ธปท.ประสานธนาคารรัฐ-เอกชนดึงผู้ใช้ Mobile Banking ที่โอนเงินตั้งแต่ 5 หมื่นบาทต่อครั้ง 2 แสนบาทต่อวัน ติดต่อสาขาธนาคารเพื่อสแกนใบหน้าตัดวงจรภัยออนไลน์ ชี้แอปพลิเคชัน 7 แบงก์พร้อมบริการแล้ว
31 พ.ค.2566 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างผลักดันมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือภัยออนไลน์ ซึ่งในส่วนของภาคการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประสานสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์เอกชน เพื่อยกระดับมาตรการเพื่อความปลอดภัย โดยมีหลายมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การยกเลิกการแนบลิงค์เพื่อส่งข้อความสั้น (SMS) หรืออีเมลไปยังลูกค้า
สำหรับอีกมาตรการที่จะเข้ามาช่วยให้ตัดวงจรภัยออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขณะนี้ธนาคารต่างๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ คือ การปรับปรุงระบบความปลอดภัยในบริการผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือ Mobile Banking ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. เป็นต้นมาธนาคารแต่ละแห่งได้ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่ใช้บริการ Mobile Banking ที่จะมีการโอนเงินต่อครั้งตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และโอนยอดรวมต่อวันตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป และกรณีการเปลี่ยนวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะต้องไปทำการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ที่สาขาธนาคาร หรือที่ตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการ Mobile Banking ไม่ต้องดำเนินการยืนยันตัวตนดังกล่าว และยังสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ตามปกติ เช่นการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม สาขาธนาคาร หรือ Internet Banking โดยไม่ถูกจำกัดวงเงินตามจำนวนข้างต้น
ทั้งนี้ ธนาคารแต่ละแห่งจะให้ผู้ใช้บริการ Mobile Banking ดำเนินการยืนยันตัวตนไปตลอดเดือน มิ.ย. ก่อนที่จะเริ่มมาตรการจำกัดวงเงินผู้ไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่ ก.ค.2566 เป็นต้นไป (บางแห่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.) ซึ่งหลังจากนี้ผู้ยังไม่ยืนยันตัวตนก็จะยังทำธุรกรรมผ่านแอปพลิชันได้ เพียงแต่การโอนเงินต่อครั้งจะไม่สามารถโอนตั้งแต่ 50,000 บาทได้ หรือโอนรวมต่อวันได้ไม่เกิน 200,000 บาท
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากการติดต่อสอบถามที่สาขาธนาคารแล้ว ธปท. ได้แนะนำช่องทางที่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบได้เองว่าตนเองเคยสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนแล้วหรือไม่ ด้วยแอปพลิเคชันธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 66 มีธนาคาร 7 แห่งที่ให้บริการตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันได้แล้ว ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, กสิกรไทย, เกียรตินาคินภัทร, ทหารไทยธนชาต, ไทยพาณิชย์, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และออมสิน ส่วนอีก 5 แห่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ตรวจสอบได้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, ซีไอเอ็มบีไทย, ทิสโก้ และ แลนด์แอนด์เฮาส์ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะมีการประกาศให้ทราบต่อไป
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบ ให้เข้าไปที่แอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นเลือกเมนู อื่นๆ เลือก การตั้งค่า หรือตั้งค่าบัญชี และเลือก “จัดการบริการ NDID” หากเป็นผู้เคยยืนยันตัวตนแล้ว แอปพลิเคชันจะแจ้งว่า “ยืนยันตัวตนเรียบร้อย” แต่หายังไม่เคยดำเนินการจะแจ้งว่า “ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน, ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยการบันทึกใบหน้า หรือไม่พบข้อมูล” ซึ่งผลดังนี้ ผู้ใช้บริการต้องไปสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตามช่องทางที่ธนาคารกำหนดต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิชัย' รับคลังชงชื่อ 'สมชัย' ชิงประธานบอร์ด ธปท. การันตีเก่งไร้ปัญหา
'พิชัย' ยอมรับกระทรวงคลังชงชื่อ 'สมชัย สัจจพงษ์' ชิงประธานบอร์ดแบงก์ชาติ บอกคนไหนไม่น่ามีปัญหา ที่ส่งไปเก่งทั้งนั้น
ไอเดียเก๋! ตร.ไซเบอร์แจกฟรี ภาพสวัสดีตอนเช้า เตือนภัยออนไลน์
การป้องกันภัยไซเบอร์จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในการช่วยกันแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้และระมัดระวังภัยไซเบอร์ในทุกรูปแบบ
เปิดเบื้องหลัง! 'สมชัย' จ่อคุมวังบางขุนพรหม แทน 'กิตติรัตน์'
เบื้องหลัง 'สมชัย สัจจพงษ์' จ่อนั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แทน 'เสี่ยโต้ง กิตติรัตน์' ลือ 'ทีมบ้านพิษณุโลก' ส่งชื่อเข้าประกวด
รัฐบาลลุยจับคู่ธุรกิจซื้อขายผลไม้ล่วงหน้า
รัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนจับคู่ธุรกิจ เซ็น MOU ซื้อขายผลไม้ล่วงหน้า คาดปี 68 ส่งออกผลไม้สดและแปรรูป มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการส่งออกผลไม้ไทยในตลาดโลก
หนุนสมรสเท่าเทียม! ธอส.ปล่อยกู้ร่วมซื้อบ้านทุกโครงการ
รัฐบาลสนับสนุนสมรสเท่าเทียมหนุนกู้ร่วมซื้อบ้านกับ ธอส.ทุกโครงการ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.30% เริ่มวันนี้ ทั่วประเทศ
ข่าวดี! ญี่ปุ่นรับผู้ฝึกงานชายไทย 18-30 ปี
กระทรวงแรงงานเปิดรับผู้ฝึกงานที่ญี่ปุ่น ปี 68 เน้นงานอุตสาหกรรมการผลิต และก่อสร้าง สมัครออนไลน์ฟรี