'บิ๊กตู่' ปลื้มหนัก JCR เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ไทย

แฟ้มภาพ

รัฐบาลปลื้มผลสำเร็จ JCR เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของไทย ตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศเพิ่มเป็นระดับ A จาก A- และตราสารหนี้สกุลเงินบาทเพิ่มเป็นระดับ A+ จาก A สะท้อนผลสำเร็จนโยบายการเงิน การคลังและมาตรการรัฐ

13 พ.ย.2565 – น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  รับทราบและยินดี ที่ไทย ได้อันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) โดยที่ตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Long-term Sovereign Credit Rating) เพิ่มจากระดับ A- เป็น A และตราสารหนี้สกุลเงินบาทเพิ่มจากระดับ A เป็น A+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จาก บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จากรายงานของ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ถึงการจัดอันดับของ JCR แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของนโยบายการเงินการคลังและมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ในการบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย การผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นตัว นักท่องเที่ยวต่างประเทศทยอยเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นผลจากนโยบายการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ผ่านมาตรการทางภาษีเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ที่จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของห่วงโซ่อุปทานด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยยกระดับภาคการผลิต เสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง มีศักยภาพการเติบโตในระยะปานกลางถึงยาว  ที่สำคัญ  JCR ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะเติบโตประมาณร้อยละ 3 และคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4 หรือมากกว่าในระยะต่อไปอีกด้วย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ประกอบกับภาคการคลังมีความเข้มแข็งจากการปฏิรูปภาษีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการใช้จ่ายภาคการคลังได้ลดลงตามสถานการณ์การระบาดที่คลี่คลาย และรัฐบาลมีเป้าหมายลดการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี  JCR จึงคาดว่ารัฐบาลจะสามารถรักษาระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ให้อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 70 ได้ และสำหรับภาคธนาคารมีเสถียรภาพ และการเงินต่างประเทศยังมีความแข็งแกร่ง จึงคาดว่าไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลนับตั้งแต่ปี 2566 และที่สำคัญคือไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงจึงทำให้ให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต

“รัฐบาลขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ให้ความร่วมมือในการดำเนินตามนโยบายและมาตรการต่างๆ ในการฟื้นฟูประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และจะยังคงเดินหน้าต่อในมาตรการต่างๆ เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้นและการพัฒนาประเทศให้เติบโตแบบก้าวกระโดด” น.ส.ทิพานัน กล่าว.


เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ณัฐวุฒิ' กัดไม่ปล่อย รทสช. ประกาศแคนดิเดตนายกฯ 2 คน เหมือนมวยออกอาการ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 รายชื่อ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค

อนาถ! 3 นิ้วบุกป่วน รทสช. อ้างไม่พอใจทำรถติด ทั้งที่เมืองทองจัด 5 งานใหญ่

ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อยู่ในห้องรับรอง Vip Room พร้อมแกนนำรทสช.

กระหึ่ม! เปิดตัว 'บิ๊กตู่' แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 รทสช. พร้อมผู้สมัคร ส.ส. 400 คน

การจัดงานของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในช่วงบ่าย ย้ายมาจัดที่ฮอล์ 5 อิมแพค เมืองทองธานี ในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต และเปิดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

รทสช. เตรียมสร้างปรากฏการณ์ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ

ที่อาคารเดอะพอร์ทอล ไลฟ์สไตล์ คอมแพล็กซ์ อิมแพค เมืองทองธานี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนกา

บิ๊กตู่-ลุงป้อม กับ “ขุนศึก” ที่รายล้อม ในรทสช.-พปชร.

หลายพรรคการเมือง เร่งเดินเครื่องเพื่อเตรียมเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม เต็มสูบ ขณะเดียวกัน แต่ละพรรค พบว่า แกนนำ ยังทยอยดึงคนดัง

นายกฯ ประชุมสภากลาโหม ชื่นชมผลงานวิจัยยุทโธปกรณ์ ใช้ได้จริงพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย ปลักกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ