'เวิลด์แบงก์' หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3.4%

“เวิลด์แบงก์” หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3.4% ชี้การฟื้นตัวยังตามหลังประเทศอื่นในอาเซียน ส่งออกชะลอ ลุ้นท่องเที่ยว-บริโภคเอกชนช่วยประคอง ห่วงหนี้สาธารณะพุ่งกดดันการลงทุนภาคสาธารณะและเอกชน

3 ต.ค. 2566 – ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้เผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจประจำเดือน ต.ค. 2566 โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนและอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัว ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการค้าที่ซบเซา ซึ่งธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 5.1% ส่วนในปี 2567 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 4.5% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 4.8%
ทั้งนี้ ธนาคารโลกยังได้เตือนถึงหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงระดับหนี้สินของบริษัทที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในจีน ไทย และเวียดนาม โดยระบุว่า หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงนั้นจะจำกัดการลงทุนทั้งภาคสาธารณะและภาคเอกชน โดยหนี้สินที่สูงขึ้นอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมให้กับกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน

สำหรับประเทศไทยนั้น ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ที่ 3.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9% โดยเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวตามหลังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน และการส่งออกที่ลดน้อยลงได้เพิ่มความท้าทายให้กับเศรษฐกิจไทย

“หลัก ๆ แล้วเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน แต่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มที่จะหดตัว 2.1% ในแง่ของดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่การถ่ายโอนอำนาจไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อจะชะลอการลงทุนภาคสาธารณะและการลงทุนภาคเอกชนของไทย ดังนั้น ธนาคารโลกจึงหั่นคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 2567 เหลือโต 3.5% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้เดือนเม.ย.ที่ 3.6%” รายงาน ระบุ

รายงาน ยังระบุอีกว่า การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มจะชดเชยปัญหาอุปสงค์ต่างประเทศที่อ่อนแอ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มแตะระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาดภายในสิ้นปี 2567รวมทั้งยังคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อไทยจะปรับตัวลดลงสู่ 1.5% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าเกือบทุกประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยได้แรงหนุนจากราคาพลังงานโลกที่ลดลงและการตรึงราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น จากผลของราคาอาหารโลกพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งการอุดหนุนด้านราคาพลังงาน ขณะที่คาดว่าหนี้สาธารณะในปี 2566 จะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 60% และไทยจะกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ที่ 0.5% ต่อจีดีพีจากที่เคยขาดดุลติดต่อกันมา 2 ปี ในปี 2564 และ 2565

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

TISCO ชี้ปี 67 ‘พันธบัตรโลก’ สร้างผลตอบแทน 8 -15 % ดีกว่าหุ้น

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้เศรษฐกิจโลกปี 2567 จะโตแบบชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2566 ผลจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดในรอบหลายทศวรรษ

บิ๊ก 'กบข.' มองบวก เชื่อท่องเที่ยว-ส่งออก ดันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

กบข. ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี หลังได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว และประเทศคู่ค้าฟื้นตัวส่งผลให้ภาคการส่งออกมีสัญญาณที่ดี พร้อมคาดภาวะบาทแข็งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

เอวัง! 'เศรษฐา' สรุปแล้วเศรษฐกิจไทยวิกฤติ เมินนิด้าโพลค้านกู้มาแจกดิจิทัลวอลเล็ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “OK ไหม กับ นายกฯ สรุปเอง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” และการออก พ.ร.บ.กู้เงิน

นายกฯ ประกาศความพร้อมประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมรองรับการลงทุนจากต่างชาติ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำในงาน Foreign Industrial Club Gala Dinner ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ

ลุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ยังโตต่อ!บริโภค-ท่องเที่ยวหนุน

“แบงก์ชาติ” ลุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/66 ยังโตต่อ รับอานิสงส์บริโภคเอกชน-ท่องเที่ยวฟื้นไม่หยุด ด้าน “สศอ.” เปิดดัชนี MPI เดือน ก.ย. หดตัว 6.06% โอดพิษเศรษฐกิจโลก ยอมหั่นจีดีพีอุตสาหกรรมปีนี้ ติดลบ 2.5-3%