เส้นประสาทสมองที่ 10 'เวกัส' เชื่อมโยงกับโรคและการรักษา

10 ต.ค. 2568 – ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง ประธานศูนย์ความเป็นเลิศการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในหัวข้อ “สมองกับการควบคุมหัวใจและลำไส้ และเส้นประสาทที่ 10 เวกัส” โดยระบุว่า

สมองแบ่งออกได้เป็นสามส่วน สมองส่วนที่ใหญ่และเหนือที่สุด คือ ซีรีบรัม (cerebrum) ทำหน้าที่ในการประมวลผลและสั่งการไม่ว่าจะเป็นการขยับ การควบคุมประสาทอัตโนมัติ การตัดสินใจ ใช้เหตุผล การเรียนรู้ ไปจนถึงการได้ยิน การพูดและฟัง การมองเห็น ความรู้สึกและอารมณ์ เรียกว่าเป็นส่วนที่แยกเราออกจากสัตว์อื่นๆ

ส่วนที่สองที่อยู่ด้านล่างเป็นแนวยาวคือส่วน ก้านสมอง (brainstem) ที่แบ่งย่อยไปได้อีก 3 ส่วน ประกอบไปด้วย midbrain, pons, medulla ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมและรับส่งสัญญาณ ทั้งยังเป็นจุดที่มีการควบคุมการหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ ยังเป็นจุดที่เริ่มต้นของเส้นประสาทสมอง (cranial nerve) 10 เส้นจากทั้งหมด 12 เส้นที่ออกมาจากก้านสมองโดยตรง

สุดท้ายเป็นจุดเชื่อมระหว่างสมอง กับไขสันหลังไปถึงร่างกาย และซีรีเบลลัม (cerebellum) ซึ่งเป็นส่วนที่สามที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวและจังหวะการเคลื่อนไหว

ลงลึกที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 ที่ชื่อว่าเวกัส (vagus nerve) ซึ่งเป็นเส้นที่ยาวที่สุดในทั้งหมด 12 เส้น นอกจากนั้นยังเป็นเส้นที่สำคัญที่สุดของระบบประสาทอัตโนมัติ พาราซิม (parasympathetic) หรือระบบประสาทในสภาวะพักอีกด้วย

เส้นประสาทเวกัส มีจุดกำเนิดที่บริเวณส่วน medulla ซึ่งเป็นส่วนล่างสุดที่ต่อกับไขสันหลัง และวิ่งออกมากับเส้นเลือดใหญ่ในคอ ระหว่างทางจะมีการแยกออกมาเป็นเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณคอและปาก รวมถึงกล่องเสียง และกล้ามเนื้อที่รับผิดชอบการกลืน และการรับความรู้สึกเช่นจากหลังคออีกด้วยนอกจากการเลี้ยงในบริเวณที่วิ่งผ่านแล้วมันยังมี ประสาทอัตโนมัติ พาราซิมพาเทติก ที่ต่อยาวลงมาถึงหัวใจ รับผิดชอบในการคุมการเต้นหัวใจ การกระตุ้นนั้นจะทำให้การเต้นหัวใจช้าลง

อีกแขนงหนี่งต่อไปที่หลอดลม และเมื่อกระตุ้นทำให้หลอดลมตีบลง แขนงต่อมาไปที่หลอดอาหารควบคุมการขยับและการเปิดของหูรูดกระเพาะอาการ แขนงสุดท้ายไปที่กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และครึ่งแรกของลำไส้ใหญ่เพื่อเพิ่มการขยับและหลั่งน้ำย่อย และลงไปยังตับอ่อน เพื่อกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน ต่อมหมวกไตเพื่อลดการหลั่งของสารกระตุ้นร่างกาย ม้ามเพื่อลดการหลั่งของสารอักเสบ นับว่าเป็นเส้นประสาทคู่เดียวที่มีความสำคัญมากๆ

แต่เชื่อหรือไม่ว่าสมัยโบราณ แค่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารก็อาจจะได้รับการผ่าเพื่อตัดเส้นประสาทเส้นนี้ จะได้ไม่ไปกระตุ้นการหลั่งกรด แต่เมื่อยามีประสิทธิภาพมากขึ้นร่วมกับบางครั้งการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori)สามารถรักษาโรคนี้ได้แล้วจึงไม่มีความจำเป็น เพราะการผ่าตัด ย่อมมีความเสี่ยง และการที่ไม่มีกรดทำให้การดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี เช่นวิตามิน บี 12 เป็นต้น

-ที่น่าสนใจการศึกษาในคนที่ได้รับการตัดเส้นประสาทเส้นนี้ พบว่าความเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสันน้อยลง จึงเป็นหนึ่งในที่มาของเรื่องการติดต่อสื่อสารกันระหว่างสมองและลำไส้ (gut-brain axis)

-และทฤษฎีว่าสารบางอย่างที่ไม่ดีต่อสมองอาจจะถูกส่งจากกระเพาะ ลำไส้ ขึ้นไปสู่สมอง ผ่านเส้นประสาทคู่นี้ก็เป็นได้

-อาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทเวกัส หลายๆ คนน่าจะเคยมีอาการนี้ แน่ ๆ กล่าวคือ อาการวูบหรือเป็นลม (vasovagal syncope) ซึ่งเกิดได้จากการกระตุ้นหลายอย่างเช่น ความเจ็บปวด เห็นเลือด หรือมีอะไรมากระทบกับอารมณ์รุนแรง อาจจะร่วมกับการขาดสารน้ำทำให้เกิดอาการนี้ได้ง่ายขึ้น

-สันนิฐานว่า เป็นจากที่ร่างกายกระตุ้นหัวใจให้บีบแต่พอมีเลือดในหัวใจไม่พอจึงเกิดการกระตุ้นประสาทอัตโนมัติ พาราซิมพาเทติก ซึ่งเลี้ยงผ่านเวกัส ทำให้หัวใจเต้นช้าลง แต่การกระตุ้นมากเกินไป ทำให้หัวใจเต้นช้าเกินไป ความดันจึงตกและขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง เป็นสาเหตุทำให้วูบนั่นเอง

-การรักษาเป็นลักษณะประคับประคองและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น แต่อย่างไรก็ตามประวัติก็สำคัญเนื่องจากอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ก่อนวูบทำอะไร มีอาการอะไร ระหว่างหมดสติและหลังวูบ แต่ละส่วนลักษณะและระยะเวลานานแค่ไหน เนื่องจากจำเป็นต้องแยกจากสาเหตุอื่นเช่น อาการชักหรือหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจตีบ หรือ ระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ

-ต่อมาเป็นภาวะกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กบีบตัวช้า โดยจะมีอาการเช่น อิ่มเร็ว คลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก หรือ ท้องอืด และเกิดได้จากหลายสาเหตุ

สาเหตุที่น่าจะพบบ่อยที่สุดคือการใช้ยาที่กระทบต่อการส่งสัญญาณในกลุ่มแอนตี้มัสคารินิก (Antimuscarinic) เช่น ยาแก้แพ้ หรือ ยาลดเกร็งสั่นบางชนิด ต่อมาคือการบาดเจ็บต่อเส้นประสาท เช่นหลังการผ่าตัดคอ กระเพาะอาหารหรือตับอ่อน หรือ ต้นทางเช่นการผ่าตัดบริเวณกระดูกคอ หรือโรคปลอกประสาทอักเสบ ในบางครั้ง ตัวโรคเช่น พาร์กินสัน และ เบาหวานก็กระทบต่อเส้นประสาทได้เหมือนกัน

-ที่นึกไม่ถึงเลย คือ เรื่องสุขภาพจิต ในภาวะซึมเศร้ารุนแรง (Major Depression) หรือ ภาวะผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (Post-traumatic Stress Disorder) จะกระตุ้น ต่อมใต้สมองและกระตุ้น Hypothalamic pituitary adrenal (HPA) axis และกระตุ้นการสร้างฮอร์โมน cortisol ซึ่งส่งผลให้ร่างกายอยู่ในความตื่นตัว แต่ความตื่นตัวที่มากและนานเกินไปกลับเป็นผลเสียต่อสมดุลของสมองและลดระดับเซโรโทนิน (Serotonin) ลงทำให้โอกาสดีขึ้นจากโรคซึมเศร้านั้นน้อยลง

-ฉะนั้น การปรับเปลี่ยนหรือกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส จึงอาจจะมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงหรือช่วยรักษาอาการของโรคเหล่านี้ได้ โดยมีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่ฝังอยู่ใกล้เส้นประสาทเส้นที่สิบ โดยได้รับการยอมรับในการรักษาโรคซึมเศร้ารุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อยาต้านซึมเศร้า เพื่อปรับสมดุลของ HPA axis และยังนำมาใช้ในโรคลมชักที่ไม่ตอบสนองต่อยา แต่กลไกนั้นยังไม่ทราบชัดเจน แต่คาดว่าอาจจะเป็นการเพิ่มเลือดไหลเวียนไปยังสมอง หรือ เพิ่มสารสื่อประสาทบางตัวที่ลดการเกิดการชัก นอกจากนั้นอาจจะใช้ในโรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ได้อีกด้วย นอกจากการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าแล้ว การกดบริเวณคอในส่วนเส้นเลือดใหญ่คาโรติด (carotid sinus massage) ยังเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาหัวใจเต้นพลิ้วอีกด้วย ขณะนี้ยังมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ว่าจริงๆ จะมีการใช้การกระตุ้นนี้ในโรคอื่นๆ ได้อีกหรือไม่ และผลกระทบต่อการอักเสบในร่างกายรวมถึงการปรับเปลี่ยนของสารสื่อประสาทในการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ว่ามีผลอย่างไร เป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่นับว่าน่าสนใจทีเดียว ทั้งนี้ศาสตร์โบราณของแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีนมีจุด ที่เกี่ยวข้องกับการกดเส้นประสาทเวกัสด้วย ในการรักษาโรคต่างๆ มาหลาย 100 ปีแล้ว

รวบรวมและเรียบเรียงโดย นพ ภาสิน เหมะจุฑา BSc (King’s College London), MBBS Medicine (Barts and the London), เชี่ยวชาญสาขาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์จุฬา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระดับ 'วิตามินดี' ต่ำ สะท้อนพฤติกรรมใช้ชีวิตผิด

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิตามินดีต่ำ คือใช้ชีวิตผิด