'ดร.ไตรรงค์' เล่าจุดจบของ 'ราชวงศ์โจว' บทเรียนการหน้าไหว้หลังหลอก กำลังเกิดขึ้นในการเมืองไทย

'ดร.ไตรรงค์' เล่าเกร็ดประวัติศาสตร์จีน จุดจบของ'ราชวงศ์โจว'เป็นบทเรียนการหน้าไหว้หลังหลอกคดในข้องอในกระดูกของเหล่านักปกครองเกิดขึ้นมานานแล้ว และกำลังเกิดขึ้นในการเมืองไทย ชี้'เงินเลวสามารถไล่เงินดีได้เสมอ'

2 ก.พ.2565 - ดร. ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าเรื่อง เกร็ดประวัติศาสตร์จีน มีเนื้อหาดังนี้

#รู้หน้าไม่รู้ใจ #เจี้ยนเมี้ยนปู๋เจี้ยนซิน
.
新正如意 新年发财 ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย นะครับ ในวันปีใหม่จีนเช่นนี้ ผมอยากจะเล่า #เกร็ดประวัติศาสตร์จีน ให้ทุกท่านได้ฟังสักหน่อยนะครับ เรื่องมันยาวสักนิดนึง กว่าผมจะเขียนเสร็จก็เกือบจะเลยวันตรุษจีนไปซะแล้ว ก็หวังว่าจะให้ความรู้และแง่คิด ที่หลาย ๆ ท่านจะได้นำไปใช้เป็นประโยชน์นะครับ
.
สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่ถูกบันทึกไว้บนกระดูกสัตว์ บนไม้ไผ่ และบนโลหะ ซึ่งตัวหนังสือยังคงชัดเจน แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 2,500 ปี แต่นักภาษาศาตร์จำนวนมากของจีน ภายใต้การสนับสนุน โดยสมาคมจีนโพ้นทะเล ซึ่งมีศาสตราจารย์ อู๋ เบน ลี (Wu Ben-li) เป็นผู้นำ ข้อมูลต่างๆจึงถูกแปลและเชื่อถือได้ อีกทั้งมีอยู่หลายส่วนที่คล้องจองและตรงกับข้อความที่บันทึกไว้โดย ขงจื้อ ปราชญ์ของจีน (8 ปีก่อนพุทธกาล-พ.ศ.65) หรือเมื่อมากกว่า 2,500 ปีมาแล้ว
.
เมืองจีนประมาณ 2,600 ปีมาแล้ว ได้มีชนเผ่าหนึ่ง โดยการนำของหัวหน้าเผ่าชื่อ หลิว (Duke Liu) ได้อพยพหนีการข่มเหงรังแกของจักรพรรดิในราชวงศ์เซีย (Xia Dynasty) (บางตำราเรียกราชวงศ์ซย่า) จึงได้อพยพหนีลงมาหาที่อยู่ใหม่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเหลือง (ฮวงโห) ได้ประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับราชวงศ์เซีย ที่เป็นใหญ่ในเวลานั้น รัฐอิสระใหม่ที่ชื่อว่ารัฐโจหยวน (Zhou Yuan) สายเลือดของหัวหน้าเผ่าหลิว ได้ปกครองติดต่อกันมาถึง 9 รุ่น ( generation ) จนถึงยุคของหัวหน้าเผ่า ที่ชื่อว่า ตานฟู (Duke Dan Fu) เป็นผู้นำที่ฉลาดหลักแหลมมีการใช้จิตวิทยาทางการพูดมากกว่าการใช้กำลังทางทหารจึงทำให้ชนเผ่าอื่นๆจำนวนมากเข้ามาสวามิภักดิ์ จนรัฐของตนมีอาณาเขตกว้างขวางขึ้นมากมีความมั่งคั่งด้วยปัจจัย 4 จนต้องเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นระบบที่มีคณะรัฐมนตรีรับผิดชอบขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีน
.
เมื่อหัวหน้าเผ่าตานฟูเสียชีวิตลง ก่อนเสียชีวิตได้เปล่งวาจาให้ลูกชายที่เกิดจากลูกเมียน้อยขึ้นเป็นกษัตริย์ ชื่อว่า กษัตริย์ จีลิ (King Jili) ส่วนลูกชายอีก 2 คน ที่เกิดจากเมียหลวงได้ขอกำลังทหารจากบิดาเพื่อบุกป่าฝ่าดงไปทางทิศตะวันออก เพื่อไปตั้งเมืองใหม่ ซึ่งก็คือเมืองซูโจว (Suzhou) ในปัจจุบัน (ลูกชายทั้งสองมีชื่อว่า ไทโบว์(Tai Bo) และ โจงโยง (Jong Yong) ตั้งชื่อเมืองครั้งแรกว่า เมืองกูซู(GuSu) ต่อมาเปลี่ยนเป็น Suzhou)
.
เมื่อกษัตริย์จีลิสิ้นพระชนม์ ลูกชายชื่อ จีชาง (Ji-Chang) ขึ้นเป็นกษัตริย์ เมื่อกษัตริย์จีชาง สิ้นพระชนม์ ลูกชายชื่อจีฟา (Ji-Fa) ขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งคนจีนรู้จักกษัตริย์จีชางในฐานะเป็นกษัตริย์นักปราชญ์ เรียกท่านว่า King Wen ส่วนลูกชายนั้นคนจีนรู้จักในฐานะที่เป็นนักรบ เรียกว่า King Wu (หรือกษัตริย์อู๋)
.
ในยุคที่กษัตริย์อู๋ (King Wu) เป็นกษัตริย์ได้ยกทัพมีกำลังพลเพียง 45,000 คน แต่สามารถเอาชนะกองทัพ 700,000 คน ของจักรพรรดิราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty (1223-579 ปีก่อนพุทธกาล) ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เกิดจากการยึดอำนาจมาจากจักรพรรดิกังฉินแห่งราชวงศ์เซีย)
.
กษัตริย์อู๋ (King Wu) จึงประกาศตั้งราชวงศ์ใหม่ชื่อราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) ซึ่งปกครองจีนติดต่อกันมาถึง 900 ปี โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองซี-อาน (Xi-an) ในขณะที่พี่ชายลูกเมียหลวงของตาน-ฟู ได้ไปตั้งรัฐใหม่เรียกว่า รัฐโจวตะวันออกมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองซูโจว (Suzhou) ดังกล่าวแล้วข้างต้น
.
#จุดจบของราชวงศ์โจว
.
หลังจากปกครองจีนมาถึง 900 ปี ในที่สุดศูนย์กลางอำนาจการปกครองก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองซูโจว (Suzhou) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นอู๋ (Wu State) ในขณะที่มีอีกแคว้นหนึ่งที่ใหญ่พอๆกันคือแคว้นฉู่ (Chu State)
.
ในแคว้นฉู่เกิดศึกแย่งสาวงามกันระหว่างกษัตริย์ (King Ping) กับลูกน้อง ถึงขั้นที่กษัตริย์สั่งฆ่าคู่อริ 2 คนพี่น้องเลยทีเดียว แต่คนน้อง ชื่อว่า อู๋ จื่อ ซู (Wu Zi Xu) หนีรอดไปได้ ไปขอพึ่งบารมีของกษัตริย์แห่งแคว้นอู๋ ซึ่งกษัตริย์ของแคว้นอู๋ชื่อ กษัตริย์ เหอ หลิว (King He Lui) ได้รับอุปการะ ตั้งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ แคว้นฉู่กับแคว้นอู๋จึงต้องเป็นศัตรูกัน
.
กษัตริย์ เหอ หลิว ได้ปรึกษากับเสนาบดี อู๋ จื่อ ซู ว่าจะตั้งใครดีให้เป็นแม่ทัพเพื่อไปตีแคว้นฉู่ ท่านเสนาบดีอู๋จึงแนะนำให้ตั้งเพื่อนสนิทของตนที่ชื่อว่า ซุนวู (Sun Wu – 400ปี ก่อนคริสตกาล- 320ปี ก่อนคริสตกาล) ให้เป็นแม่ทัพ
.
ซุนวู ได้ถวายตำราพิชัยสงครามแก่กษัตริย์ เหอ หลิว ซึ่งเป็นตำราพิชัยสงครามที่ยังคงใช้กันอยู่ในปัจจุบันไปทั่วโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย เช่น อังกฤษ รัสเซีย เยอรมัน ไทย และญี่ปุ่น (ซึ่งได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้ท่านด้วย) คำที่รู้จักกันดีในตำราพิชัยสงครามของซุนวู เช่น #รู้จักศัตรูและรู้จักตนเอง #รบร้อยครั้งก็ชนะทั้งร้อยครั้ง หรือ #จงโจมตีศัตรูในจุดที่เขาไม่ได้เตรียมป้องกัน (หรือ จุดที่เขาคาดไม่ถึง) หรือ #เมื่อศัตรูแข็งแรงจงหลบหลีก #เมื่อศัตรูอ่อนแอจงโจมตี หรือ #ทำลายศัตรูตอนศัตรูกำลังถอยทัพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นต้น
.
ด้วยความสามารถของ ซุนวู ผู้เป็นแม่ทัพโดยมี อู๋ จื่อ ซู เป็นรองแม่ทัพ แคว้นฉู่ก็แตก แคว้นอู๋จึงกลายเป็น อาณาจักรที่กว้างที่สุดในทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เพราะมีรัฐเล็กรัฐน้อยและชนเผาต่างๆเข้ามาสวามิภักดิ์อยู่มาก แต่ก็ยังมีอีกแคว้นหนึ่งที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์คือแคว้นเย่ว์ (Yue) ในขณะที่แคว้นอู๋ทำสงครามกับแคว้นฉู่นั้น กษัตริย์ของแคว้นเย่ว์ก็แอบยกทัพเข้ามาปล้นสะดมในเขตของแคว้นอู๋อยู่บ่อยๆ ซึ่งสร้างความเจ็บใจให้กับกษัตริย์ เหอ หลิว มาก พระองค์จึงได้ยกทัพไปปราบ ด้วยพระองค์เองทั้ง ๆ ที่ ซุนวูและ อู๋ จื่อ ซู คัดค้านไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่กษัตริย์ก็หาฟังไม่ ผลจึงปรากฏว่าพ่ายแพ้กลับมา กษัตริย์บาดเจ็บ ก่อนตายได้ประกาศตั้ง ลูกชายคือฟูซา (Fu Cha) ขึ้นเป็นกษัตริย์และสั่งให้ไปยึดแคว้นเย่ว์ให้ได้เพื่อชำระความแค้นให้แก่บิดา กษัตริย์ฟูซาได้สนองคำสั่งของผู้เป็นบิดา โดยฉวยโอกาสที่กษัตริย์เก่าตาย บุตรชายขึ้นเป็นกษัตริย์ใหม่ชื่อกษัตริย์ โกว เจี้ยน (King Gou Jian) กษัตริย์ฟูซาจึงยกทัพไปตีจนแค้วนเย่ว์ ยอมจำนนขอเป็นเมืองขึ้น กษัตริย์โกว เจี้ยน อ้อนวอนขอชีวิต พร้อมจะรับใช้ทุกอย่าง โดยเสนอให้เงินทองและสาวงามจำนวนมาก ซุนวู และ อู๋ จื่อ ซู คัดค้านว่า ราชวงศ์เซีย และราชวงศ์ซาง ล่มสลายก็เพราะการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนรวม (หรือถ้าพูดเป็นภาษาของสุนทรภู่ก็พูดได้ว่า #อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่าศึกภายหน้าก็จะใหญ่ขึ้นใจหาย แต่กษัตริย์ฟูซา เป็นคนมีกิเลสหนา จึงหาฟังคำคัดค้านของเสนาบดีผู้ใหญ่ไม่ ยอมนำกษัตริย์ โกว เจี้ยน มาเลี้ยงไว้ในวัง ให้มีหน้าที่ให้อาหารม้าและคอยกวาดขี้ม้าในพระราชวัง เมื่อรับใช้มานานพอแล้ว เห็นว่าไม่มีพิษไม่มีภัย จึงปล่อยให้กลับไปปกครองแคว้นเย่ว์เหมือนเดิม โดยแลกกับการส่งบรรณาการ (ส่วนมากต้องเป็นสาวสวย ๆ อยู่ด้วย) เพื่อแสดงความจงรักภักดี
.
กษัตริย์โกว เจี้ยน พยายามประจบสอพลอแสดงความใกล้ชิดให้ทุกคนเห็น เวลามีงานเลี้ยงฉลองใดๆ ก็จะมานั่งสอพลออยู่ใกล้ๆกษัตริย์ฟูซา มิได้ขาด แต่ในทางลับ ก็แอบส่งทูตไปติดต่อกับเจ้าผู้ครองแคว้นอื่นๆที่ไม่พอใจ เพราะถูกกษัตริย์ฟูซาเรียกเก็บบรรณาการมากและมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุก ๆปีให้เตรียมกำลังไว้ให้พร้อม ตัวโกว เจี้ยน เองจะหาทางบ่อนทำลายายความมั่นคงของแคว้นอู๋ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียก่อน อย่างแรกอ้อนวอน ขอยืมข้าวในฉางหลวงอ้างว่า พลเมืองของตนกำลังจะอดตาย กษัตริย์ฟูซาใจอ่อนก็ให้ยืมไปเป็นจำนวนมาก แต่เวลาคืน จะนึ่งข้าวเปลือกเสียก่อนเพื่อ ไม่ให้ใช้เป็นพันธุ์ข้าวเพื่อปลูกต่อไม่ได้ ประการที่สองพยายามเป่าหูให้ฟูซา ระแวงว่าอู๋ จื่อ ซู จะยึดอำนาจ จนกษัตริย์ฟูซาหลงเชื่อสั่งฆ่า อู๋ จื่อ ซู เมื่อเห็นสันดานของกษัตริย์เป็นเช่นนั้น ซุนวู ก็ลาออกจากราชการและหนีหน้าไม่ยอมรับใช้อีกต่อไป (การกระทำของโกว เจี้ยน ถ้าเป็นสมัยปัจจุบันก็อาจจะเป็นการชักจูงให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ลูกเข้าตีนของฝ่ายตรงกันข้ามของเจ้านายของตนเอง)
.
เมื่อเศรษฐกิจก็ย่ำแย่ เพราะประชาชนในแคว้นอู๋ไม่มีข้าวพอจะเลี้ยงชีวิต อีกขุนพลเอกทั้ง 2 คนก็หายไป กษัตริย์โกว เจี้ยน ก็ให้สัญญาณแคว้นต่างๆ โดยการนำของกองทัพแคว้นเย่ว์เข้าล้อมตีแคว้นอู๋ กษัตริย์ฟูซา ขอเจรจาสงบศึกถึง 7 ครั้ง โดยอ้างว่าตนเคยปราณี โกว เจี้ยน อย่างไรในอดีตก็ขอให้ปฏิบัติต่อตนเช่นนั้นบ้าง แต่โกว เจี้ยน ปฏิเสธ ไม่สนใจในบุญคุณต่างๆ มีแต่ไล่ให้กษัตริย์ฟูซาและครอบครัวอพยพออกไปอยู่นอกแคว้น ด้วยความอับอายกษัตริย์ฟูซา จึงฆ่าตัวตายเพื่อหนีความอับอาย และคงจะเพื่อชดใช้ความโง่ของตนเองที่ไม่เฉลียวใจว่า #ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด #ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน หรือสุภาษิตจีนพูดเอาไว้ว่า #เจี้ยนเมี้ยน #ปู๋เจี้ยนซิน แปลว่า #รู้หน้าแต่ไม่สามารถรู้ใจได้หรอก
.
#สรุป เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า #การปากอย่างใจอย่าง #การหน้าไหว้หลังหลอก #การคดในข้องอในกระดูก ของเหล่านักการเมือง และนักปกครองนั้นมันมีมานานแล้ว เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้วที่ประเทศจีน เคยเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในโลกนี้ และมันก็กำลังเกิดขึ้นในการเมืองไทยในปัจจุบัน
.
สงสารก็แต่แนวร่วมที่ตามเกมส์ใคร ๆ เขาไม่ค่อยทัน อ่านใจคนอื่นไม่ค่อยออก ก็คงจะช่วยชาติได้ไม่มากนัก ทฤษฎีการเงินในอังกฤษสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ของ Sir Thomas Gresham ที่กล่าวว่า #เงินเลวสามารถไล่เงินดีได้เสมอ คงยังสามารถใช้อธิบายได้กับการเมืองไทยในปัจจุบัน
.
**************************
ผู้ที่สนใจจะหารายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านหนังสือ 2 เล่มดังต่อไปนี้
.
1.The Unbroken Chain เขียนโดย Trairong Suwankiri และศาสตร์อาจารย์ Wu Ben-li, China International Culture Press, 2014, หน้า 16-125
.
2.ประวัติศาสตร์จีน เขียนโดย Zhoujiarong ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.วิไล ลิ่มถาวรานันต์ อ.ศรีวิกาญจน์ กุลยานนท์ อ. เอกสัณห์ ชินอัครพงศ์ โดยมี ผศ.ปกรณ์ ลิมปนุสรณ์ เป็นบรรณาธิการ ด้วยความช่วยเหลือให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยศาสตราจารย์ 2 ท่าน จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง. ,2546 , หน้า 44-71 (ดร. โจวจยาหรง เป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยประวัติศาสตร์ ยุคปัจจุบันของมหาวิทยาลัยจินฮุ่ย เซียงไฮ้)
.
**************************
ผมขอเรียนว่าความเห็นที่ลงในเฟซบุ๊ก เป็น #ความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคปชปแต่อย่างใด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทวงผลสอบจุฬาฯ ปม 'ดุษฎีนิพนธ์' บิดเบือนประวัติศาสตร์กระทบสถาบัน

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯ รุ่นปี 2512 ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

'ดร.ไตรรงค์' ขอบคุณ 'พล.อ.ประยุทธ์' ส่งดอกไม้เป็นขวัญกำลังใจหลังป่วยเข้ารพ.

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) โพสต์ภาพแจกันดอกไม้พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่นึกไม่ฝันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ซึ่งเป็นคนที่ผมรักและนับถือ เพราะท่านเป็นคนดี ไม่มีเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง

การเมืองยังไม่นิ่ง ต่างชาติแทรกแซงความมั่นคงทุกทาง 'ดร.นิว' ขอคนไทยมีสติ

การเมืองไทยยังไม่นิ่ง ต่างชาติแทรกแซงความมั่นคงทุกวิถีทาง สติจึงสำคัญมาก ใช้วิจารณญาณ ตั้งอยู่บนความรอบคอบ

อย่าจุดไฟเผาเมือง! ไสยศาสตร์กฎหมาย ทำบ้านเมืองสู่กลียุค

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อัปเดตการเมืองไทย

อดีตรองอธิการบดี มธ. ตอบชัด ชาติมหาอำนาจหนุนพรรค ‘ก้าวไกล’ จริงหรือ?

อดีตรองอธิการบดี มธ. ตอบข้อสงสัยละเอียดยิบ ชาติมหาอำนาจให้การสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค หมายถึงพรรคก้าวไกลให้ชนะการเลือกตั้งเพื่อได้เป็นรัฐบาลจริงหรือ