักษณ์ยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ-ลดโทษ

ด้วยเหตุว่า ยิ่งลักษณ์โดนตัดสินจำคุกคดีจำนำข้าว ด้วยความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้โดนตัดสินว่าผิดเรื่องทุจริต

ผิดกับทักษิณ โดนจำคุก 8 ปี หลายคดี และมีเรื่องของทุจริต ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงโดนยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท เพราะร่ำรวยผิดปกติ 

ทำให้ยิ่งลักษณ์มีโอกาสลุ้น หากยื่นถวายฎีกา เพราะรูปคดี-โทษรับผิด เบากว่าทักษิณ

แต่อย่างที่บอก ถึงต่อให้ 4 มี.ค.นี้ ยิ่งลักษณ์ได้ข่าวดี ศาลยกฟ้อง แล้วคดีถวิล เปลี่ยนศรี แม้อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ไป มันก็ยากที่คดีจะพลิก แต่ดูจากเงื่อนเวลาต่างๆ ตลอดจน เงื่อนไขการพักโทษ ที่วัยของยิ่งลักษณ์ไม่เข้าเกณฑ์การพักโทษ

 ที่สำคัญ กระแสสังคมคงคับแค้นใจ-รับไม่ได้หาก “สองพี่น้อง ตระกูล-ชินวัตร” จะได้รับอภิสิทธิ์ชนแบบติดๆ กัน

ทำให้เงื่อนเวลาที่ยิ่งลักษณ์ จะกลับไทยปี 2567 ที่ลือกันว่า เป็นอีกหนึ่งออฟชันของ “ดีลลับ” จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คณะสอบวินัย"บิ๊กโจ๊ก"ส่อเค้าวุ่นไม่จบ “สราวุฒิ”จ่อเกษียณโยนเผือกร้อนสีกากี

สู้กันทุกกระบวนท่าเต็มสรรพกำลังอภิมหาศึก “สีกากี” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพัวพันคดีเว็บพนันออนไลน์ ระบุว่า “การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

จับตาระเบียบใหม่ กกต. สกัดฮั้วเลือก 'สว.'

เตรียมนับถอยหลังปิดฉากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดบทเฉพาะกาลที่จะหมดวาระลงในวันที่ 3 พ.ค. 2567 แต่จะยังคงรักษาการจนกว่าจะมีวุฒิสภาชุดใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง หากดูตามไทม์ไลน์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

จากวังสราญรมย์ถึงตึกไทยคู่ฟ้า “ทูตปู”เลขาฯส่วนตัวทักษิณ สู่ตัวเต็งรมว.ต่างปท.คนใหม่

ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้ารัฐบาล และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาแค่หนึ่งคืนก็เคาะออกมาแล้วว่าจะดัน ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตทีมงานหน้าห้อง นายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

'เศรษฐา1/1'เศรษฐกิจ-การเมืองนำ เว้นระยะ'ความมั่นคง-กองทัพ'

โฉมหน้า “คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1” ที่ออกมา นอกจากจะเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป้าหมายที่ฉายภาพชัดต่อทิศทางการบริหารงานของรัฐบาล

ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด'พรบ.ธ.ก.ส.' แจกเงินหมื่น‘ลูกผีลูกคน’อีกแล้ว

ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง นำทีมหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาแถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบหลักการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา