
สนค. วิเคราะห์สินค้าไทยที่ครองตำแหน่งแชมป์การค้าโลก จาก Data Analytics Dashboard ในเว็บไซต์ คิดค้า.com พบว่า ทุเรียนสด มันสำปะหลัง ถุงยางอนามัย สับปะรดกระป๋อง และปลาทูน่ากระป๋อง เป็นสินค้าที่ไทยครองตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2565 จากส่วนแบ่งการค้าในตลาดโลกสูงเป็นอันดับที่ 1
24 เม.ย. 2566 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้วิเคราะห์ 5 สินค้าไทยที่ครองตำแหน่งแชมป์ส่งออกโลกจาก Global Demand Dashboard ในเว็บไซต์คิดค้า.com พบว่า ถุงยางอนามัย และปลาทูน่าประป๋อง เป็นกลุ่มแชมป์โลกสินค้าไทยที่โดดเด่น ชี้มีส่วนแบ่งตลาดโลกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่จับตา ทุเรียน มันสำปะหลัง และสับปะรดกระป๋อง เป็นกลุ่มแชมป์โลกสินค้าไทยที่แม้ครองแชมป์เป็นอันดับ 1 แต่คู่แข่งเริ่มชิงส่วนแบ่งตลาดโลกจากไทยไป แนะให้ปรับกลยุทธ์สินค้าพร้อมทั้งขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมเพื่อรักษาแชมป์สินค้าไทยเอาไว้
สนค. วิเคราะห์ 5 สินค้าที่ไทยครองตำแหน่งแชมป์โลกที่มีศักยภาพโดดเด่น โดยพิจารณาจากสินค้าไทยที่มีส่วนแบ่งการนำเข้าในตลาดโลกเป็นอันดับที่ 1 ในปี 2565 มีรายละเอียดดังนี้
ทุเรียนสด: ไทยส่งออกทุเรียนสดเป็นมูลค่า 3,219.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าของโลกพบว่าไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกในทุเรียนสดเป็นอันดับ 1 สูงถึง 93.3% ของมูลค่านำเข้ารวมทั่วโลก โดยลดลงจากปีก่อนหน้า 3.9% รองลงมาเป็นเวียดนาม (6.0%) และมาเลเซีย (0.7%) ตามลำดับ
มันสำปะหลัง: ไทยส่งออกมันสำปะหลังเป็นมูลค่า 1,523.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 โดยจีน เป็นตลาดส่งออกหลักของไทย ซึ่งคิดเป็น 98.6% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมด สำหรับการนำเข้าของโลกพบว่าไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกในมันสำปะหลังเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 46.5% ของมูลค่านำเข้ารวมทั่วโลก โดยลดลงจากปีก่อนหน้า 5.6% รองลงมาเป็นกัมพูชา (34.1%) และลาว (9.1%) ตามลำดับ
ถุงยางอนามัย: ไทยส่งออกถุงยางอนามัยเป็นมูลค่า 272.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และเวียดนาม ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าของโลกพบว่าไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกในถุงยางอนามัยเป็นอันดับ 1 สูงถึง 44.0% ของมูลค่านำเข้ารวมทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 0.3% รองลงมาเป็นจีน (12.8%) และมาเลเซีย (10.8%) ตามลำดับ
สับปะรดกระป๋อง: ไทยส่งออกสับปะรดกระป๋องเป็นมูลค่า 469.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 โดยตลาดส่งออกหลักของไทยได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย และเยอรมนี ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าของโลกพบว่าไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกในสับปะรดกระป๋องเป็นอันดับ 1 สูงถึง 36.4% ของมูลค่านำเข้ารวมทั่วโลก รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย (25.7%) และฟิลิปปินส์ (18.0%) ตามลำดับ
ปลาทูน่ากระป๋อง: ไทยส่งออกปลาทูน่ากระป๋องเป็นมูลค่า 2,284.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าของโลกพบว่าไทยครองส่วนแบ่งตลาดโลกในปลาทูน่ากระป๋องเป็นอันดับ 1 สูงถึง 24.8% ของมูลค่านำเข้ารวมทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 0.2% รองลงมาเป็นเอกวาดอร์ (15.2%) และสเปน (9.5%) ตามลำดับ
“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการส่งออกสินค้าหลากหลายชนิด โดยอาศัยความได้เปรียบของแหล่งวัตถุดิบภายในประเทศและเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาค ทำให้หลายประเทศทั่วโลกไว้ใจสินค้าไทยบางชนิดจนมีส่วนแบ่งการค้าสูงเป็นอันดับที่ 1 ของโลก แต่ก็พบว่าในสินค้าบางชนิด คู่แข่งเริ่มเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดโลกจากไทยไป โดยเฉพาะทุเรียนสด เนื่องจากเวียดนามเพิ่งได้รับอนุญาตให้ส่งทุเรียนสดเข้าประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทยในปัจจุบัน ผู้ส่งออกจึงจำเป็นต้องจับตามองคู่แข่งอย่างใกล้ชิด มองหาโอกาสในระดับรายเมือง/มณฑล และพยายามปรับกลยุทธ์สินค้าเพื่อรักษาตลาดเดิมเอาไว้ เช่น ปรับกลยุทธ์มาส่งออกทุเรียนคุณภาพ อินทรีย์หรือเฉพาะกลุ่มเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงหาโอกาสส่งออกในตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติมเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนที่ค่อนข้างสูง” นายพูนพงษ์ กล่าว
สนค. ได้พัฒนาเว็บไซต์ “คิดค้า.com” เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลเศรษฐกิจการค้าเชิงลึกที่สำคัญของประเทศ ประกอบด้วยข้อมูลเชิงลึกรายสินค้า/บริการสำคัญ รวมทั้งมิติการค้าทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือไว้ใช้งานวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์การค้าได้อย่างเจาะลึกและทันต่อสถานการณ์การค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้แนวคิด Big Data Analytics วิเคราะห์และประมวลผลหลายมิติ หลากมุมมอง โดย “คิดค้า.com” มี Data Analytics Dashboard เผยแพร่แล้วรวม 4 หัวข้อ ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกด้านสินค้าเกษตร (Agriculture Dashboard) ข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจระดับจังหวัด (Province Policy Dashboard) ข้อมูลเชิงลึกด้านการค้าระหว่างประเทศ (Global Demand Dashboard) และข้อมูลเชิงลึกด้านธุรกิจบริการ (Services Dashboard)
ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม และสนใจเทรนด์และข้อมูลแนวโน้มสินค้าไทยในตลาดอื่น ๆ สามารถ
เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ คิดค้า.com หรือเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนค.แนะเอกชนไทยคว้าโอกาสตลาดส่งออกใหม่สู่กลุ่มประเทศนอร์ดิก
สนค. วิเคราะห์สินค้าไทยที่มีโอกาสในการเจาะตลาดนอร์ดิกด้วย Data Analytics Dashboard บนเว็บไซต์ คิดค้า.com พบว่า “ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า” และ “กลุ่มเครื่องปรับอากาศ” เป็นสินค้าดาวเด่นในตลาดนอร์ดิก “ยางยานพาหนะ” และ “อาหารสุนัขและแมว” เป็นสินค้าศักยภาพ พร้อมแนะให้เปิดตลาด “ไก่” และ “อาหารทะเลกระป๋อง” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง แต่ไทยเข้าถึงตลาดได้น้อย
เนื้อไก่ชูโรง พาณิชย์เผยยอดส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไทย 7 เดือนแรก ขยายตัวต่อเนื่อง
การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยในช่วง 7 เดือนแรก ของปี 2566 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเนื้อไก่ทั้งแช่แข็งและแปรรูปมีมูลค่าการส่งออกสูงถึงร้อยละ 87.47 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ทั้งหมดของไทย แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและอุปทานในตลาดโลก
สนค.แนะผู้ประกอบการเจาะตลาดส่งออกใหม่ภูมิภาคเอเชียกลาง
สนค. วิเคราะห์สินค้าไทยที่มีโอกาสในการเจาะตลาดเอเชียกลางด้วย Data Analytics Dashboard บนเว็บไซต์ คิดค้า.com พบ “กลุ่มรถยนต์” และ “ยางยานพาหนะ” เป็นสินค้าดาวเด่น มีโอกาสส่งออกและขยายตลาด “คอมพิวเตอร์” และ “เครื่องปรับอากาศ” เป็นสินค้าศักยภาพ แต่ส่วนแบ่งไทยยังน้อย สามารถเพิ่มได้อีก ส่วน “ไก่” และ “น้ำตาลทราย” เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ไทยควรเข้าไปเจาะตลาดเพิ่ม
โอกาสใหญ่ พาณิชย์ ชี้เป้าผู้ประกอบการไทย ขายสินค้าออนไลน์เจาะตลาดจีน
สนค. ศึกษาการเติบโตของการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน (Cross-border e-Commerce - CBEC) ในตลาดจีน พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่คนจีนใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนจากการเกิดโควิด-19 และรัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุน เผยเป็นโอกาสในการขยายตลาดส่งออกของไทย ชี้เป้าสินค้าอัตลักษณ์ สินค้าอุปโภคบริโภค มีโอกาสสูง
พาณิชย์เผยทั่วโลกตื่นตัวผลิตภัณฑ์อาหารยั่งยืน แนะผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัว
สนค. เผยแนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสนใจข้อมูลเกี่ยวกับความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น แนะผู้ประกอบการปรับรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และภาครัฐควรส่งเสริมด้านงานวิจัย และช่วยพัฒนาเทคโนโลยี
พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ส.ค.66 ขยับเพิ่ม 0.88% เหตุสินค้ากลุ่มพลังงานสูงขึ้น
เงินเฟ้อ ส.ค.66 เพิ่ม 0.88% เหตุสินค้ากลุ่มพลังงานสูงขึ้น ส่วนอาหารสด ทรงตัว เนื้อสัตว์และเครื่องประกอบอาหารลดลง เฉลี่ย 8 เดือน เพิ่ม 2.01% คาดแนวโน้ม ก.ย. ยังทรงตัวหรือปรับเพิ่มเล็กน้อย จับตามาตรการลดค่าครองชีพรัฐ ทั้งลดค่ารถไฟฟ้า น้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม หากออกมาเร็ว จะช่วยฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง แต่ยังต้องติดตามน้ำมัน ภัยแล้ง ความขัดแย้ง ที่จะเป็นตัวดัน