เดินหน้าแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ ปี 66-70 ตั้งเป้าดันดัชนี EGDI ไทยไม่ต่ำกว่าอันดับ 40 ของโลก

ครม.เห็นชอบแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ.66 –70 ตั้งเป้าดันดัชนี EGDI ไทยขึ้นอันดับ 40 ของโลก กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ ยกระดับบริการภาครัฐสะดวก โปร่งใส ทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชน

28 ก.พ.2566 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบและอนุมัติ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2570 เพื่อกำหนดกรอบและทิศทางการบริหารงานภาครัฐและการจัดทำบริการสาธารณะในรูปแบบของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป

(ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการบริหารงานของภาครัฐไปสู่ระบบดิจิทัล และสามารถยกระดับการให้บริการประชาชนให้มีความสะดวกและเปิดเผยมากขึ้น โดยมีแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 10 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการศึกษา (2) ด้านสุขภาพและการแพทย์ (3) ด้านการเกษตร (4) ด้านความเหลื่อมล้าทางสิทธิสวัสดิการประชาชน (5) ด้านการมีส่วนร่วม โปร่งใส และตรวจสอบได้ของประชาชน (6) ด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (7) ด้านสิ่งแวดล้อม (8) ด้านแรงงาน (9) ด้านท่องเที่ยว และ (10) ด้านยุติธรรม โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. วัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ 1.เพื่อพัฒนาบริการดิจิทัลสาธารณะของรัฐที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ สามารถอำนวยความสะดวกในการให้บริการและเป็นที่ยอมรับของประชาชน 2.เพื่อเป็นแนวทางสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการยกระดับการบริหารจัดการและการดำเนินงานภาครัฐให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัว มีการบูรณาการแบบไร้รอยต่อ เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และ 3.เพื่อเป็นกรอบทิศทางให้หน่วยงานภาครัฐจัดทาแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 และสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของไทย

2. ตัวชี้วัดความสำเร็จและค่าเป้าหมาย คือ ระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อการใช้บริการออนไลน์ภาครัฐไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 และอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E - Government Development Index: EGDI) ของไทยไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 40 ของโลก ซึ่งปัจจุบันอันดับของไทยอยู่ที่ 55 ของโลก

3. กลไกการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติจะต้องอาศัยกลไกการขับเคลื่อนสำคัญ คือ 1.กลไกด้านนโยบาย ที่จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล 2.กลไกการทำงานร่วมกัน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินกิจกรรม หรือโครงการร่วมกันภายใต้แผนดังกล่าว 3.กลไกด้านงบฯ กำหนดเกณฑ์ในการอนุมัติงบฯ เพื่อให้การจัดสรรงบฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และ 4.กลไกการติดตามและประเมินผลโครงการ มีการพัฒนาชุดข้อมูลการดำเนินโครงการฯ ต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวในการรวบรวมข้อมูล เพื่อตรวจสอบติดตามและประเมินผลโครงการของแผนรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ยุทธศาสตร์ 4 ข้อสำคัญ คือ
- ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยกระดับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลภาครัฐ เพื่อการบริหารงานที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และขยายสู่หน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่น เช่น ภาครัฐดำเนินการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง โดยภายในปี 2570 ร้อยละความสำเร็จของการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านสำคัญคิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยการพัฒนาที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการพื้นฐาน (Common Services) และด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Foundation) รวม 14 โครงการ เช่น โครงการบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ โครงการพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ

- ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาบริการที่สะดวกและเข้าถึงง่าย เพื่อประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐได้อย่างครบถ้วน ณ จุดเดียว (One - Stop Service) โดยภายในปี 2570 ระดับความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จในด้านสำคัญคิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพและการแพทย์ ด้านความเหลื่อมล้ำทางสิทธิสวัสดิการประชาชน และด้านสิ่งแวดล้อม รวม 8 โครงการ เช่น โครงการแพลตฟอร์มระบบสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ โครงการแผนที่สิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคนและการพัฒนาสมรรถนะด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิตของไทย (E - Workforce Ecosystem) โครงการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลสิทธิสวัสดิการเพื่อการวิเคราะห์และอำนวยความสะดวกในการให้บริการ

- ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างมูลค่าเพิ่มและอานวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ เพื่อผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการดิจิทัลของภาครัฐ โดยภายในปี 2570 ระดับความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการภาคธุรกิจแบบเบ็ดเสร็จในด้านสำคัญ คิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเกษตร ด้าน SMEs ด้านแรงงาน และด้านท่องเที่ยว รวม 7 โครงการ เช่น โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการเกษตร โครงการหนึ่งรหัสหนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : ID One SMEs)

- ยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ เพื่อทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานภาครัฐที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย โดยภายในปี 2568 ร้อยละความสำเร็จของการจัดให้มีช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านสำคัญคิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 2 ด้าน ได้แก่ การมีส่วนร่วม โปร่งใส และตรวจสอบได้ของประชาชน และด้านยุติธรรม รวม 9 โครงการ เช่น โครงการระบบศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม Data Exchange Center โครงการภาษีไปไหน

“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าการวางโคงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลมาโดยตลอดเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ผู้นำด้านดิจิทัล ด้วยวิสัยทัศน์ คือ บริการภาครัฐสะดวก โปร่งใส ทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชน ที่จะให้บริการที่ตอบสนองประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ โปร่งใส เปิดเผยข้อมูล ประชาชนเชื่อถือและมีส่วนร่วม และเพื่อเพิ่มความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันของภาคธุรกิจ โดยมีโครงการที่ประสบความสำเร็จและสร้างผลประโยชน์ให้กับภาคเศรษฐกิจและสังคมที่โดดเด่น เช่น พร้อมเพย์ และระบบภาษีออนไลน์ และแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของไทย พ.ศ. 2563-2565 ที่กำหนดกรอบและทิศทางการบริหารงานภาครัฐและการจัดทำบริการสาธารณะในรูปแบบของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศ ได้มีการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม เช่น โครงการ Digital Transcript เป็นโครงการจัดทำเอกสารสำคัญทางการศึกษาในรูปแบบดิจิทัล นอกจากนี้หน่วยงานภาครัฐทั่วไปยังได้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อการบริหารจัดการและการบริการประชาชนในวงกว้าง” น.ส.ทิพานัน กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ สั่งปราบมิจฉาชีพออนไลน์ ปิดบัญชีม้าแล้ว 7 แสนบัญชี อายัดเงินเกือบ 1 พันล้าน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นใส่ใจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งผลให้รัฐบาล ปิดบัญชีม้าแล้วกว่า 7 แสนบัญชี อายัดเงินเกือบ 1 พันล้าน และอยู่ระหว่าง ตรวจสอบ เพื่อคืนเงินผู้เสียหายต่อไป

รัฐบาลเตรียมต้อนรับ รมว.พาณิชย์ซาอุฯ ชี้โอกาสสำคัญต่อยอดจากนายกฯเศรษฐาเยือนซาอุฯ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดต้อนรับ ดร.มาญิด บิน อับดุลเลาะฮ์ อัลกอเศาะบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซาอุดีอาระเบีย

พรบ.งบ 67 มีผลบังคับใช้แล้ว นายกฯ เชื่อมั่นจะช่วยให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ร.บ. งบฯ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท มีผลบังคับใช้แล้ว โดยแบ่งได้ ดังนี้ งบกลาง 6.15 แสนล้านบาท

สมชัย ชี้ปรับ ครม. ‘รัฐบาล’ ขาดทุนมากขึ้น  หน้าตาคนมาใหม่หลายคน ปชช.ส่ายหน้า

ปรับ ครม.ครั้งนี้ จึงดูเหมือนรัฐบาลจะขาดทุนมากขึ้น  เพราะหน้าตาคนมาใหม่หลายคนประชาชนก็ส่ายหน้า  ยิ่งปานปรีย์ลาออกอีก ยิ่งเสียโอกาสได้คนเก่งและทุ่มเทมาอยู่ใน ครม.