"ครม." รับทราบมาตรการช่วยน้ำท่วมของคลัง เห็นชอบ21มาตรการดูแลลูกค้าจากแบงก์รัฐ

18 ต.ค. 2565 – นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565 ของกระทรวงการคลัง จำนวน 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย1. กรมสรรพากร ได้แก่ มาตรการลดหย่อนภาษี โดยบุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนได้ 1 เท่าแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมิน กรณีบริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักรายจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคได้ 1 เท่า แต่ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ สำหรับการบริจาคให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศล รวมทั้งการบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วย ซึ่งในกรณีหลังนี้ ผู้ประกอบการยังได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาคสินค้าด้วย

มาตรการยกเว้นภาษี สำหรับบุคคลธรรมดาและบริษัทนิติบุคคล ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ กรณีได้เงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล เงิน/ทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคหรือช่วยเหลือ ไม่เกินมูลค่าความเสียหาย และสินใหม่ทดแทนที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย, มาตรการระยะเร่งด่วน ได้แก่ ขยายระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีหรือนำส่งภาษี และการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน จากเดิมที่ต้องยื่นหรือขอภายในเดือน ต.ค.และเดือน พ.ย.2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธ.ค.2565และมาตรการในระยะถัดไป สำหรับบุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับความเสียหายตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และค่าซ่อมแซมรถตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท

2. กรมศุลกากร ได้แก่ การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อบริจาคให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 2565 และ3. กรมสรรพสามิต โดยการขยายกำหนดเวลายื่นงบเดือนสำหรับ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการในจังหวัดที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.- 31 ต.ค.2565 จากเดิมในเดือนต.ค. 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พ.ย.2565 4. กรมบัญชีกลาง โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศให้ท้องที่เป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน สามารถใช้จ่ายเงินทดลองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด 20 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจังหวัดสามารถขอขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมต่อคลัง ในกรณีที่วงเงินทดรองราชการไม่เพียงพอได้

5. กรมธนารักษ์ โดยยกเว้นค่าเช่าสูงสุด เป็นระยะเวลา 2 ปี สำหรับที่อยู่อาศัยที่เสียหายทั้งหลัง และที่อยู่อาศัยที่เสียหายบางส่วน ยกเว้นค่าเช่า 1 ปี และในกรณีที่ไม่สามารถชำระค่าเช่า ให้ยกเว้นการคิดเงินเพิ่มเติมตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ในราชพัสดุ พ.ศ. 2552 และ 6. การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ด้วยการช่วยเหลือพนักงานยาสูบและครอบครัวตามหลักเกณฑ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการดำรงชีพ และความเสียหายของทรัพย์สินหรือที่อยู่อาศัย เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ยังได้รับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565 รวมทั้งหมด 21 มาตรการ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ธนาคารออมสิน 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการพักชำระหนี้ โดยสามารถเลือกชำระเฉพาะดอกเบี้ย 10-100% และกรณีอยู่ระหว่างจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาแบบคงที่ สามารถขอลดการชำระเงินงวด 50% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด,มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยปลอดชำระค่างวด 3 งวดแรก สำหรับบุคคลธรรมดา เพื่อเป็นเงินทุนในการดำรงชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาทมาตรการสินเชื่อเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยปลอดชำระเงินต้นในปีแรก สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย วงเงินกู้สูงสุด 10% ของวงเงินกู้เดิม หรือไม่เกิน 5 ล้านบาท,มาตรการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.49% เป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับลูกค้าเดิม และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัยส่วนที่เสียหายได้ 100% ของหลักประกัน และมาตรการสินเชื่อบุคคลแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ อัตราดอกเบี้ย 3.99% เป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินกู้รายละไม่เกิน 5 แสนบาท โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ประกาศภัยพิบัติ

2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการขยายระยะเวลาชำระหนี้ สูงสุด 12 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ สำหรับเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย, มาตรการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2565-2566 อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) หรือประมาณ 6.50% ต่อปี ตั้งแต่เดือนที่ 7 เป็นต้นไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต อัตราดอกเบี้ย MRR -2 หรือประมาณ 4.50% ต่อปี เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือน และทรัพย์สิน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 5 แสนบาท โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย 50% จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน กรณีหลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหาย และอยู่ระหว่างจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาแบบลอยตัว,มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี กรณีปลูกสร้างอาคารทดแทนอาคารเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยกำหนดวงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหลักประกัน สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่

มาตรการประนอมหนี้ สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างประนอมหนี้ กรณีหลักประกันเสียหาย ได้รับการปลอดดอกเบี้ย และเงินงวด 6 เดือนแรก เดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี กรณีได้รับผลกระทบต่อรายได้ ได้รับการปลอดดอกเบี้ยและเงินงวด 6 เดือนแรก เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี กรณีเสียชีวิต หรือผู้กู้ หรือทายาทผ่อนชำระต่อ ได้รับอัตราดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ 0.01% ต่อปี กรณีหลักประกันได้รับความเสียหายทั้งหลัง ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ได้รับปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ,มาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับผู้มีกรมธรรม์ประกันภัย จะได้รับค่าสินไหมเร่งด่วนกรณีพิเศษ โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. นี้

4. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ พักชำระเงินต้น เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในเขตพื้นที่ที่ธนาคารกำหนด, มาตรการสินเชื่อ SMEs Re-Start อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 5.5% ต่อปี ปลอดระยะเวลาชำระเงินต้น 2 ปี วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท

5. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) จำนวน 1 มาตรการ คือ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย 2565 ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะกำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) สำหรับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าสินเชื่ออุปโภคบริโภค ทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน หรือสินเชื่อธุรกิจแบบมีกำหนดระยะเวลาของ ธอท. (Term Financing) โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.65

6. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการเพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท,มาตรการเพิ่มวงเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยต่ำ (Prime Rate) หรือประมาณ 5.75% โดยปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 3 เดือน วงเงินกู้เพิ่มเติมสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท,มาตรการลดเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี และมาตรการขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน หากลูกค้าตามมาตรการที่ 3 และ 4 ชำระหนี้ได้ปกติ จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยคืน (Rebate) 2% ต่อปี โดยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

7. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปัจจุบันของ บสย.ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2565 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ บสย. สามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยืดหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยได้ต่ำสุด 0% ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แกนนำรทสช. แนะ 'พิธา' ฟังเสียงปชช.ไปคิดวิเคราะห์ต่อ ปัดตอบแก้ ม. 272 ปิดสวิตช์สว.

แกนนำรทสช. แนะ 'พิธา' ฟังเสียงปชช.ไปคิดวิเคราะห์ต่อ หลังแพ้โหวตนายกฯ ย้ำถ้ายืนยันจะแก้ม.112 ก็ยังไม่เห็นด้วยเหมือนเดิม ปัดตอบแก้ ม. 272 ปิดสวิตช์สว.

รัฐบาลหนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่รักษามรดกทางวัฒนธรรม

อนุชาเผย นายกฯ ย้ำจุดยืนส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนควบคู่กับการรักษามรดกทางวัฒนธรรม ผ่านกรอบความร่วมมือกับยูเนสโก และส่งเสริมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ตามเส้นทางสายน้ำแห่งอาเซียน

รทสช.เผยหลังประชุม 11 ก.ค.จะชัดเจนทั้งเรื่องชิงนายกฯ-การลงมติ

อนุชาเผย รทสช.ประชุมพรรค 11 ก.ค. ถกวาระสภา แนวทางลงมติ ไม่คอนเฟิร์มส่งชื่อชิงนายกฯ หรือไม่ ขอคุยกันก่อน ชี้ตั้งวิปประสานเป็นเรื่องปกติ

นายกฯ ยิ้ม FTA หลายฉบับคืบหน้าเป็นรูปธรรม!

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดีการเจรจาความตกลงการค้าเสรีหลายฉบับคืบหน้าเป็นรูปธรรม เชื่อมั่นไทยใช้ประโยชน์จาก FTA สนับสนุนโอกาสสินค้าไทยไปตลาดโลก ยกระดับมาตรฐานสินค้าสู่สากล

'บิ๊กตู่' ปลื้มอุตสหกรรมสมุนไพรไทยเติบโตทั้งตลาดภายในและนอกประเทศ

นายกฯ ยินดีอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยเติบโตแข็งแกร่ง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว