
‘ปดิพัทธ์’ เลือกกอดเก้าอี้รองปธ.สภาฯ แทนไขก๊อก โต้สมคบคิดกับก้าวไกล ฮั้วผลประโยชน์การเมือง เผยกำลังคุยพรรคเป็นธรรม-ไทยสร้างไทย เมิน สส.ในสภาไม่ยอมรับ
29 ก.ย. 2566 – นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ฐานะรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง แถลงถายหลังที่พรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรค ว่า น้อมรับมติดังกล่าว ซึ่งจากการพูดคุยถึงแนวทางต่างๆ กับแกนนำ ซึ่งได้แจ้งความจำนงไปยังพรรคก้าวไกล ว่าต้องการขับเคลื่อนงานในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ต่อไป หากลาออกจะกระทบต่อการขับเคลื่อนงานและวาระที่ให้คำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชนและสภาฯ ดังนั้นจึงยื่นความจำนงที่จะทำหน้าที่ต่อ แทนการเลือกลาออก
ทั้งนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรกับก้าวไกลมากนัก เพราะในทางพฤตินัยตนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลตั้งแต่รับตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งแล้ว ส่วนในการเลือกตั้งครั้งหน้าตนจะกลับไปสังกัดพรรคก้าวไกลเพื่อลงเลือกตั้งหรือไม่ ขอพิจารณาอีกครั้ง เบื้องต้นมองว่ายังมีเวลาอีกนาน ดังนั้นขอพูดประเด็นปัจจุบันเท่านั้น
“การเปลี่ยนต้นสังกัดของผม จะไม่กระทบต่อแผนงานและการทำงานรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ผมยังได้สอบถามกับประชาชนในพิษณุโลก เขต 1 และทั่วประเทศคร่าวๆ ทั้งนี้ยืนยันการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ เป็นประโยชน์ต่อการดูแลทุกข์สุขของคนพิษณุโลกเหมือนเดิม ส่วนพรรคก้าวไกลนั้นผมมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลมีบุคลากรที่จะดูแลคนพิษณุโลกได้ต่อ แต่การทำงานใดๆ ในฐานะพรรคก้าวไกลพรรคต้องตัดสินใจเองในพื้นที่ของจ.พิษณุโลก เขต 1 ส่วนผู้ปฏิบัติงานของผมในสภาฯ และในพื้นที่ที่ปัจจุบันสังกัดพรรคก้าวไกลต้องปฏิบัติตัวอย่างไรนั้น ผมขอศึกษาข้อกฎหมายอีกครั้ง” นายปดิพัทธ์ ระบุ
นายปดิพัทธ์ กล่าวยอมรับว่า ได้หารือกับพรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย อย่างไม่เป็นทางการ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ทั้งนี้ระยะเวลาที่ตนต้องหาสังกัดพรรคใหม่ เป็นไปตามกฎหมายคือ 30 วัน ขณะนี้เป็นวันแรก ดังนั้นตนขอกลับพื้นที่ไปอยู่กับครอบครัวและพื้นที่ สำหรับพรรคที่ตนจะเลือกสังกัดนั้น ยืนยันต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดการณ์เดียวกัน ไม่สามารถข้ามขั้วได้
เมื่อถามว่า กรณีที่เลือกแนวทางดังกล่าวเป็นทฤษฎีสมคบคิดหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิที่จะวิจารณ์ได้ การที่พรรคขับออกครั้งนี้ จนเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก และรอบคอบ ไม่ใช่สมคบคิดเพื่อประโยชน์ใคร แต่เป็นทางออกคือทางที่ดี ยืนยันไม่มีเงื่อนงำใดๆ พูดกันแบบตรงไปตรงมาด้วยเหตุผลการทำงาน และหลังจากนี้ขอให้อนาคตเป็นบทพิสูจน์ ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลเล่นการเมืองแบบเก่า ไม่ใช่สร้างการเมืองใหม่นั้น ขอให้ไปถามพรรคก้าวไกลเอง ตนตอบแทนพรรคไม่ได้
ส่วนกรณีที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกและต้องหาสังกัดใหม่ กังวลว่าจะไม่ได้รับการยอมรับในสภาฯ ฐานะรองประธานสภาฯ หรือไม่นั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะที่ผ่านมาพรรคชนะอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร หรือได้ประธานสภาฯ ถือเป็นเค้าลางของความไม่ปกติพอสมควร ดังนั้นมองว่าหากสิ่งใดที่เป็นไปตามหลักการทุกคนต้องปฏิบัติตามไม่มีเกมการเมืองใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกดดันจาก สส. รัฐบาลหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า “มีแต่ให้กำลังใจให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ดี”
เมื่อถามว่า ขณะนี้ถูกมองว่าเป็นนอมินีของพรรคก้าวไกล เหมือนที่มีการกล่าวหาว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า “แบบนี้จะไม่เป็นธรรมกับพรรคอื่นที่มีผู้นำ มีศักดิ์ศรีได้”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ก้าวไกล' โดนอีกดอก! ปูด 'โรม' ตั้ง 'สามีทนายแจม' นั่งเลขาฯ กมธ.
'สว.อุปกิต' ปูด 'โรม' ตั้งสามี 'ทนายแจม' สส.กทม. นั่งเลขาฯ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่ตัวเองเป็นประธาน
กลุ่มปกป้องสถาบัน ร้องศาลรธน. เอาผิด 'หมออ๋อง' โฆษณาเบียร์ต้องรับโทษมากกว่าคนทั่วไป
กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) นำโดย นายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มและนางแน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธานกลุ่มศูนย์ช่วยเหลือด้
‘ชลน่าน’ โยน กก.บห.เพื่อไทย เคาะเสนอร่างนิรโทษฯ ประกบ ‘ก้าวไกล’ หรือไม่
นพ.ชลน่าน ระบุให้ กก.บห.เพื่อไทยเคาะเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ประกบร่วมกับของพรรคก้าวไกลหรือไม่
ลาม! สส.กรุณพล ยุฟ้อง 'ต้อม ยุทธเลิศ' ข้อหาฉ้อโกงปมระดมทุนสร้างหนัง
จบไม่ลง! สส.กรุณพล เรียกร้องคนที่โอนเงินให้ 'ต้อม ยุทธเลิศ' นำไปสร้างหนังต่อต้านเผด็จการ ในโครงการ 'นายทุน 100 บาท สร้างหนัง 100 ล้าน' ฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง เพราะตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ยังไม่มีการสร้างหนังจริง
'สส.รักชนก' นับถอยหลัง! ทำหนังสือวอนศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี 112
นับถอยหลัง 'สส.ไอซ์ รักชนก' ระทึกศาลนัด 13 ธันวาอ่านคำพิพากษาคดี 112 เผยออกได้สองทางหนักสุดจำคุก 3-15 ปี-ไม่ให้ประกันตัวต้องพ้นสมาชิกภาพการเป็นสส.ทันที เจ้าตัวทำหนังสือขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป เพื่อให้การทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชนไม่ติดขัด
อัด 'คู่หูคู่ฮา' หมกมุ่นมาตรา 112
อดีตหัวหน้าศูนย์ ศรภ. ระบุมาตรา 112 เกี่ยวพันเรื่องความมั่นคง และการคุ้มครองประมุขของประเทศ อัด 'ชัยธวัช-ธนาธร' คู่หูคู่ฮาหมกมุ่นกับการนิรโทษกรรมพวกทำผิดมาตรา 112 ทั้งที่มีหลายสิบเรื่องที่ก้าวไกลในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ต้องติดตามตรวจสอบ