ยอมติดคุกเพื่อลูก: ศึกสุดท้ายของทักษิณ หรือจุดเริ่มอนาคตเพื่อไทย

13 มิถุนายนนี้ อาจไม่ใช่วันพิพากษาใหม่ของทักษิณ แต่มันคือวันแรกที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะไต่สวนว่า ได้มีการบังคับโทษตามคำพิพากษาเดิมเกิดขึ้นจริงหรือไม่

และนั่นคือหมุดหมายสำคัญ ที่อาจกำหนดชะตากรรมของทั้ง ทักษิณ แพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ไปพร้อมกัน

แม้เจ้าตัวจะมีสิทธิ์ส่งทนายไปแทน แต่สังคมยังรอฟังคำตอบเดิม—ว่าจะยอมเดินกลับเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรมอย่างสมบูรณ์ หรือไม่ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อลูก และอนาคตของพรรคที่สร้างมากับมือ

“การติดคุก” อาจฟังดูเหมือนจุดจบสำหรับนักการเมือง แต่มันอาจกลายเป็น หมากสำรองสุดท้าย ที่ยังพอกู้ศรัทธาให้ตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง

ประโยคที่ว่า “ควรยอมติดคุกเหมือนคนเสื้อแดง” ซึ่ง ธิดา ถาวรเศรษฐ พูดไว้อย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่เสียงกดดัน แต่มันสะท้อน เงื่อนไขใหม่ของความยุติธรรม ที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้นานนัก

ตลอดหนึ่งปีที่กลับมา ไม่ได้มีแค่ข่าวเข้าออกโรงพยาบาลตำรวจ แต่เต็มไปด้วย ดีลลับ วาทกรรมอภิสิทธิ์ และเงื่อนไขที่ย้อนแย้ง จนกลายเป็นภาพที่ฝังลึกในใจประชาชน

แม้แต่คนที่เคยรักก็เริ่มลังเล ผู้ที่เคยยืนข้างก็เริ่มเฉไฉ สิ่งที่เคยเป็นแต้มบวกของการ “กลับมาเพื่อช่วยลูก” กลับถูกมองว่า “กลับมาเพื่อดีลตัวเอง”

แพทองธาร จึงไม่ใช่แค่หัวหน้าพรรค แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของ ภาระเชิงอำนาจ ที่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมจ้องเล่นงานทุกเมื่อ

เมื่อพ่อยังเป็นนักโทษที่รอการคุมขัง เมื่อภาพบนชั้น 14 ยังติดตาประชาชน และเมื่อกระบวนการยุติธรรมเริ่มจี้ทุกจุดบอด ทุกวันคือ แรงเสียดทานทางการเมือง ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ศึกกับภูมิใจไทยจะดูเป็นชนวนภายนอก แต่ต้นเหตุจริงคือ รอยร้าวระหว่างขั้วเก่าใหม่ ไม่มีใครอยากถือหางคนที่อาจไม่รอดจากศาล ไม่มีใครกล้าวางเดิมพันกับนักโทษที่สร้างแรงสะเทือนต่อรัฐบาล

การตัดสินใจในวันที่ 13 มิถุนาฯ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือ ศึกสุดท้ายของชายผู้เคยมีอำนาจล้นฟ้า และอาจเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ หากเลือกถอยอย่างมีเกียรติ เปิดทางให้ลูกยืนด้วยตัวเอง

ไม่มีใครพูดออกมาตรง ๆ แต่ทุกคนรู้ว่า “ไม่มีดีลไหนยืนยาวได้ หากศรัทธาสั่นคลอน”

ภาพอดีตผู้นำเหมือนนักแสดงที่เดินเข้าฉากสุดท้ายโดยไม่มีบท เดินเกมเร็วเกินไปสำหรับยุคที่เปลี่ยนช้า และลืมไปว่า “พลังเงียบในวันนี้ ไม่ใช่พลังที่ควบคุมได้อีกต่อไป”

ฝ่ายอนุรักษนิยมแม้ไม่เป็นเอกภาพ แต่ยังไม่อ่อนแรง ยังมีศาล มีราชการ และ ความอดทนทางยุทธศาสตร์ ที่พร้อมรอให้ฝ่ายตรงข้ามก้าวพลาด

และวันที่ 13 มิถุนาฯ อาจเป็นวันแบบนั้น

วันที่ศาลไม่ต้อง “ลงดาบ” แค่ใช้กระบวนการ “บังคับคุมขังตามกฎหมาย” ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนภาพของอดีตนายกฯ ให้กลับเป็น “นักโทษชาย” อย่างสมบูรณ์

แม้อยู่ในโรงพยาบาล แม้ได้รับการดูแล แต่ ภาพของนักโทษที่ไม่มีอภิสิทธิ์ อาจเปลี่ยนทัศนคติคนในพริบตา

และนั่นคือสิ่งที่ธิดาพยายามสื่อ ไม่ใช่แค่ตำหนิ แต่คือการบอกว่า ถ้ายอมเจ็บเพื่อลูก เพื่อพรรค เพื่ออนาคต การติดคุกอาจกลายเป็น “คุณ” มากกว่า “ภาระ”

ในเชิงยุทธศาสตร์ หาก ยอมติดคุกอย่างมีศักดิ์ศรี จะสามารถส่งต่อ ทุนความชอบธรรม ให้แพทองธาร ได้อย่างที่ไม่มีดีลหรือโฆษณาชิ้นไหนเทียบได้

ในวันที่พรรคถูกมองว่า “ทุนนิยมแก่รีแบรนด์ไม่สำเร็จ” การยอมรับโทษคือ สัญญาณเดียวที่ยังบอกได้ว่า “เรายังเข้าใจหัวใจประชาชน”

นี่ไม่ใช่การยกย่องคุก แต่มันคือ การใช้คุกถอนพิษอดีต ยอมเจ็บเอง เพื่อไม่ให้ลูกติดแผลของพ่อไปตลอดเส้นทางการเมือง

ในเชิงจิตวิทยา ภาพของอดีตผู้นำที่เข้าคุกโดยไม่ต่อรอง ไม่อ้างอภิสิทธิ์ ไม่ยืดเวลา จะสะเทือนใจมากกว่าการปราศรัยนับสิบ

เพราะนั่นคือ ภาษาที่คนเสื้อแดงเข้าใจ คือภาษาที่เยาวชนในคดี 112 รับฟัง แล้วรู้สึกว่า “อย่างน้อย ผู้นำในเงาของเราก็ไม่ได้ทอดทิ้ง”

มันไม่ใช่แค่การรับโทษส่วนตัว แต่มันลบล้างข้อครหาที่ว่า “เอาแต่ตัวรอด โดยไม่แลคนที่ติดคุกแทน”

หากภาพนั้นเกิดขึ้นจริง จะไม่ใช่แค่จุดหักเหของชายคนหนึ่ง แต่คือ จุดตั้งต้นใหม่ของแพทองธาร ที่อาจไม่ต้องตอบคำถามเรื่องพ่ออีกต่อไป

คำถามเก่าว่า “ทำไมพ่อเธอไม่ติดคุกเหมือนเรา?” อาจถูกแทนที่ด้วยคำใหม่ว่า “ถ้าเธอกล้าเดินต่อ เธอควรได้โอกาสจากเรา”

คำถามคือ—กล้าพอไหม ที่จะสละอภิสิทธิ์ในวินาทีสุดท้าย หรือยังหวังจะดีลต่อไป ด้วยความเชื่อว่านี่ยังไม่ใช่จุดจบ

ความน่ากลัวคือ ไม่มีใครกล้าบอกว่า “เชือกมันขาดแล้ว” แม้พันธมิตรเก่าจะเลิกให้การสนับสนุน แม้กลุ่มคนที่เคยร่วมมือกันจะเริ่มถอนตัว แม้ข้าราชการที่เคยให้ความเกรงใจก็เริ่มหลีกเลี่ยง ไม่อยากเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้อีกต่อไป

สิ่งที่เหลืออยู่คือครอบครัว และการตัดสินใจว่าจะ “เสียตัวตนเก่า เพื่อปั้นอนาคตใหม่ให้ลูก”

วันที่ 13 มิถุนาฯ จึงไม่ใช่แค่การไต่สวนคดี แต่มันคือ ฉากทดสอบความน่าเชื่อถือของรัฐ และศักดิ์ศรีของกฎหมาย

หากยังอยู่นอกคุก แม้มีคำพิพากษาชัด แม้เวลาผ่านไป แม้รายงานแพทย์ถูกตั้งคำถาม ความยุติธรรมในสังคมไทยจะกลายเป็นเรื่องล้อเลียน

และนั่นไม่ใช่แค่ผลเสียกับพรรคเพื่อไทย แต่มันจะ ซัดกลับทุกพรรค ที่หวังจะเป็นพรรคของประชาชน

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคล แต่มันคือเส้นบาง ๆ ระหว่าง “การฟื้นคืนพลังของฝ่ายประชาธิปไตย” กับ “การเดินลงเหวพร้อมความเงียบของสังคม”

หากเพื่อไทยยังเดินต่อโดยแบกเงาอดีต จะไม่มีวันเป็น “พรรคของอนาคต” ต่อให้นำโดยผู้นำหญิงรุ่นใหม่แค่ไหนก็ตาม เพราะ “ความไม่ชัดเจนเรื่องทักษิณ” จะย้อนหลอกหลอนทุกวาทกรรมเรื่องประชาธิปไตยและนิติธรรม

และในมุมนี้—คำพูดของธิดา ไม่ใช่แค่คำแนะนำ แต่มันคือ การส่งไม้ต่อ ให้ผู้ก่อกำเนิดพรรคเป็นผู้เลือก ว่าจะยอมรับว่าทุกอย่างจบแล้ว หรือยังจะยื้อเพื่อความหวังที่ ไม่มีใครเหลืออยู่ข้างเขาอีกต่อไป

และหากเลือกจะ “ติดคุกอย่างสมัครใจ” นั่นไม่ใช่แค่การจบฉากอย่างมีเกียรติแต่อาจกลายเป็น การเขียนตอนใหม่ให้ลูกหลานเดินต่อได้ โดยไม่มีเงาของพ่อบดบังอีกต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เช็กโผ ครม. ‘แพทองธาร 2’ บิ๊กเล็ก-พล.อ.สุนัย ชิงกลาโหม

ลุ้น ครม.ชุดใหม่ “แพทองธาร 2” เปิดชื่อ “บิ๊กเล็ก–พล.อ.สุนัย” ชิงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ขณะ “ประเสริฐ” ขยับนั่ง มท.1 ประชาธิปัตย์คงโควตาเดิม 3 ตำแหน่ง กล้

ปล่อยสหรัฐมัดคอ'ตระกูลฮุน' จับตาผู้มารับไม้ต่อ'รมว.กลาโหม-แม่ทัพ'

ปมประเด็นที่ “ฮุน เซน” ควันออกหูจนต้องปล่อยคลิปหลุดประจานนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ผู้ติดหนี้บุญคุณกัมพูชา เพราะบิดาและอาปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยหนีการรัฐประหารไปอยู่ที่นั่น คนที่รู้ต้นสายปลายเหตุดีที่สุดก็น่าจะเป็น “ทักษิณ ชินวัตร”

ยังกอดศพกันแน่น พท.ลั่นทำเพื่อชาติอยู่ครบเทอม/พรรคร่วมผีดิบแย่งชามข้าวฝุ่นตลบ

เช็กโผ ครม. "แพทองธาร 2" เปิด 2 ตัวเต็งนั่ง รมว.กลาโหม "บิ๊กเล็ก-พล.อ.สุนัย" อดีตนายทหารรบพิเศษ ด้าน ปชป. "เฉลิมชัย" รมว.ทส.เหมือนเดิม "เดชอิศม์" นั่ง มท.3 "ชัยชนะ" นั่ง รมช.สธ. ขณะที่ "รทสช." ยังอยู่ โควตาเท่าเดิม แต่แย่งชามข้าวกันฝุ่นตลบ เพื่อไทยโวมีในมือ 280 เสียง

ม็อบพรึ่บโคราช ตะเพิด‘นายกฯ’

ม็อบทุกสีไล่รัฐบาลพรึ่บ! โคราชเรียกร้อง "อุ๊งอิ๊ง" ลาออก เลือกนายกฯ ใหม่ เพราะไร้วุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถในการเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ สมคบคิด ตอบสนองอริราชศัตรู

โคราชเดือด! มวลชนลานย่าโมฮือไล่อิ๊งค์ พร้อมหนุนกองทัพ-ปกป้องแผ่นดิน

ประชาชนกว่า 500 คนรวมตัวลานย่าโม ตะโกนขับไล่ “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้ไร้ภาวะผู้นำ–ขายชาติ พร้อมออกแถลงการณ์ยืนเคียงข้างกองทัพไทย ปกป้องอธิปไตย เตรียมยกระดับชุมนุมทั่วประเทศ 28 มิ.ย.นี้

‘วิทยา’ ย้ำมติ รทสช.ให้เปลี่ยนนายกฯ ชี้อยู่ต่อไม่เกิน 3 เดือน-จริยธรรมจ่อถล่ม

รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุเปลี่ยนนายกฯ คือทางรอดของพรรค ชี้ “แพทองธาร” หมดคุณสมบัติ รอดยากทั้งทางการเมืองและกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องรอผ่านงบฯ 69 เชื่อปัญหาจริยธรรมตามมาเป็นขบวน