"ผยง ศรีวณิช" ปลุกความ "กล้า" เปลี่ยน “กรุงไทย”สร้างรากฐานการเงินดิจิทัล

17 เม.ย. 2565 – หากพูดถึง “ธนาคารพาณิชย์ของรัฐ” คงเป็นธนาคารไหนไปไม่ได้นอกจาก ธนาคารกรุงไทย ที่ยืนหยัดทำหน้าที่เป็นเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการเงินมาอย่างยาวนาน และในปี 2565 นี้ถือเป็นปีที่ 56 ของธนาคารกรุงไทย ที่ยืนเคียงข้างคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง และปีนี้เป็นอีกปีที่เศรษฐกิจยังต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนสูง วิกฤตโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผ่านผลกระทบมายังราคาพลังงาน ตลอดจนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้ปรับตัวสูงขึ้น ถือเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายสำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ไม่น้อย

ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ผนวกกับสงครามที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทั่วโลกได้หันกลับมาให้ความสำคัญกับ “ความยืดหยุ่นขององค์กร (Resiliency) การฟื้นฟู และการส่งเสริมเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างจริงจัง” นั่นคือ การปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึงการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีที่เราจะสามารถจัดการกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบกับทุกๆ ชีวิตบนโลกใบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา ธนาคารเองก็ได้มีการปรับตัวให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบมาตลอดเวลาอยู่แล้ว และเราก็สามารถเปลี่ยนได้อย่างเท่าทัน รวดเร็ว และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจโดยการนำนวัตกรรมการเงินใหม่ๆ มาใช้ หรือการวางรากฐานทางการเงินในเรื่องต่างๆ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ให้เป็นโมบายแบงกิ้งที่ให้บริการแบบครบวงจร และสามารถขยายบริการของธนาคารในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างก้าวกระโดด

“สำหรับพวกเราแล้ว บทเรียนที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่า เราไม่สามารถรอให้ทุกอย่างพร้อม เพื่อที่จะปรับตัว นั่นก็คือ ไม่มีเวลาที่สมบูรณ์ที่สุด หรือเหมาะสมที่สุดที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้บีบบังคับให้เราต้องเปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการรอให้เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง เพื่อรอโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่วิถีทางของการดำเนินงานหรือแก้ปัญหาต่างๆ ในยุคนี้อีกต่อไป”

ผยง เล่าว่า จากความ “กล้า” ที่กรุงไทยได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำให้เกิดสังคมไร้เงินสด หรือ “กล้า” ที่จะเป็นธนาคารแรกที่ริเริ่มการให้บริการระบบพร้อมเพย์ รวมถึงการจัดตั้งบริษัท Infinitas by Krungthai เพื่อสร้างรากฐานการเงินแบบดิจิทัลให้กับคนไทย จึงทำให้วันนี้กรุงไทยมีนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างโอกาสทางธุรกิจ และสร้างโอกาสให้กับคนไทยทุกกลุ่มและช่วงวัยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง

นอกเหนือจากการยกระดับด้านเทคโนโลยีและแนวทางการดำเนินงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ ผยง อยากเน้นย้ำคือ สิ่งที่ชาวกรุงไทยทุกคนยึดมั่นเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ นั่นคือ การดำเนินธุรกิจบนความถูกต้อง โปร่งใส ซึ่งแม้ที่ผ่านมาธนาคารจะมีแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม มีเทคโนโลยี มีกระบวนการตรวจสอบการทุจริตที่เข้มข้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การปลูกฝังวัฒนธรรมการไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerant) ให้อยู่ใน DNA ของคนกรุงไทย

“ผมพูดกับชาวกรุงไทยทุกคนว่า พวกเราต้อง “ไม่ทุจริต และไม่ยอมให้ใครทุจริต”  ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติงานด้วยความถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ รวมทั้งต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหลักการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยเป็นการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอยู่เสมอ เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรธุรกิจที่สามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตไปพร้อมกัน สะท้อนถึงความมีเสถียรภาพในการดำเนินงาน การเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจไทย และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Digital Economy ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป” ผยง กล่าว

และในปี 2565 นี้ ธนาคารกรุงไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยยึดหลัก ESG โดยในมิติ “E” ที่หมายถึง Environment หรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่ไม่ทำลายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเป็นสถาบันการเงินที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าและระบบเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emission)

มิติ “S” ที่หมายถึง Social หรือสังคม คือการเติบโตที่เคียงข้างสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ส่งเสริมการกระจายโอกาสและความมั่งคั่ง และสุดท้ายคือ มิติ “G” ที่หมายถึง Governance หรือการเติบโตบนพื้นฐานของการมีธรรมาภิบาล การกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะด้านความโปร่งใสและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

สำหรับมิติ “ธรรมาภิบาล” หรือ “Governance” ธนาคารจะยังคงสานต่อโครงการกรุงไทยคุณธรรม ดังเช่นที่ผ่านมาได้มีการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการ 1 หน่วยงาน 1 แผนความยั่งยืน, โครงการ Compliance Champion และโครงการ Krungthai Hackathon เป็นต้น เพื่อยกระดับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance) และในระยะถัดไปธนาคารจะให้ความสำคัญกับมิติ “สิ่งแวดล้อม” ซึ่งจะมีการปรับพอร์ตสินเชื่อที่ตอบโจทย์การขับเคลื่อน Net zero emission

ผยง กล่าวว่า การนำเรื่องของความยั่งยืนมาเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธนาคารกรุงไทย โดยแฝงอยู่ในทุกๆ กิจกรรมการดำเนินงาน และดึงเอาพลังของเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสานด้วยนั้น จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยก่อร่างสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธนาคาร ผ่านการวางแผนกลยุทธ์ให้สอดรับโอกาสและลดความท้าทายในบริบทที่แปรเปลี่ยนไป เพื่อ Rebuild หรือสร้างธุรกิจธนาคารใหม่ ซึ่งหมายความว่าในระยะถัดไปนั้น การลงทุนและการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ทั้งในมุมของธนาคารและในมุมของลูกค้าจะต้องตอบโจทย์การเติบโตในอนาคตมากขึ้น

พวกเราทุกคนต้องกล้าเปลี่ยน เพื่อความยั่งยืน เริ่มจากการปรับเปลี่ยนกรอบความคิด พร้อมทั้งกล้าที่จะทลายกำแพงต่างๆ เปลี่ยนวิธีการทำงาน เช่น การนำเครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามายกระดับประสิทธิภาพในการทำงาน ตลอดจนเร่งเดินหน้า upskill & reskill ทั้งในด้าน Innovation, Creativity และ Design Thinking ซึ่งจะช่วยยกระดับและปฏิรูปองค์กรให้สามารถตอบโจทย์การทำงานแห่งอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดประสบการณ์เยือน“แดนมังกร”แบบใจฟู! มนตร์เสน่ห์ครบเครื่องทั้งความอลังการทันสมัยและสถาปัตยกรรมสุดงดงาม

ถ้าพูดถึง “จีน” โดยเฉพาะเวลาไปท่องเที่ยว คนส่วนใหญ่จะยังติดภาพจีนในเวอร์ชันเดิมๆ คนเสียงดังๆ ห้องน้ำที่อาจจะไม่ค่อยสะอาด และเวลาเข้าจะต้องคอยลุ้นเสมอว่าจะเจอแจ็กพอร์ตหรือไม่

รฟท.โชว์ขบวนรถไฟท่องเที่ยวสุดหรู “SRT ROYAL BLOSSOM”ปักหมุดเปิดบริการกลางปีนี้

ได้รับความสนใจไม่น้อย หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดวาร์ปรถไฟท่องเที่ยวขบวนใหม่ SRT ROYAL BLOSSOM ที่ดัดแปลงมาจากขบวนรถญี่ปุ่น Hamanasu

พงศภัค นครศรี GEN 3 ที่สานต่อธุรกิจครอบครัว รับเทรนด์ ESG โต

นับตั้งแต่ปี 2563 พงศภัค นครศรี ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ BCC ซึ่งนับว่าเป็นผู้นำเทคโนโลยีการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิลระดับภูมิภาค

“ซูเลียน”จัดทัพรับตลาดปรับเปลี่ยน พัฒนาระบบ-ออกสินค้าใหม่เติบโตยั่งยืน

นับเป็นเวลา 27 ปีแล้ว ตั้งแต่บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซูเลียน (Zhulian) ที่ได้ดำเนินธุรกิจมา โดยในปี 2567 ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในการจัดทัพ