'สว.สมชาย' ชี้เหตุ 'พิธา-ก้าวไกล' สุ่มเสี่ยง ถูกร้องยุบพรรค

30 ม.ค.2567- สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ Ep.3 เหตุใดคดีที่พิธาและพรรคก้าวไกลที่ถูกนายธีรยุทธร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยในพุธที่31มค2567นี้ จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกวินิจฉัยให้มีความผิดหรือให้ยุติการกระทำตามคำร้อง และอาจนำไปสู่การร้องดำเนินคดีที่หนักขึ้นในก้าวต่อไป

เพราะในคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญของนายธีรยุทธ ไม่ได้ร้องขอให้ยุบพรรคก้าวไกล แต่หากพิจารณาดูจากคำร้องประกอบหลักฐาน ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทั้งหมดแล้ว

ส่วนตัวยังมีความเห็นว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกลยังอยู่ในความเสี่ยงที่อาจถูกวินิจฉัยว่ากระทำผิดและถูกสั่งการให้ยกเลิกการกระทำดังกล่าวต่อไปในอนาคต ด้วยเหตุดังนี้

1)นายธีรยุทธ ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา49 เพื่อให้สั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่19/2564 ที่เคยห้ามไว้เดิมโดยอ้างว่า

“ด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่19/2564

“การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเรียกร้องเพื่อให้มีการยกเลิกฎหมายที่ห้ามผู้ใดล่วงละเมิด หมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ อันนำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเกินความพอเหมาะพอควรโดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด”

“สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นเสาหลักสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น การกระทำใดๆที่มีเจตนาเพื่อทำลายหรือทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องสิ้นสลายไป ไม่ว่าจะโดยวิธีการพูด การเขียน หรือการกระทำต่างๆเพื่อให้เกิดผลเป็นการบ่อนทำลาย ด้อยคุณค่า หรือทำให้อ่อนแอลงย่อมแสดงให้เห็น ถึงการมีเจตนาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์”

“ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา49 วรรค1 และสั่งการให้ผู้ถูกร้องรวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ”

2)นายธีรยุทธ ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งกาาให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล เลิกดำเนินการใดๆทั้งการยกเลิกหรือแก้ไขและให้เลิกแสดงความคิดเห็น พูด เขียน พิมพ์ โฆษณาและสื่อความหมาย เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา112 ที่กระทำอยู่และที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต

โดยอ้างถึง หลักฐาน ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายประกอบพฤติการณ์ต่างๆส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยด้วยโดยมีน้ำหนักมากพอสมควร อาทิ

1.นายพิธาและพรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขมาตรา112 ถึง2ครั้ง ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร

-ครั้งที่1เมื่อวันที่25มีนาคม2564 ตามเลขรับของสภาผู้แทนราษฎรที่27/2564

-ครั้งที่2เมื่อวันที่ 3พฤศจิกายน2564 ตามเลขรับที่ 15449/2564

ทัังยอมรับว่า ได้รับการหนังสือทักท้วงจากประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า อาจเป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6 “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้
ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”

2.ร่างแก้ไขมาตรา112 ของนายพิธาและพรรคก้าวไกล มีปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้

2.1ลดสถานะความคุ้มครองลงจากความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวดความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ลงไปอยู่ในหมวดความผิดต่อสัมพันธไมตรี และแก้ไขลักษณะความผิดให้เป็นเพียงความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติ…เท่านั้น

2.2ลดอัตราโทษฐานดังกล่าวต่อพระมหากษัตริย์เหลือจำคุกไม่เกิน1ปี ลดอัตราโทษดังกล่าวต่อพระราชินี รัชทายาท…น้อยกว่า อัตราโทษหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป

2.3เปิดช่องให้บุคคลสามารถก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท…โดยไม่มีความผิดหรือไม่ต้องรับโทษ

2.4เปลี่ยนให้กฎหมายคุ้มกันประมุขอันเป็นคดีความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร กลายเป็นความผิดอันยอมความได้

นายธีรยุทธ ผู้ร้องเห็นว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเพื่อเปิดช่องให้กลุ่มบุคคลหรือเครือข่ายได้วิพากษ์วิจารณ์ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้โดยอิสระอย่างกว้างขวาง ไม่มีความผิดหรือไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง จะส่งผลกระทบกระเทือนร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่นักวิชาการด้านกฎหมาย นายแก้วสรร อติโพธิ ระบุในบทความเผยแพร่ว่า “แก้วสรรชี้ ก้าวไกลแก้112 หมดความเป็นสถาบัน เหลือแต่ความเป็นคนธรรมดา”

3)นายธีรยุทธ ผู้ร้องอ้างข้อเท็จจริงและหลักฐานการอภิปราย ปราศรัยหาเสียง และการให้สัมภาษณ์ทั้งในเวทีหาเสียง ในรายการโทรทัศน์ทั้งในและต่างประเทศหลายรายการ ที่ชี้ให้เห็นพฤติกรรมที่นายพิธา ยืนยันชัดเจนในการเดินหน้านโยบาย ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายดังกล่าว อาทิ

วันที่ 25 มีค 66 เวทีหาเสียง สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง

วันที่ 18 เมย 66 รายการไทยรัฐดีเบต

วันที่ 25 เมย 66 รายการเดอะสแตนดาร์ตดีเบต

วันที่ 22 พค 66 ระหว่างตอบคำถามสื่อมวลชน ในการแถลงข่าวการลงนาม MOU จัดตั้งรัฐบาล ที่โรงแรมคอนราด

วันที่ 16 พค 66 ตอบคำถามผู้สื่อข่าวCNN

วันที่ 30 พค 66 ตอบคำสัมภาษณ์ โจนาธาน เฮด BBC

โดยสรุป นายธีรยุทธผู้ร้องได้ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองเข้าลักษณะองค์ประกอบความผิดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่19/2564 ในเรื่อง การใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา49 วรรค1

ความเห็นส่วนตัวจึงเชื่อว่า ศาลคงจะต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย หลักฐาน ตามแนวคำวินิจฉัยเดิม ที่19/2564 ที่เคยมีสั่งการให้ผู้ถูกร้องและองค์กรเครือข่ายเลิกดำเนินการที่กระทำอยู่และที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย แต่ไม่น่ามีคำสั่งให้ยุบพรรค เนื่องจากอาจวินิจฉัยเกินคำขอ ซึ่งยังอาจจะมีบางประเด็นในรายละเอียดความผิด ที่มีในคำวินิจฉัย และอาจมีผู้ไปยื่นยุบพรรค ตามความผิดพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมืองหรือยื่นเอาผิดอาญาตามกฎหมายอื่นในภายหลังต่อไปหลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คณะก้าวหน้า เชื่อสัญญาณจากผู้มีบารมี  กกต.ประกาศเตือนรณรงค์สมัคร สว.   

กรณี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกประกาศเตือน กรณีมีกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญ ให้มีการจูงใจ

กกต.เริ่มขยับ พร้อมงัด 'กฎเหล็ก' คุมเข้มเลือก สว. 2567

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

พนัส อดีตสว.-อดีตสสร. คัดเลือกสภาสูง 2567 ฝ่ายประชาธิปไตยมีสิทธิลุ้น

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง"สมาชิกวุฒิสภา"(สว.) ชุดใหม่ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ....