คลอดแล้ว! 10 มาตรการเร่งด่วนแก้เศรษฐกิจ จากผลกระทบรัสเซีย-ยูเครน

“บิ๊กตู่” เผยรัฐบาล คลอด 10 มาตรการเร่งด่วนแก้เศรษฐกิจจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตรึงดีเซลถึงสิ้นเม.ย. อุ้มหาบเร่-วินมอไซด์ -แท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนรัฐ ช่วยค่าไฟ -ก๊าซหุงต้ม-ลดเงินสมทบผู้ประกันตนโอดเจอสองเด้งวิกฤติซ้อนวิกฤติ แจงไม่ได้มุ่งหวังใช้เงิน บอกทุ่มไม่ได้งบจำกัด วอนสื่อ-ปชช.ร่วมมือฟื้นประเทศ

22 มี.ค.2565 - เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของครม.ได้หารือหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนและผลกระทบจากสงครามรวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ค้างคาอยู่ของแต่ละกระทรวง ซึ่งมีการนำเสนอเข้ามาหลายโครงการ เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ การติดตามมติครม. และกฎหมายต่างๆที่จะสามารถผ่อนคลายได้บ้างให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ไปให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนอยากทราบว่าจากสถานการณ์ต่างประเทศในปัจจุบัน รัฐบาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาและดูแลอย่างไร ซึ่งตนได้หารือมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุกการณ์ ทั้งนี้ตนได้จัดคณะทำงานขึ้นมาทำงาน โดยตนเป็นหัวหน้า มีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาหารือร่วมกันว่าสิ่งไหนจะเกิดผลกระทบจากการสู้รบจากเหตุการณ์ต่างประเทศในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน อันมีผลจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น ตนและรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักดีถึงความลำบากของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อยและผู้ใช้แรงงาน พวกนี้จะเดือดร้อนมากที่สุด

จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ข้อสรุปว่าถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ไม่น่าจะยุติได้โดยเร็ว ซึ่งจากภาพข่าวและข่าวความมั่นคงที่ตนได้รับมาต่างๆเหล่านี้คาดว่ายังไม่จบลงได้เร็วนัก ตนจึงได้สั่งการให้มีการระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน ซึ่งต้องทยอยดำเนินการเพิ่มเติมจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐได้ออกไปแล้ว และยังใช้อยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่เราให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องสุขภาพ และวันนี้มีสถานการณ์สงครามเข้ามาอีก ดังนั้นเราต้องหาวิธีการใหม่ๆเพิ่มเติม บางอันต้องต่อยอดของเดิม ของเก่า ฉะนั้นสิ่งที่ตนได้เห็นชอบไปแล้วและจะเริ่มดำเนินการได้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างน้อย 10 มาตรการ และขอทีละ 3 เดือนก่อนได้หรือไม่ เพราะต้องดูงบประมาณและสถานการณ์ไปด้วย

นายกฯ กล่าวว่า 1.การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาทต่อเดือน 2.ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค่าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน 3.ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบกจำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม 4.คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม 5.ผู้ขับขี่แท๊กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา13.62 บาทต่อกิโลกรัม

นายกฯกล่าวอีกว่า 6.ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 7.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเราอั้นไม่ไหวจริงๆก็ต้องเพิ่มจากที่ช่วยครึ่งหนึ่งที่เพิ่มไป 8.กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป ซึ่งตอนนี้เราก็ใช้ไปมากแล้ว 9.ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป และ10.ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42 – 180 บาทต่อเดือน อันนี้ก็ใช้เงินไปเยอะพอสมควรรายได้ก็ลดลง ก็ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วยก็แล้วกันตอนนี้เราพุ่งเป้าไปที่คนที่เดือดร้อนที่สุดก่อน ที่เหลือก็ช่วยกันกับรัฐบาลไปด้วย นึกถึงคนที่ยากจนลำบากก่อน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ตนยังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้ได้มากที่สุดก่อนจะเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูก โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศ และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับประเทศต่างๆในการจัดหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็นเข้าประเทศด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปุ๋ยอาหารสัตว์ ที่เราพึ่งพาต่างประเทศจำนวนมาก อันนี้เป็นสิ่งที่ตนต้องมองระยะยาวจะทำอย่างไรกับเรื่องปุ๋ย ทำอย่างไรจะสามารถผลิตในประเทศได้บ้าง และทำอย่างไรจะมีแม่ปุ๋ยในประเทศของเราซึ่งมีอยู่แต่เราใช้ไม่ได้ มันขุดขึ้นมาไม่ได้ เพราะประชาชนยังไม่เห็นชอบเรื่องนี้จึงทำให้เราขาดความเข้มแข็งในเรื่องแม่ปุ๋ย ก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด และวันนี้หลายประเทศเริ่มกักตุนอาหารกักตุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งก็มีผลทั้งหมด รัฐบาลพยายามจะทำทุกอย่างให้คงสภาพดีที่สุดเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่ถ้าใช้งบประมาณทุ่มลงไปทั้งหมดอย่างอื่นก็จะไปหมด อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ไปกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการออกมาตรการทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งนี้ต้องให้เป็นไปตามข้อกฏหมาย และข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งนำเสนอครม.เพื่อพิจารณาและอนุมัติเป็นการเร่งด่วน

“วันนี้เราดูทั้ง 2 ทาง สุขภาพก็ดูและดูเรื่องสงครามเข้าไปอีก เท่ากับโดนสองเด้ง ผมขอย้ำว่ารัฐบาล ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานเราทำงานอย่างหนัก เพื่อวางแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด ต้องเข้าใจคำว่าให้ได้มากที่สุดตามขีดความสามารถที่เรามีอยู่เพื่อให้พ้นวิกฤติที่ซ้อนวิกฤตินี้ไปให้ได้ เราไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเราต้องเร่งเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และระยะกลาง”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในเรื่องการค้าการลงทุนของต่างประเทศ การเปิดประเทศการท่องเที่ยวระยะต่อไป สิ่งเหล่านี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ สร้างอาชีพรวมถึงเป็นการช่วยลดภาระแบ่งเบาค่าครองชีพต่างๆของประชาชน และการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด เหล่านี้ทั้งหมดจะเห็นได้ว่ามีแต่ปัญหา สำคัญสุดคือปัญหารายได้ประเทศของเราซึ่งอยู่ในห้วงที่เราเริ่มการลงทุน หลายปีมาแล้วโครงการอีอีซี โครงการอุตสาหกรรมใหม่โครงการรถไฟฟ้า โครงการต่างๆที่มีการลงทุนในประเทศเกิดขึ้น แต่มันอยู่ในช่วงของการดำเนินการคิดว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ไปวันข้างหน้าเราน่าจะมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

“รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังที่จะใช้เงินอย่างเดียว ผมได้ทำเรื่องนี้มาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา มันถึงได้เกิดโครงการอีอีซีขึ้นมา และมีโครงการอื่นๆตามมาอีกหลายอย่าง ฉะนั้นขอฝากพี่น้องประชาชน ฝากสื่อด้วยทำความเข้าใจด้วย เศรษฐกิจไทยวันหน้าจะเดินได้อย่างไร และพี่น้องประชาชนก็ยังเดือดร้อนกันอยู่มาก และวันนี้สิ่งที่หารือกันมากที่สุดคือการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนที่มีปัญหาติดค้างข้อกฎหมายต่างๆมากมาย และวันนี้ฐานรายได้ของแต่ละคนแต่ละอาชีพต่างกัน ทำอย่างไรจะทำให้แต่ละกลุ่มมีรายได้ที่เพียงพอที่จะดูแลลูกเมียครอบครัวได้ตามอัตภาพที่เขามีอยู่ ส่วนการที่จะยกคนขึ้นมามีฐานะดีอันนั้นอีกขั้นอตอนหนึ่ง และวันนี้ก็เห็นมีคนรวยเพิ่มขึ้นเยอะจากเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล พวกนี้เราก็ต้องระวัง แม้รัฐบาลจะพยายามสนับสนุนเรื่องนี้แต่ก็ต้องมีมาตรการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวด้วย ใครที่สนใจก็ขอให้ศึกษา เพราะใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เราได้มีการเตรียมการไว้แล้วขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุดแล้วกัน” นายกฯกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุระ' มั่นใจ ฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลไม่ระคาย หนุนปรับครม.หาคนเหมาะสม

“สุระ” มั่นใจ ฝ่ายค้านซักฟอก ไม่ทำให้ เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน เหตุ จำนวนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังหนุนอื้อ ชี้ ปรับครม. นายกฯ พิจารณาตามความเหมาะสม เสริมประสิทธิภาพทำงาน แก้ปัญหาให้ประชาชน

รองโฆษก รทสช. เผยคลิป 'ลุงตู่' มอบคำอวยพรให้แฟนคลับ เนื่องในวันเกิดครบ 70 ปี

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์คลิปพร้อมข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เที่ยงวันนี้เนเน่ และพี่ๆ ได้มีโอกาสเข้าไปกราบอวยพรวันเกิดท่านองคมนตรี

'พีระพันธุ์' โพสต์อวยพรวันเกิดท่านองคมนตรี 'พล.อ.ประยุทธ์' ลุงตู่ของพวกเรา

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ 21 มีนาคม 2567 เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านองคมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha “ลุงตู่ของพวกเรา”