20ปีแห่งการสูญเสีย‘คดีตากใบ’ 14จำเลย-ผู้ต้องหาส่อลอยนวล?

อีก 1 เดือนโดยประมาณครบ 20 ปีแล้ว ที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่ อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งทหาร ตำรวจ จับประชาชนเป็นร้อยๆ คนที่ไปยืนชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายกามา อาลี กับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหา ที่เป็นอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)

โทษฐานแจ้งความเท็จและยักยอกทรัพย์ กรณีนำอาวุธลูกซองของราชการ ที่ใช้คุ้มครองหมู่บ้านไปมอบให้แก่คนร้าย แล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่า อาวุธปืนดังกล่าวถูกคนร้ายปล้นไปจากหน้าสถานีตำรวจ สภ.ตากใบ จับผู้ชุมนุมนับร้อยคนไปอยู่ในรถบรรทุก 25 คัน ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้ผู้ชุมนุมเสียชีวิต 78 คน อันเนื่องมาจากขาดอากาศหายใจ!

กลายเป็นอีกหนึ่งคดีอาญาที่ใช้เวลาดำเนินการนาน ใกล้ครบ 20 ปี ในวันที่ 25 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ตัวเลขนี้มีความหมายกับญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะครบ 20 ปีเมื่อไหร่ ตามกฎหมายถือว่าอายุความขาด เมื่อถึงวันนั้นก็จะกลายเป็นว่าผู้ต้องหาลอยนวล กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติชน ไร้มลทิน

 “คดีตากใบ” แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ส่วนที่หนึ่งมีอัยการสูงสุด เป็นโจทย์ฟ้องผู้ต้องหา 8 ราย ประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ 1 พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร. 5) เป็นผู้สั่งสลายการชุมนุม ผู้ต้องหาที่ 2 ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส เป็นพลขับ ผู้ต้องหาที่ 3 นายวิษณุ เลิศสงคราม เป็นพลขับ

ผู้ต้องหาที่ 4 ร.ท.วิสนุกรณ์ ชัยสาร เป็นพลขับ ผู้ต้องหาที่ 5 นายปิติ ญาณแก้ว เป็นพลขับ ผู้ต้องหาที่ 6 พ.จ.ต.รัชเดช หรือพิทักษ์ ศรีสุวรรณ เป็นพลขับ ผู้ต้องหาที่ 7 พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ เป็นผู้ควบคุมขบวนรถ และผู้ต้องหาที่ 8 ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ เป็นพลขับ

โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ย. “ประยุทธ เพชรคุณ” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีตากใบในส่วนนี้ สรุปสาระสำคัญคือ สั่งฟ้องต่อศาลไปเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา และเนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่ได้เรียกผู้ต้องหาทั้ง 8 คนมารับข้อกล่าวหา อัยการสูงสุดจึงต้องแจ้งไปยัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. (กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.) เพื่อให้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน และส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการ จ.ปัตตานีต่อไป

กล่าวง่ายๆ คือ หากนำตัวผู้ต้องหา 8 คนมาขึ้นศาลไม่ทันสั่งฟ้อง บุคคลเหล่านี้ก็จะหลุดจากคดี ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยอัตโนมัติ

สำหรับคดีตากใบ ส่วนที่สองมีญาติผู้เสียชีวิตเป็นโจทย์ ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในขณะนั้น โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค. “ศาลจังหวัดนราธิวาส” รับฟ้อง และนัดสอบคำให้การครั้งแรกในวันที่ 12 ก.ย. แต่ปรากฏว่า จำเลยไม่ปรากฏตัวต่อศาล ทำให้ศาลออกหมายจับจำเลย 6 คน จากทั้งหมด 7 คน ได้แก่ 1.พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 2.พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า 3.พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ. 9)

4.พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ (ผกก.สภ.ตากใบ) 5.นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รอง ผอ.กอสส.จชต.) และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ 6.นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส 

ส่วน 1 คนที่ไม่ได้ออกหมายจับ คือ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีตแม่ทัพภาค 4 จำเลยที่ 1 ซึ่งปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ด้วยความที่ยังมีสมาชิกภาพเป็น สส. ผู้แทนปวงชน จึงมีเอกสิทธิ์คุ้มกันระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ทว่า เอกสิทธิ์คุ้มกันก็ไม่สำคัญเท่าการทราบว่า “พล.อ.พิศาล” รักษาตัวอยู่ต่างประเทศ!!! บางคนมองว่าเป็นแท็กติกทางกฎหมาย เมื่อครบ 25 ต.ค.เมื่อไหร่ ก็กลับเข้าประเทศได้ทันที

แต่เมื่อถามว่า พล.อ.พิศาล ได้ทำหนังสือลาประชุมหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่าเจ้าตัวรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ ทั้งประธานสภาฯ และเลขาธิการสภาฯ กลับโยนเป็นเรื่องของงานธุรการ

ประเด็นสำคัญของคดีตากใบอยู่ที่จำเลยทั้งหมดทั้งมวล 14 คนอาจหลุดคดีได้ ถ้านำตัวบุคคลเหล่านี้มาต่อหน้าศาลไม่ได้ ถือเป็นเรื่องใหญ่มหึมาของกระบวนการยุติธรรม ที่ปล่อยให้คดีเกือบครบอายุความ แล้วค่อยมาจริงจังเอาช่วงปีสุดท้าย จนกระทั่งทำอะไรไม่ทัน

ถามว่า 18-19 ปีที่ผ่านมา มัวทำอะไร? 

ท้ายที่สุด ต้องค่อยดูว่าหลังจากนี้จนถึง 25 ต.ค. จะสามารถนำตัวจำเลยฟ้องต่อหน้าศาลได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็หมายความว่าผู้ต้องหา-จำเลยจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ

ขณะเดียวกัน จะทิ้งเป็น บาดแผลในใจแก่ชาวตากใบและครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 78 ครอบครัว เพราะเขาไม่ได้รับความยุติธรรม ที่สำคัญจะทำให้กลายเป็นน้ำผึ้งอีกหยดหนึ่งระหว่างประชาชนกับภาครัฐหรือไม่?.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’

นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ

โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!

หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1

"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย

พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน

ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม