'ท็อป จรณ' รับเคยติสท์แตกเลือกงานสุดๆ

อดีตพระเอกช่องน้อยสี ท็อป จรณ ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ทำเอางานรุมหนักมาก วันนี้จะมาเปิดใจยอมรับเคนเป็นพระเอกสายติสท์เลือกรับงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง ONE31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

คุณอยู่ช่องน้อยสีมาทั้งหมดกี่ปี?
ท็อป : ประมาณ 10 ปีครับ

ทำใจยากไหมที่จะไม่ต่อสัญญาแล้วออกมาเป็นฟรีแลนซ์?
ท็อป : ยากครับ ตอนนั้นเราค่อนข้างจะคิดหนักเหมือนกัน มันเหมือนเป็นบ้านของเรา แล้ววันหนึ่งเราต้องเดินออกจากบ้านไป ผมก็งงๆ เหมือนกัน แต่คิดว่าเราอยากจะหาสิ่งใหม่ๆ มาลองทำดู ตอนนั้นตัดสินใจนานเลย ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ ผู้จัดการ สุดท้ายเรามาตกตะกอนกับตัวเองว่ามันยังมีงานอีกหลายๆ แบบที่เรายังไม่เคยทำ เราก็อยากจะลองไปทำดู อยากเห็นตัวเองอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ อยากลองซีรีส์ใหม่ๆ แปลกๆ ที่เรายังไม่เคยทำ ซึ่งวันที่เราเซ็นสัญญา เราตื่นเต้น ดีใจมากที่ได้เซ็นสัญญากับช่องที่ใหญ่ขนาดนี้ วันที่มันหมดแล้วเราต้องเดินไปนั่งคุยกับผู้มีพระคุณสุดๆ มันเป็นเรื่องที่ใจสั่น วันนั้นผมน้ำตาคลอเลยนะ

แต่ก็มีคนเม้าท์ว่าจริงๆ คุณอยากอยู่ต่อ แต่ที่ไม่เซ็นเพราะว่าทางต้นสังกัดเดิมไม่ป้อนงานเลยจริงไหม?
ท็อป : ไม่จริงเลย ช่องให้งานผมตลอด ไม่เคยมีปีไหนที่ไม่มีงานเลย มีเยอะด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมี 2-3 เรื่องต่อปี เราเป็นตัวหลักเราไม่มีสิทธิ์รับปีหนึ่ง 5-6 เรื่องอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเรามีทุกวัน บางปีเราได้เลือกด้วยซ้ำว่าเราอยากเล่นเรื่องไหน

ตอนที่คุณตัดสินใจไม่เซ็นสัญญา เห็นว่าคุณพูดว่าลองไปตายเอาดาบหน้า มันขนาดนั้นเลยเหรอ?
ท็อป : ใช่ คือเราไม่รู้ว่าข้างนอกมันเป็นยังไง แล้วเราไม่รู้ว่าจะมีคนจ้างเรามากน้อยแค่ไหน ถ้าอยู่กับช่องมันอุ่นใจ ยังไงในหนึ่งปีเรามีงานอยู่แล้ว ปกติมีคนคอยเลือก คอยจัดการ คอยบริหาร วันหนึ่งเราต้องทำทุกอย่างเองมันยากมากนะ แต่ว่าเอาวะ..เราอยากไปลองอะไรใหม่ๆ เราก็ต้องลองเสี่ยง คือปมเป็นนักแสดงที่ติสท์พอสมควร เรามานั่งคิดว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้ท้าท้ายตัวเอง ผมจะไม่มีความสุข ผมเลือกความสุขของผม อย่างน้อยๆ ผมต้องได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แล้วได้ไปโลดแล่น ไปหาประสบการณ์อีกแบบ

ตอนนี้มีซีรีส์กี่เรื่อง?
ท็อป : ตอนนี้มี 3 เรื่องครับ ละคร 1 เรื่องครับ

ไม่เคยเห็นท็อปออกรายการทอล์ก แต่ทำไมถึงมาออกคุยแซ่บ?
ท็อป : พอเราออกมาเป็นฟรีแลนซ์สักระยะ เราได้ไปร่วมงานกับหลากหลายช่อง หลายรายการ มันทำให้เราเปิดใจมากขึ้น เราไม่กลัวที่จะออกมานั่งและพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง เรากล้าที่จะเปิดตัวเองมากขึ้น

คุณเป็นคนติสท์มากจริงไหม?
ท็อป : ใช่ครับ

เห็นว่าติสท์ถึงขั้นบอกว่างานแบบนี้ผมไม่รับ?
ท็อป : ใช่ครับ

สมัยก่อนเลือกรับงานเหรอ?
ท็อป : เลือกพี่

งานแบบไหนเราไม่รับ?
ท็อป : เชื่อไหมเมื่อก่อน ตอนอายุ 23-24 ที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงใหม่ๆ ตอนนั้นมีงานไอจีติดต่อมาเยอะมาก ผมบอกผู้จัดการว่าผมไม่รับ เพราะว่านี่มันพื้นที่ส่วนตัวของผม แล้วมีงานไอจีทุกวัน รีวิวทุกอย่าง เราไม่เอาเลยสักงานเดียว มีวันหนึ่งหลายงานด้วย

แล้วความรู้สึกมันเปลี่ยนไปตอนไหน?
ท็อป : เปลี่ยนตอนโควิดครับ ตอนนั้นละครอะไรก็เลือกหมด รู้สึกว่าตัวละครนี้เราเล่นไปแล้ว เราไม่อยากเล่น ถ้าไม่มีอะไรให้เล่น เราก็ไม่อยากเล่น ไม่เอา ไม่รับ

ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเลิกติสท์?
ท็อป : โควิดมันสอนเราหลายอย่าง มันไม่มีอะไรแน่นอน วันหนึ่งที่เราเคยถ่ายละครได้ ผมเคยเชื่อนะว่าอาชีพนักแสดงของผมมันสามารถเลี้ยงเราไปจนแก่ 70-80 ก็ยังเล่นได้ แต่วันหนึ่งโควิด กองถ่ายไม่ได้ คนนู้นติด คนนี้ติด ผมก็ติดวันที่เราทำงานไม่ได้เราช็อกเลยนะ ตอนแรกเราให้เต็มที่เลย 6 เดือน เห้ยมันเป็นปี เราก็ต้องบริหารจัดการ ทั้งเรื่องของการวางแผนทั้งอาชีพและการเงินมากขึ้น

สมัยก่อนท็อปเล่นละครไม่เก่งจริงๆ เหรอ?
ท็อป : ไม่เข้าใจเอาอย่างนี้ดีกว่า ยังไม่เข้าใจการแสดง เรียกว่าแข็งเลย ท่อนไม้ยังไง อย่างนั้นเลย

เล่าให้ฟังหน่อยที่เขาต้องเบรกกองแล้วให้ท็อปไปเคลียร์ตัวเอง?
ท็อป : ตอนนั้นน่าจะเป็นละครเรื่องแรกที่ผมเป็นพระเอก มันกดดันมากเลย ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเป็นทุนอยู่แล้ว ที่หนักที่สุดคือคนรอบข้าง ทีมงานก็ไม่มั่นใจในตัวเราด้วย คือพูดง่ายๆ ถ้ามีซีนพระเอก นางเอกคู่นี้ ทีมงานส่ายหัวแล้ววันนี้เลิกดึกแน่ พอเราเห็นใจเราก็ฝ่อ วันนั้นเป็นซีนที่ผมต้องแอคชั่นเบาๆ กับนักแสดงรุ่นใหญ่ท่านหนึ่ง วันนั้นน่าจะเกิน 25 เทค เฉพาะคัทนะไม่ใช่ทั้งซีน คัทนี้ 3 ชั่วโมงไม่ผ่าน

ผู้กำกับว่าไง?
ท็อป : เขาบอกนี่กูกำกับคนหรือกำกับหุ่นยนต์ ถามว่าเสียใจไหม ก็เสียใจพี่

แต่ละครเรื่องล่าสุดของคุณคือสุดๆ เลย เล่นดีมาก อันนี้มันเป็นแรงผลักดันไหมที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องดีขึ้นทุกวัน?
ท็อป : ใช่ครับ ตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมตามหาความยอมรับแล้วกันจากคนอื่นๆ มาตลอดเวลา มันเหมือนเราไม่ประสบความสำเร็จสักที เราไม่สามารถทำให้คนเชื่อมั่นในตัวเราได้สักที แม้กระทั่งเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่เราก็ยังไม่มั่นใจในตัวเอง จนมีพี่คนหนึ่งที่เป็นผู้ใหญ่ เดินมาบอกผมว่าไม่ต้องพิสูจน์อะไรกับใครแล้ว เพราะวันนี้มึงทำได้แล้ว ไม่ต้องกดดันแล้ว มันเหมือนปลดล็อกอีกขั้นหนึ่งของเราให้เรารีเล็กซ์ขึ้นในการแสดงละคร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เกรท-แพท' ชวนลุ้นตอนจบ 'ปมเสน่หา' จะสวยงามหรือต้องพรากจากกัน

ลุ้นกันตั้งแต่ต้นจนจบ สำหรับความรักของ พายุ (เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์) กับ ปาริฉัตร (แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด) ในละครเรื่อง “ปมเสน่หา” ของผู้จัด เมย์-ปทิดา กำเนิดพลอย กำกับโดย ทรงศักดิ์ มงคลทอง เรียกว่าเป็นละครแจ้งเกิดของผู้จัดคนเก่ง เมย์ ปทิดา กับทาง ช่อง 3

ผู้จัดฯ 'เมย์ ปทิดา' นำทีม 'เกรท วรินทร-แพทริเซีย' แฉเบื้องหลัง 'ปมเสน่หา'

เตรียมตัวนับถอยหลังนั่งเฝ้าหน้าจอกันได้เลย สำหรับ “ปมเสน่หา” ทางช่อง 3 ละครที่แฟนๆ ต่างจับตามองและให้ความสนใจใกล้ออกอากาศให้ได้ชมกันแล้ว เรียกว่างานนี้ปั๊วะปังอย่างแน่นอนเพราะเป็นผลงานของผู้จัดฯ เมย์-ปทิดา กำเนิดพลอย หรือ เมย์ เฟื่องอารมย์ จาก ค่ายโชว์อิท จำกัด ที่มาร่วมงานกับทางช่อง 3 ครั้งแรก! รายการ “เปิดกองวิก 3 Online” ก็ไม่พลาดขอขยี้ความแซ่บสุดจี๊ดแฉเบื้องหลังความหฤโหด

‘ท็อป จรณ’ โอด ‘เกมล่าทรชน’ ยากแต่เป็นการยกระดับการแสดง!

ท็อป-จรณ โสรัตน์ นักแสดงหนุ่มที่พลิกบทบาทจับสายบู๊เต็มตัวกับละครที่ยากจะคาดเดา “เกมล่าทรชน” ทางช่อง 3 ในบท “มาวิน” เจ้าพ่อมาเฟียมาดคูล ของผู้จัด-ผู้กำกับ นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช จากค่าย เมตตาและมหานิยม จำกัด ที่กำลังทวีคูณความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่เจ้าตัวบอกว่าท้าทาย ยาก และเครียด ถึงขั้นต้องขอ workshop เพิ่ม เรียกว่าเล่นจริงเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยทีเดียว

‘ตูน พิมพ์ปวีณ์’ เผยก้าวแรกกับช่อง 3 ปลื้มร่วมงาน ‘นก ฉัตรชัย’

ร่วมงานครั้งแรกกับทาง ช่อง 3 ก็พลิกบทบาทเต็มตัว สำหรับนางเอกสาว ตูน-พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์ ที่สวมคาแรคเตอร์บู๊จัดเต็มจนตัวแทบร้าว ประกบ หมาก-ปริญ สุภารัตน์, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ และ ท็อป-จรณ โสรัตน์ กับละครสายแอ็คชั่น-ดราม่า “เกมล่าทรชน” ของค่าย เมตตาและมหานิยม จำกัด ที่ได้เจอผู้จัด-ผู้กำกับ สายบู๊ตัวจริงอย่าง นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช เรื่องแรก! เจ้าตัวถึงกับขอสารภาพว่า ‘กลัว’ เรียกว่าแค่เริ่มออกสตาร์ทก็เจอรุ่นใหญ่เสียแล้ว