เลขานุการประธาน กสทช.แจงยิบ 'ศ.คลินิก นพ.สรณ' ไปต่างประเทศใช้เงินแค่ 3 ล้านไม่ใช่ 45 ล้านตามข่าว ขู่ตรวจสอบได้ แต่จงใจนั่งเทียนเจอฟ้องกลับแน่
23 ส.ค.2566 – กรณีข่าว ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ใช้งบประมาณเดินทางไปประชุมในต่างประเทศของ กสทช. 45 ล้านบาทนั้น พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธาน กสทช.เผยว่า ภารกิจของ กสทช. ในการประสานความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศเพื่อส่งเสริมธุรกิจ เทคโนโลยีและรักษาสถานะของประเทศไทยในกิจการโทรคมนาคมระดับนานาชาติ ศ.คลินิก นพ.สรณ ให้ความสำคัญมาก ในบริหารงานกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับเชิญจากองค์กรต่างๆ ไปร่วมประชุม แสดงวิสัยทัศน์และยกระดับความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง
“การเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง ประธานกสทช. เน้นย้ำเรื่อง ความคุ้มค่าและประหยัดงบประมาณมากที่สุด นำผู้บริหารหรือบุคลากรร่วมไปด้วยเท่าที่จำเป็น และพยายามเดินทางโดยมิได้ใช้สิทธิเต็มจำนวนตามเอกสิทธิ์ในฐานะประธาน กสทช. แต่อย่างใด อาทิ งดเว้นสิทธิบัตรโดยสารเครื่องบินที่นั่งชั้น 1 และห้องสวีท เนื่องจากเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลังสถานการณ์โควิด-19 สูงขึ้น โดยแจ้งว่า ให้เลือกจองบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นธุรกิจที่ราคาถูกกว่าเป็นหลัก”
พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ตามงบประมาณประจำปี 2565 ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของประธาน กสทช. รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,593,809.93 บาท และตามงบประมาณประจำปี 2566 รวมทั้งสิ้น 3,880,722.05 บาท เท่านั้น ไม่ได้ใช้งบประมาณสูงมากตามที่ปรากฎเป็นข่าวแต่ประการใด ส่วนกรณีที่ ศ.คลินิก นพ.สรณ เดินทางไปต่างประเทศเป็นการส่วนตัว เช่น สหรัฐ หรือ ญี่ปุ่น นั้น ท่านจะใช้งบประมาณของตนเองเป็นหลัก ไม่ใช้งบประมาณของ กสทช. โดยส่วนใหญ่ไปเพื่อไปพักผ่อน และศึกษาดูงานทาง เทคโนโลยี การแพทย์โทรคมนาคม โดยจะใช้เวลาในช่วงวันหยุดยาวหรือวันหยุดสุดสัปดาห์
ส่วนที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. เป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ตามที่กสทช.กำหนดไว้ตามระเบียบว่าด้วยการนั้น ตามข้อ 7(2) ของระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน พ.ศ.2565
“การเดินทางไปต่างประเทศของประธานกสทช. เป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ในฐานะผู้นำองค์กรและตัวแทนประเทศไทยที่ไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์กับองค์กรภาคีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมระดับโลก อย่างในปีงบประมาณ 2566 ก็ใช้เพียง 3.8 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ได้ใช้งบประมาณสูงแต่ประการใด”
พ.ต.อ.ประเวศน์ ยกตัวอย่าง การเดินทางประชุมต่างประเทศที่สำคัญ อาทิ การประชุมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU จำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ การประชุม ITU Plenipotentiary Conference (PP22) กรุงบูคาเรสต์ สาธารณรัฐโรมาเนีย และ การประชุม ITU Council ณ นครเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ ถือเป็นภารกิจหลักของประธานกสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยการประชุม PP-22 ประธานกสทช.ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้แทนหลักของประเทศไทย ลงคะแนนเลือกตั้งเลขาธิการ ITU / ผู้บริหาร ITU-R/T/D/ และลงคะแนนเสียงเลือกกรรมการบริหาร ITU (ITU Council) รวมถึงทำหน้าที่หาเสียงเพื่อให้ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหาร ITU ซึ่งการได้รับตำแหน่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยมีประเด็นเรื่องสิทธิวงโคจรกับ ITU
ขณะที่การประชุม ITU Council ณ นครเจนีเวา ระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2566 เป็นการประชุมครั้งแรกที่เลขาธิการ ITU คนใหม่ คือ นาง Doreen Bogdan-Martin มอบนโยบายครั้งแรก และได้เชิญประธานกสทช. จากประเทศไทยเข้าร่วมประชุมด้วย
ส่วนการประชุม Thailand 5G Ecosystem Reverse Trade Mission เป็นการเดินทางได้รับเชิญจาก Department of Commerce ของสหรัฐฯ ซึ่งการเดินทางมีวัตถุประสงค์เพื่อเจรจาการค้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ และ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคม โดยกรรมการทั้ง 3 ท่านที่เข้าร่วมได้รับการสนับสนุนเต็มจำนวนจากสหรัฐฯ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้อาจพิจารณาปรับสิทธิที่นั่งเป็น first-class โดยอาศัยงบประมาณของ กสทช.ก็ได้ แต่ประธานกสทช. ขอใช้สิทธิเฉพาะเท่าที่สหรัฐให้การสนับสนุนเท่านั้น
ทั้งหมด จะเห็นว่าประธานกสทช. บริหารองค์กรแห่งนี้ ด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่และใช้งบประมาณการเดินทางที่มีจำกัดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และในความเป็นแพทย์ที่มองประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าความสุขสบายส่วนตัว สำคัญคือผลลัพท์ที่ได้จากการเดินทางก็ต้องนำมาต่อยอดสู่การฏิบัติจริงได้
ทั้งนี้ ทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณของ กสทช. หรือวิพากษ์วิจารณ์ได้ หากเป็นไปอย่างสุจริตโปร่งใส แต่การนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของสื่อบางแห่งที่ขาดรับผิดชอบและจงใจละเมิด ทำให้ กสทช.เกิดความเสียหาย ขณะนี้ทาง กสทช. ได้มีการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสทช. จับมือตำรวจ ขยายผลไล่ล่าเอาผิดผู้ถือครองซิมเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
กสทช. ร่วมกับ ตำรวจ ขยายผลไล่ล่าเอาผิดผู้ถือครองซิมเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขานรับนโยบายเร่งด่วนนายกเศรษฐาฯ
มท.1 สั่งทุกจังหวัดคุมเข้ม ป้องอุบัติภัย 'วันลอยกระทง'
มท.1 กำชับทุกจังหวัดอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยประชาชนเดินทางท่องเที่ยว พร้อมเฝ้าระวังอุบัติภัยทางน้ำ ไฟไหม้ในเทศกาลลอยกระทง
จับตาสภาองค์กรผู้บริโภค ถกต้านควบรวม AIS-3BB ลุ้นฟ้องศาลหรือไม่ฟ้อง
สภาองค์กรของผู้บริโภค ไม่เห็นด้วย ควบรวมธุรกิจเน็ตบ้าน AIS - 3BB ชี้ทำให้ลูกค้าอาจต้องจ่ายแพงขึ้นจากเดิมถึง 20% เชื่อ กสทช. ไม่สามารถดูแลประชาชนได้ เตรียมนัดหารือ 1 ธ.ค. วางท่าที ในการดำเนินการต่อเรื่องนี้
กสทช. จ่อออกประกาศคนที่มีซิมการ์ดเกิน 5 หมายเลขต้องไปยืนยันตัวตนผู้ครอบครอง
กสทช.จ่อออกประกาศจัดระเบียบซิมการ์ด คนที่มีเกิน 5 หมายเลข ให้ยืนยันตัวตนผู้ครอบครอง หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาด-มิจฉาชีพใช้ซิมเพื่อหลอกลวงออนไลน์
สภาผู้บริโภคยืนยัน “กสทช.”ต้องยุติควบรวม AIS - 3BB หลังพบราคาเน็ตแพงขึ้นถึง 22%
สภาผู้บริโภคยืนยัน กสทช. ต้องยุติการดำเนินการควบรวมบริการอินเทอร์เน็ตระหว่าง AIS และ 3BB ชี้ทำให้ราคาแพงขึ้น 9.5% - 22.9% ลั่นหาก กสทช. ยังปฏิเสธอำนาจตนเองในการยับยั้งการควบรวมครั้งนี้ ขอให้ “กสทช.” ลาออกและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
ก้าวไกลบี้ 'กสทช.' อย่าไฟเขียวควบรวมเน็ตบ้านซ้ำรอยมือถือ!
'รองโฆษกก้าวไกล' ชวนจับตาประชุม 'กสทช.' 10 พ.ย. ชี้ชะตาคำขอควบรวมเน็ตบ้าน 'AIS+3BB' หวั่นซ้ำรอยยกรณี 'True+DTAC' ขออย่าปล่อยให้เกิดการผูกขาดบทใหม่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม