USดักคอรัสเซีย ใช้อาวุธชีวภาพ จ้องถล่มยูเครน

กองทัพยูเครนเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือรัสเซียโจมตีทางอากาศถล่มโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างไม่เลือกหน้าเพิ่มมากขึ้น "โจ ไบเดน" ชี้ "วลาดิมีร์ ปูติน" หลังพิงฝาแล้ว เตือนรัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมี-ชีวภาพ ด้านกลาโหมรัสเซียอ้างศูนย์การค้าในกรุงเคียฟที่โดนถล่มราบถูกใช้เป็นที่เก็บระบบยิงจรวด "เซเลนสกี" ยังอยากคุยปูตินโดยตรงหาทางยุติสงคราม

รายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีเมื่อวันอังคารที่ 22 มีนาคม 2565 กล่าวว่า กองทัพยูเครนมีคำเตือนประชาชนภายหลังรัสเซียใช้การโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยมิสไซล์จากระยะไกลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการรุกภาคพื้นดินไม่คืบหน้า โดยทหารรัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองขนาดใหญ่ของยูเครนได้แม้จะผ่านมานานกว่า 4 สัปดาห์แล้ว

แถลงการณ์ของกองทัพยูเครนเมื่อวันอังคารกล่าวเตือนประชาชนว่า คาดการณ์ว่ากองกำลังของรัสเซียจะยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงและกระสุนวัตถุระเบิดตามอำเภอใจ

เมืองท่ามาริอูโปลในภาคใต้เป็นเป้าหมายที่โดนรัสเซียถล่มอย่างหนักจนกลายสภาพเป็นซากปรักหักพังมีศพหลายศพนอนอยู่บนถนน แต่ในวันจันทร์ มีรายงานว่ารัสเซียเพิ่มการโจมตีเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับสองของยูเครนหนักหน่วงขึ้นด้วย

ที่กรุงวอชิงตัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวต่อที่ประชุมโต๊ะกลมผู้บริหารธุรกิจเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กำลังหลังพิงฝาแล้ว และตอนนี้ปูตินกำลังพูดถึงสถานการณ์ใหม่ที่เขาจัดฉากขึ้น ซึ่งรวมถึงการอ้างว่าอเมริกามีอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีอยู่ในยุโรป ซึ่งไม่เป็นความจริง

"พวกเขายังบอกอีกว่า ยูเครนมีอาวุธชีวภาพและเคมีอยู่ในยูเครน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเขากำลังพิจารณาจะใช้อาวุธทั้งสองชนิดนี้" ผู้นำสหรัฐกล่าวโดยไม่ได้แสดงหลักฐานประกอบ เขาย้ำด้วยว่า หากรัสเซียใช้อาวุธดังกล่าว จะทำให้โลกตะวันตกตอบโต้อย่างรุนแรง "ปูตินรู้ว่าจะเกิดผลลัพธ์รุนแรงตามมาเพราะแนวร่วมนาโตที่เป็นเอกภาพ"

คำเตือนของไบเดนสะท้อนคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อต้นเดือนนี้ ที่กล่าวหารัสเซียว่าแพร่กระจายคำกล่าวอ้างที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ว่ายูเครนซุกซ่อนโครงการอาวุธเคมีและชีวภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เพื่อเตรียมใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีชีวภาพของรัสเซียเอง

ไบเดนยังกล่าวในเวทีเดียวกันด้วยว่า เขาเคยเตือนปูตินเรื่องการตอบโต้ของสหรัฐ หากรัสเซียโจมตีไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐ ระหว่างที่ทั้งคู่พบกันที่นครเจนีวาเมื่อปีที่แล้ว

อีกด้านหนึ่ง อีกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงที่กรุงมอสโกเมื่อวันจันทร์ว่า ศูนย์การค้าในกรุงเคียฟที่โดนโจมตีด้วยอาวุธนำวิถีระยะไกลเมื่อคืนวันอาทิตย์และยูเครนรายงานว่าคนเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คนนั้น ถูกใช้เป็นสถานที่เก็บระบบยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง เขายังกล่าวหายูเครนอีกว่า ยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนเป็นโล่กำบังระบบปืนใหญ่และระเบิดที่ใช้โจมตีทหารรัสเซีย

โฆษกรัสเซียยังนำภาพถ่ายทางอากาศการระเบิดมาเผยแพร่ และว่า จัตุรัสใกล้กับอาคารศูนย์การค้าสูง 10 ชั้นถูกใช้เก็บและบรรจุกระสุนสำหรับระบบมิสไซล์ โดยมีภาพของรถทหารขับอยู่ใกล้กับอาคารหลังนี้ นอกจากนั้นยังมีภาพถ่ายกลางคืนเผยให้เห็นการระเบิดขนาดใหญ่จากดาดฟ้าของอาคาร

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในอาคารใกล้กับศูนย์การค้าที่กระจกหน้าต่างแตกกระจายเพราะแรงระเบิดกล่าวกันว่า พวกเขาเห็นเครื่องยิงจรวดแบบเคลื่อนที่อยู่ใกล้กับศูนย์การค้านี้หลายวันก่อนเกิดเหตุ

โคนาเชนคอฟกล่าวว่า ภาพถ่ายทางอากาศของกองทัพรัสเซียพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าระบอบชาตินิยมของเคียฟใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้งสำหรับระบบปืนใหญ่และจรวด

ที่กรุงบรัสเซลส์ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อวันจันทร์ ยังคงหาความเห็นพ้องกันไม่ได้ว่ายุโรปควรจะคว่ำบาตรพลังงานของรัสเซียหรือไม่อย่างไร โดยเยอรมนีชี้ว่ายุโรปต้องพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียมากเกินกว่าจะใช้มาตรการปิดล้อมด้านพลังงาน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งยืนกรานจะไม่ยอมจำนน เรียกร้องอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ให้ปูตินพูดคุยสันติภาพกับเขาโดยตรง ตัวเขาพร้อมจะพบกับผู้นำรัสเซียในทุกรูปแบบเพื่อหารือยุติสงครามครั้งนี้ รวมถึงการหารือเกี่ยวกับสถานะของแคว้นไครเมียที่รัสเซียยึดครองไว้ และสถานะของโดเนตสค์และลูกานสค์ในภาคตะวันออกที่รัสเซียหนุนหลังอยู่

"ในการพบกันครั้งแรกกับประธานาธิบดีรัสเซีย ผมพร้อมจะหารือประเด็นเหล่านี้" เขากล่าวกับสำนักข่าว Suspilne ของยูเครน โดยบอกว่าอย่างน้อยการพูดคุยส่วนหนึ่งอาจช่วยยุติสงครามนี้ได้

รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ถึงแม้เซเลนสกีจะส่งสัญญาณว่าพร้อมจะคุยเรื่องสถานะของ 3 ดินแดนนี้ แต่เขาเคยยืนกรานมาตลอดว่าทั้งสามดินแดนนี้เป็นของยูเครนที่จะไม่มีวันยอมยกให้รัสเซีย และการทำข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง "ประวัติศาสตร์" จะต้องผ่านการลงประชามติของชาวยูเครนก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง