ทบ. ลงทัณฑ์ 'ขัง-งดบำเหน็จ' ทหาร 2 หน่วย ผิดวินัย ทะเลาะยิงปืนขู่ในบ้านพัก

23 ก.พ.2566 - เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีทหารในค่ายย่านแจ้งวัฒนะ ใช้อาวุธปืนยาวตอบโต้กัน พร้อมตะโกนด่าทอท้าทายกัน ว่า “เรื่องนี้ต้องสอบสวนอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่าได้รับรายงานเหตุการณ์เป็นอย่างไร ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องดูผลการสอบสวน ว่าเกิดจากใครทำและสาเหตุมาจากอะไร ทุกอย่าง ต้องรอผลการสอบสวน เพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งผู้บังคับบัญชาที่สอบสวนก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นผู้บังคับบัญชา จึงไม่สามารถตัดสินใจได้ แต่ถ้าผิดทั้งคู่ก็ต้องลงโทษทั้งคู่ ส่วนใครจะโดนหนักกว่าหรือเบากว่า ก็ต้องดูว่าใครเป็นคนเริ่มต้นให้เกิดเหตุ

เมื่อถามว่าคลิปที่ปรากฏจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของทหารหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของทหาร แต่เป็นเรื่องของบุคคลไม่กี่คน อยู่ในค่ายทหาร ซึ่งทุกที่ก็มีกฎระเบียบอยู่แล้ว เมื่อทำผิดก็ต้องว่าตามผิด ผู้บังคับบัญชาก็ต้องรับผิดชอบด้วย

เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องการใช้อาวุธปืนของกำลังพลหรือไม่ ทัังที่ทางผู้บังคับมีการย้ำมาตลอด พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องอาวุธปืนก็อีกเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ว่าปืนจะถูกกฎหมาย ก็ไม่สามารถนำมาใช้เหมือนต่างประเทศได้ หากปืนผิดกฎหมายก็ยิ่งหนักกว่าเดิมอีก ก็ต้องได้รับโทษหนักขึ้นไป

เมื่อถามย้ำว่ายุคนี้ถ้าผิดก็ไม่เอาไว้ ใช่หรือไม่ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า “ถ้าผิดก็ไม่เอาไว้ ว่ากันตามกฎระเบียบ ใครผิดก็ว่าไปตามนั้น”

ด้าน พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กรณีที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์กรณีเกิดเหตุการใช้อาวุธปืนในที่พักอาศัยของทางราชการ ช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 20 ก.พ.2566 ซึ่งในเวลาต่อมานายทหารเวรได้เข้าระงับเหตุจนยุติลงนั้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตบ้านพักของหน่วยทหารสองหน่วยในพื้นที่เขตแจ้งวัฒนะ กทม. โดยเกิดจากการโต้เถียงกันด้วยอารมณ์ของนายทหารชั้นประทวนที่อาศัยอยู่ในบ้านพักซึ่งมีรั้วติดกัน มูลเหตุเกิดจากการเปิดเครื่องขยายเสียงดังรบกวนบริเวณที่พักอาศัยในยามวิกาล หลังการโต้เถียงนำมาซึ่งการใช้ปืนยิงข่มขู่ ลักษณะระบายอารมณ์ ไม่ได้มุ่งทำร้ายกัน หลังเกิดเหตุหน่วยต้นสังกัดได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กำลังพลยอมรับว่าได้ทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนส่วนตัวยิงข่มขู่กันทั้งสองฝ่าย

“คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาลงทัณฑ์ในฐานความผิดวินัยทหาร ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและฐานประพฤติไม่สมควร เสพของมึนเมาจนเสียกิริยา และยิงปืนในสถานที่ราชการ โดยนายทหารชั้นประทวน 4 นายของหน่วยแรก พิจารณาโทษจำขัง ตามฐานความผิด มีกำหนด 30-45 วัน, งดบำเหน็จประจำปี ส่วนนายทหารเวรของหน่วย และผู้บังคับบัญชา 2ระดับ ให้กักบริเวณ ภายในหน่วยทหาร 10-30 วัน และให้เข้ารับการฝึกดำรงวินัย สำหรับหน่วยที่สอง พิจารณาลงทัณฑ์นายทหารชั้นประทวน 1 นาย ที่เป็นคู่กรณี ตามความผิดวินัยเช่นเดียวกัน โดยขัง 30 วัน, งดบำเหน็จประจำปี นอกจากนี้ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีการใช้อาวุธปืนในที่สาธารณะของกำลังพลทั้งสองหน่วยเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กองทัพบกต้องขออภัยต่อประชาชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหน่วยทหารดังกล่าวที่มีความกังวลใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้การก่อเหตุเป็นการกระทำผิดของกำลังพลส่วนบุคคลโดยมีความผิดทั้งสองฝ่าย ซึ่งหน่วยต้นสังกัดได้สอบสวนและพิจารณาลงทัณฑ์ตามระเบียบของทางราชการแล้วโดยเฉพาะเรื่องวินัยทหารและการใช้อาวุธปืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หน่วยปฏิบัติการพิเศษทหาร-ตร. พร้อมรองรับสถานการณ์ก่อการร้าย

พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 โดยมี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ,พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ

ทบ. สรุปเกณฑ์ทหาร สมัครใจ 57% ของยอดความต้องการ

พ.ท.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่ากองทัพบกได้ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 1–12 เมษายน 2568 (เว้นวันที่ 6 เมษายน)

ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ตึกสตง.ถล่ม ให้กำลังใจทหารร่วมภารกิจรื้อถอนซากอาคาร

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจกำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ซากอาคาร สตง. ที่ถล่มจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค.68 ที่ผ่านมา

ผบ.ทหารสูงสุด ตั้งศูนย์เฉพาะกิจปราบยาเสพติด 3 ชุด 'บก-เรือ-อากาศ'

‘ผบ.ทหารสูงสุด’ จ่อลงนามตั้ง 3 ผบ.เหล่าทัพ คุม 3 ฉก. แยก ‘บก-เรือ-อากาศ’ ปราบยาเสพติด 3 มิติ ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเหล่าทัพ-ระดม ‘มือพระกาฬ’ ปูพรมสกัดกั้นด่านแรกแนวชายแดน-ปิดทางสารตั้งต้น