ชิง2เก้าอี้ตุลาการศาลรธน. สว.สีน้ำเงินตัวปิดเกม

หลังที่ประชุมวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชาตรี อรรจนานันท์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เข้าไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคะแนนเสียงโหวตเห็นชอบไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเสียง สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทำให้ต้องมีการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ 2 คน เพื่อเข้าไปทำหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่แทน ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ โดยได้ปิดรับสมัครไปเมื่อ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยผู้สมัครเข้ารับการสรรหา รอบนี้มีด้วยกัน 7 คน แยกเป็น 2 กลุ่มได้ดังนี้

กลุ่มแรก ผู้สมัครเป็นตุลาการศาล รธน.ในสาขาผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ เพื่อมาแทน ศ.ดร.นครินทร์ ประธานศาล รธน. มีด้วยกัน 3 คนคือ

1.ศาสตราจารย์ธงพล พรหมสาขา ณ สกลนคร ศาสตราจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร

2.ศาสตราจารย์ไชยันต์ ไชยพร ศาสตราจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

3.ศาสตราจารย์ ร้อยตำรวจเอกสุธรรม เชื้อประกอบกิจ ศาสตราจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

และ 2 กลุ่มผู้สมัครตามรัฐธรรมนูญ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี มีด้วยกัน 3 คน ที่จะมาแทนปัญญา ตุลาการศาล รธน. ประกอบด้วย

1.นายธัญญา เนติธรรมกุล อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล

2.ร้อยตำรวจโทอุทัย อาทิเวช อดีตรองอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด

3.สราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง

4.นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อดีตอธิบดีกรมคุมประพฤติ และอดีตอธิบดีกรมบังคับคดี

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ของผู้สมัครทั้งหมดต่อไป

คาดว่าภายในเดือน พ.ค. คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน คงนัดประชุมและเรียกผู้สมัครที่ไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม มาทำการสัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์ต่อไป

สำหรับรายชื่อผู้สมัครที่น่าสนใจ ก็มีบางชื่อที่ถูกจับตามอง เช่น ในกลุ่มที่ 2 ที่มีชื่อสราวุธ อดีตอธิบดีกรมทางหลวง ที่เคยสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นตุลาการศาล รธน.สาขาดังกล่าวมาแล้วในการรับสมัครครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้

โดยในการลงมติของคณะกรรมการสรรหาฯ ชื่อของสราวุธก็ได้รับการโหวตจากที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ 2 รอบ แต่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ จนทำให้เมื่อเข้าสู่การโหวตรอบที่ 3 กรรมการสรรหาฯ จึงเทคะแนนเสียงเลือกนายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตเอกอัครราชทูต ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทว่าเมื่อส่งชื่อนายชาตรีไปให้วุฒิสภา ทาง สว.ไม่ได้ลงมติเห็นชอบให้เป็นตุลาการศาล รธน. ทำให้ต้องมีการเปิดรับสมัครใหม่ในครั้งนี้

ข่าวที่ปรากฏออกมาพบว่า ชื่อของนายสราวุธเป็นที่พูดถึงของ สว.มาตั้งแต่การเลือกรอบที่แล้ว แม้ชื่อจะไม่ผ่านการคัดเลือกก็ตาม ตามข่าวก็คือ เนื่องจากเคยเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงคมนาคมที่เคยทำงานกับฝ่ายการเมืองในขั้วสีน้ำเงิน ที่เคยอยู่กระทรวงคมนาคม และมีบทบาทสูงในการคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้มีการมองกันว่าหากนายสราวุธผ่านเข้ารอบการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ ไปได้ ก็อาจมีโอกาสผ่านในชั้นวุฒิสภา เพราะ สว.สีน้ำเงินอาจเทเสียงให้ผ่านความเห็นชอบ

ขณะที่ นางสาวรื่นวดี อดีตอธิบดีกรมคุมประพฤติ อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี-อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ พบว่า ก่อนหน้านี้เคยสมัครเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน และผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ แต่ปรากฏว่า ในการโหวตของที่ประชุมลับ วุฒิสภา เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สว.ไม่ลงมติให้ความเห็นชอบให้เข้าไปเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะได้คะแนนเสียงเห็นชอบแค่ 18 คะแนน ที่ถือว่าน้อยมาก ทำให้ชื่อของรื่นวดีกำลังถูก สว.จับตามองว่า หากผ่านการเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ เข้าไปรอบสุดท้ายได้ ทาง สว.จะโหวตไม่ให้ความเห็นชอบเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่

 ท่ามกลางกระแสข่าวว่า สาเหตุที่ชื่อของรื่นวดีถูก สว.สีน้ำเงินที่คุมเสียงข้างมากในสภาสูงขวางลำ ก็เพราะผู้มีอำนาจคุมเสียง สว.สีน้ำเงินยังมีปัญหาคาใจอะไรบางอย่างที่ยังเคลียร์ไม่ลงกับรื่นวดี ที่เป็นตระกูลเจ้าของโรงแรมซีเอสปัตตานี     

ดังนั้นไม่ว่าสุดท้ายแล้ว คณะกรรมการสรรหาฯ จะลงมติเลือกบุคคลใดจาก 7 รายชื่อที่ยื่นสมัคร แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายวุฒิสภา โดยเฉพาะ สว.สีน้ำเงิน ที่จะใช้อำนาจในมือ กำหนดว่า จะให้ใครเข้าไปเป็นตุลาการศาล รธน.

ที่ก็ไม่แน่ หากชื่อที่คณะกรรมการสรรหาฯ คัดเลือกมา ไม่ตรงใจ สว.สีน้ำเงิน ก็อาจได้เห็นการโหวตคว่ำรายชื่อที่ส่งมา ซ้ำรอยตอนโหวตไม่ผ่าน ดร.สิริพรรณ-นายชาตรี อีกครั้งก็ได้!

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณากระบวนการต่างๆ ในการเลือกตุลาการศาล รธน.รอบนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่อาจเสร็จไม่ทัน การวินิจฉัยคำร้องคดีสำคัญๆ ที่อยู่ในสารบบของศาล รธน.ในเวลานี้ โดยเฉพาะ 2 คดีสำคัญ

คือ คดีที่ศาล รธน.มีมติ 5 ต่อ 3 รับคำร้องวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเป็นคำร้องซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาส่งมา ตามญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. และวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.เพื่อไทย ที่ก็คือ คำร้องเพื่อต้องการขอความชัดเจนจากศาล รธน.เกี่ยวกับการแก้ไข รธน.ว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง โดยเฉพาะหากรัฐสภาจะมีการแก้ไขมาตรา 256 ของ รธน.ต้องทำประชามติก่อนหรือไม่

และ 2 คำร้องที่ สว.ซึ่งนำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และคณะรวม 92 คน ที่ขอให้ศาลพิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ตามข้อกล่าวหาผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามคำร้องที่ว่ามีการใช้อำนาจแทรกแซงดีเอสไอสอบคดีฮั้ว สว.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกมถ่วงเวลา หรือปูทางคืนคุก: สมศักดิ์กับบันไดขั้นสุดท้ายของทักษิณ

มติแพทยสภา ที่ลงโทษแพทย์ 3 ราย 2 จากโรงพยาบาลตำรวจ และ 1 จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่ได้สะเทือนแค่ เกียรติของวิชาชีพเวชกรรม เท่านั้นครับ แต่มันกระเทือนลึกถึง ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ว่ายังพอมีหลงเหลือ

ศาลสั่งเบรก‘ทวี’ ‘ทักษิณ’กระอัก!

หากเปรียบเป็นสงครามตัวแทนระหว่าง สีแดง และ สีน้ำเงิน โดยมีคดีฮั้ว สว.เป็นเดิมพัน สถานการณ์ฝั่งพรรคภูมิใจไทยเหมือนจะเสียท่าพรรคเพื่อไทย เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเกมรุก ติดหมายเรียก 53 สว. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว.

อนาคตไม่ชัด-แนวทางไม่เวิร์ก สัญญาณถอยห่าง‘พปชร.’

เป็นการลาพรรคพลังประชารัฐเป็นครั้งที่ 2 สำหรับ อดีต 2 กุมาร ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อย่าง ‘อุตตม สาวนายน’ อดีต รมว.คลัง และ ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ อดีต รมว.พลังงาน

'บ้านใหญ่'ยึดเก้าอี้ท้องถิ่น 'พรรคส้ม'เขย่าฐานอำนาจ

การเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 สิ้นสุดลงด้วยภาพที่ไม่ต่างจากอดีต เพราะการเมือง “บ้านใหญ่” ยังคงครองอำนาจในสนามท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น

สว.สีน้ำเงิน รอซอยรางน้ำ ส่งสัญญาณ ยืนซดดีเอสไอ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

หลังผ่านพ้นวันหยุดยาวราชการ 4 วันติดต่อกัน 9-12 พ.ค. คาดว่าเมื่อเข้าสู่โหมดปกติ ในสัปดาห์นี้ คงได้เห็นแอ็กชันมันส์ๆ ของ สว.สีน้ำเงิน ที่คือกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ที่อยู่ใน 55 รายชื่อ สว.ที่ถูกคณะอนุกรรมการไต่สวนของ กกต.และดีเอสไอออกหมายเรียกให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ในสัปดาห์หน้าช่วง 19-21 พ.ค. ที่สำนักงาน กกต.