ขู่ยื่นปปช.ฟัน‘บิ๊กตู’ พท.ขย่มซ้ำพิรุธเบรกสัญญาท่อส่งน้ำอีอีซี

"ยุทธพงศ์" ยื่น กมธ.สภาฯ สอบพิรุธ "ท่องส่งน้ำอีอีซี" ได้ทีขย่มซ้ำ ผิดปกติชัด "กรมธนารักษ์" เลื่อนเซ็นสัญญา"วงษ์สยามก่อสร้าง" ขู่หลังจบซักฟอกส่ง ป.ป.ช.ฟัน "บิ๊กตู่-อาคม-สันติ" พร้อมอดีตบิ๊กธนารักษ์ "ไชยา" เด้งรับ เรียกหลายหน่วยงานชี้แจงทันที 11 พ.ค. "พิเชษฐ" ลั่นไม่ล้มสัญญาพร้อมยกมือโหวตสวน เมินโดนขับพ้น พปชร. "สว.วันชัย" ฟันฉับหาก "ประยุทธ์" หล่นเก้าอี้นายกฯ "บิ๊กป้อม" ราศีจับ "พท." ไม่เลิกปั่น 3 ป.ระแวงกันเอง

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีกรมธนารักษ์เลื่อนการลงนามสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในการบริหารโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาทออกไปว่า เมื่อยังไม่มีการลงนามสัญญา คงต้องชะลอเรื่องที่จะยื่นเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าว 5 ราย ต่อ ป.ป.ช.ไว้ก่อน ซึ่งเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปยื่นเรื่องต่อนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบ 8 ความโปร่งใสการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ยืนยันต้องเอาคนผิดมาติดคุกให้ได้ ไม่จบแค่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเท่านั้น 

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า สิ่งที่มีความผิดปกติชัดเจนคือ เหตุใดไม่มีการเปิดประมูลโครงการแบบอีบิดดิ้งให้ทุกบริษัทเข้ามาแข่งขันกัน แต่กลับใช้วิธีเรียกมาแค่ 5 บริษัทในการแข่งขันเสนอราคา และสรุปให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะ เพราะถ้าเปิดให้บริษัทใหญ่อื่นๆ บริษัท อิตาเลียนไทยฯ บริษัท ช.การช่างฯ  หรือบริษัท ซิโน-ไทยฯ เข้าร่วมประมูลด้วย อาจจะเสนอราคามากว่าบริษัท วงษ์สยามฯ ให้ผลประโยชน์ต่อรัฐบาล เรื่องนี้ถ้าไม่มีความผิดปกติ นายกฯ คงไม่สั่งถอยให้กลับมาตรวจสอบก่อน เชื่อว่าเป็นประเด็นที่ล้มรัฐบาลได้ 

"การยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช.นั้นคงต้องรอหลังจากเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ที่จะยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช. เพราะมีผู้อยู่ในข่าย 5 ราย ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล 2.นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 3.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง 4.คณะกรรมการที่ราชพัสดุ 6 คน ที่ลงมติรับรองให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างฯ เป็นผู้ชนะประมูล 5.นายยุทธนา หยิมการุณ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่เร่งรีบให้เปิดซองประกวดราคาในวันที่เกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2564 ถ้าจะทำให้โปร่งใสจริง ต้องเปิดให้มีการประมูลใหม่ โดยเรียกบริษัทใหญ่อื่นๆทุกบริษัทมาร่วมประมูลด้วย" นายยุทธพงศ์กล่าว

ถามถึงการรับประทานอาหารร่วมกับกลุ่ม 16 รองหัวหน้าพรรค พท. ยืนยันว่า ยังมีอยู่แน่นอน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส่วนนายไชยากล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายยุทธพงศ์ให้ตรวจสอบความโปร่งใสโครงบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก  (อีอีซี) ที่ส่อไม่โปร่งใส ขณะนี้ได้ทำหนังสือเพื่อเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลและรายละเอียดในการประชุม กมธ. วันที่ 11 พ.ค. เวลา 09.30 น. อาทิ กรมธนารักษ์, เลขาธิการอีอีซี, กรรมการผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการประกวดราคา และ สตง.  เพื่อสอบถามรายละเอียดและข้อมูลที่เกิดขึ้น

"ยืนยันการตรวจสอบของ กมธ.ยึดหลักความถูกต้อง ไม่ใช่ตรวจสอบเพราะเป็นประเด็นการเมืองทำลายฝ่ายใด จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีตั้งธงใดๆ มองว่าการชี้แจงของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนั้น พอฟังได้ แต่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพราะถ้าไม่มีประเด็นความน่าสงสัยจริง เหตุใดต้องเลื่อนการลงนามสัญญาในวันที่ 3 พ.ค.2565" ประธาน กมธ.ติดตามงบฯ ระบุ

'พิเชษฐ'พร้อมโหวตสวน

ขณะที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวว่า การที่กรมธนารักษ์เลื่อนการเซ็นลงนามสัญญาโครงการดังกล่าว ถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่ต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งความมุ่งหมายตนไม่ได้ต้องการให้บริษัท อีสท์วอเตอร์ เป็นผู้ชนะประมูล แต่อยากให้ทบทวนวิธีประมูลคัดเลือกว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ถ้าจะประมูลใหม่ก็ต้องเรียกบริษัทใหญ่ๆ ทุกแห่งมาร่วมประกวดราคาด้วย

"หลังจากกรมธนารักษ์ทบทวนการดำเนินการแล้ว หากยังจะเซ็นสัญญาโครงการกับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้างฯ ผมก็พร้อมโหวตสวน ไม่ไว้วางใจนายสันติ รมช.การคลัง ที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว เพราะการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุที่มีมติรับรองบริษัท วงษ์สยามฯ ก่อสร้างชนะการประมูลนั้น มีกรรมการเข้าร่วมประชุมแค่ 9 คน จากทั้งหมด 12 คน โครงการเป็นหมื่นล้าน แต่ลงมติ 9 คน ไม่มีตัวแทนกระทรวงมหาดไทย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และลงมติเห็นชอบแค่ 6 คน แม้นายสันติจะยืนยันบริษัท อีสท์วอเตอร์ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เป็นแค่บริษัทเอกชน แต่ผมเห็นว่าบริษัท อีสท์วอเตอร์ เป็นกึ่งรัฐวิสาหกิจ กปภ.ถือหุ้น 40% มีการนิคมอุตสาหกรรมถือหุ้นร่วมด้วย มีความเชื่อมโยงหน่วยงานรัฐ มีความชำนาญมากกว่า แม้จะให้ผลประโยชน์รัฐน้อยกว่า แต่ดูแลระบบส่งน้ำภาคตะวันออกมา 29 ปี ไม่ควรทุบหม้อข้าว กปภ. แต่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าฯ งเพิ่งเข้ามา ไม่มีประสบการณ์" นายพิเชษฐกล่าว

 ถามว่า ถ้านายสันติจะให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาลงโทษนายพิเชษฐที่ตรวจสอบนายสันติที่เป็นเลขาธิการพรรค นายพิเชษฐกล่าวว่า ยินดีให้ลงโทษ พรรคมีข้อบังคับห้ามไปกินข้าวกับฝ่ายค้านหรือไม่ ถ้าจะถูกลงโทษคงเป็นข้อหาขัดผลประโยชน์ใครบางคน ถ้ามติพรรคจะลงโทษก็ไม่ขัดข้อง พร้อมออกไปอยู่พรรคเล็ก ยังเชื่อมั่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นคนมีเหตุผล เข้าใจดีถึงการที่ตนปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ยืนยันเดินหน้ากินข้าวกับฝ่ายค้านต่อไป โดยเดิมนัดจะกินข้าววันที่  4 พ.ค. แต่เมื่อกรมธนารักษ์เลื่อนลงนามสัญญาออกไปคงนัดวันเวลากินข้าวกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

"ฝาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการระบบท่อส่งน้ำภาคตวะวันออก โดยให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพนั้น คงไม่เกิดประโยชน์ เป็นไปไม่ได้ที่ข้าราชการจะกล้าเอาผิดรัฐมนตรี ควรให้หน่วยงานอื่นที่มีความเป็นอิสระมาตรวจสอบ เช่น สถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะไม่สามารถใช้อิทธิพลการเมืองมาสั่งได้ เชื่อว่าการชะลอเซ็นสัญญาโครงการดังกล่าว เป็นแค่การถอดชนวนลดแรงกดดันทางการเมืองชั่วคราว จะยังไม่เซ็นสัญญาโครงการจนกว่าจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไปก่อน" หัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าว

ถามว่า กลุ่ม 16 จะมีนัดกินข้าวกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยการพรรค พปชร.อีกหรือไม่ หัวหน้ากลุ่ม 16 กล่าวว่า กินอยู่ประจำ เดือนละ 1-2 ครั้ง อยู่ที่พวกตนจะพร้อมหรืออยากจะเจอเมื่อไหร่ ซึ่งนายสุชาติก็จะมาเจอ ส่วนมากที่มาเจอจะคุยในเรื่องของโครงการ เพราะนายกฯ ได้มอบหมายว่าหากพรรคเล็กลงพื้นที่และรู้ถึงความเดือดร้อนและความต้องการของคนในพื้นที่มีโครงการอะไรที่มีประโยชน์กับประชาชนและเป็นโครงการช่วยรัฐบาลจะจัดการให้ อย่างเช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่เกี่ยวข้องกับการให้บำนาญประชาชน ผู้สูงอายุหรือผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณที่ไม่มีรายได้

'ป้อม'เด่นนายกฯคนนอก

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงโครงการประมูลท่อส่งน้ำ EEC ว่า การที่กรมธนารักษ์ต้องประกาศเลื่อนการเซ็นสัญญาโครงการดังกล่าวกับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ออกไปก่อนเพื่อให้รอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนั้น ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อพิรุธหลายประการ ทั้งที่กรมธนารักษ์และคณะกรรมการที่ราชพัสดุพยายามเดินหน้าลงนามในสัญญาการประมูลที่มีพิรุธ ไม่ยอมฟังเสียงทักท้วงจากหลายๆ ฝ่าย แม้จะมีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งมีความเสี่ยงว่าในที่สุดศาลอาจมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการประมูลดังกล่าวเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบด้วยกฎหมายก็เป็นไปได้ และสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ทำการตรวจสอบอยู่ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

"เพื่อให้การตรวจสอบของ ป.ป.ช.มีผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะนำพยานหลักฐานไปยื่นให้กับ ป.ป.ช.เพิ่มเติมเพื่อเอาผิดอธิบดีกรมธนารักษ์และคณะกรรมการที่ราชพัสดุบางคน ที่อาจใช้อำนาจและดุลยพินิจไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในวันพฤหัสฯ ที่ 5 พ.ค.65 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี" นายศรีสุวรรณกล่าว

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ "จะนายกฯ คนนอกหรือนายกฯสำรองตาม รธน. 272...อะไรก็เกิดขึ้นได้" ระบุว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์มีอันเป็นไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด เช่น ลาออกหรือถูกโหวตไม่ไว้วางใจ หรือศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องนายกฯ 8 ปี ในระหว่างนั้นก็จำต้องหานายกฯ คนใหม่ โดยหลักแล้วก็ต้องเอานายกฯ ในบัญชีรายชื่อก่อน ถ้ามาโหวตในรัฐสภาแล้วใครได้ คนนั้นก็เป็นนายกฯ ไป แต่ถ้าโหวตแล้วก็ยังไม่ได้ ทีนี้แหละจึงจะต้องใช้ก๊อก 2 หานายกฯ คนนอกที่มีคุณสมบัติตามที่ รธน.กำหนด ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร หมอชลน่าน นายพิธา นายวราวุธ หรืออุ๊งอิ๊ง หรือจะเป็นบุคคลอื่นใดก็ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน

คือ 1.สมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้ครึ่งหนึ่งจำนวน 363 คน เข้าชื่อเสนอต่อประธานชวน ขอให้มีมติเอานายกฯ คนนอก 2.จากนั้นประธานต้องจัดให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อขอมติ ถ้าได้เสียงมติ 484 เสียงก็ถือว่าที่ประชุมต้องการให้เอานายกฯ คนนอก 3.ต่อจากนั้นก็เป็นขั้นตอนที่ ส.ส.จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ จะเป็น พล.อ.ประวิตรหรือใครก็ได้ตามที่ว่ามานั้น ซึ่งอยู่ในขั้นตอนตรงนี้

"ดูหน้าดูตานายกฯ สำรองหรือนายกฯคนนอกเท่าที่เห็นในขณะนี้ ถ้าไม่มีใครลอยมาจากไหน พล.อ.ประวิตรก็ดูเหมือนจะเห็นเด่นชัดที่สุด เพราะท่านเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ส.ส.จำนวนมากในระดับหนึ่ง ทั้งสามารถจะประสานความร่วมมือกับพรรคการเมืองเล็กและใหญ่ได้ พรรคไหนไม่ร่วมก็ให้เป็นฝ่ายค้านไป เรียกว่าเป็นรัฐบาลประสานความร่วมมือเฉพาะกาล แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สำคัญๆเฉพาะกิจ นำไปสู่การเลือกตั้งด้วยความสมานฉันท์ร่วมกันทุกฝ่าย แม้ว่าจะมีคนนอกคนอื่นที่จะเป็นนายกฯ ได้ แต่ก็ไม่มีความพร้อมไม่มีเสียงสนับสนุนในสภาเหมือน พล.อ.ประวิตร ดังนั้นกระแสข่าวเรื่องนายกฯ สำรองหรือนายกฯ คนนอกตาม รธน.272 จึงพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนจะได้เป็นจริงหรือไม่... ก็แล้วแต่โชคชะตาฟ้าลิขิต" ส.ว.วันชัยระบุ

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. กล่าวถึงกระแสข่าวมีขบวนการจ่ายค่าหัว ส.ส. 5-30 ล้านบาท เพื่อโหวตล้มนายกฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่มาจะ 8 ปี นอกจากจะเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวแทบทุกด้าน ในช่วงใกล้จะเป็นนายกฯครบ 8 ปี รัฐบาลกลับมีปัญหาวิกฤตเสถียรภาพอย่างหนัก แม้แต่ 3 ป. ที่ก่อนหน้านี้ประกาศยืนยันมาโดยตลอดว่ามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ยังเกิดการระแวงกันเอง ถือว่าวิกฤตหนักมากๆ ศัตรูที่น่ากลัวที่สุด คือศัตรูที่มาในรูปของมิตร สถานการณ์เหมือนโยนเหรียญขึ้นไปบนอากาศสามารถออกได้ทุกหน้า เมื่อรองนายกรัฐมนตรีพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง พล.อ.ประยุทธ์จึงเหมือนถูกโดดเดี่ยวและลอยแพ

พท.ปั่น 3 ป.ระแวงกันเอง

นายอนุสรณ์เชื่อว่า สถานการณ์จะกดดัน พล.อ.ประยุทธ์หนักขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การตัดสินใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รัฐบาลจะเอาสมาธิที่ไหนมาทำงานบริหารราชการแผ่นดินแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ยิ่งช่วงปลายอายุรัฐบาลมาเจอสถานการณ์ที่กดดันอย่างหนักเช่นนี้ ความยากลำบากจึงตกอยู่ที่พี่น้องประชาชนที่มีรัฐบาลแต่เหมือนไม่มีรัฐบาลทำงาน

 “นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์จะระแวงพรรคเล็ก นาทีนี้ยังอาจต้องหันมาระแวง 3 ป.ที่สามารถน็อก พล.อ.ประยุทธ์ได้ตลอดเวลา” นายอนุสรณ์กล่าว

ด้านนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล รองหัวหน้าพรรคและประธานยุทธศาสตร์พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) กล่าวว่า ในวันที่ 9 พ.ค. เวลา 10.30 น. พรรคได้เชิญนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 และผู้ก่อตั้งสภาที่ 3 และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง เพื่อมาพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวทางแก้ปัญหาที่พรรคเศรษฐกิจไทย หลังจากที่ 2 ท่านไปพูดถึงเรื่อง ทางออกของประชาชน/พรรคการเมือง/ประเทศไทย  ที่ห้องประชุมชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อจะฟังแนวทางของทั้ง 2 ท่าน

"โดยหลักเราเห็นด้วยอยู่แล้ว ก็จะมาดูว่าเราจะสามารถสนับสนุนแนวทางดังกล่าวในลักษณะไหน อย่างไร ในฐานะที่นายอดุลย์ได้เสนอความคิดเห็นต่อสังคม ต่อสาธารณะ ซึ่งเราเห็นว่าแนวทางของนายอดุลย์เป็นแนวทางที่ดี" นายวิชิตกล่าว

รองหัวหน้าพรรค ศท.กล่าวว่า นายธีระชัยได้ตอบรับแล้ว ซึ่งเราจะได้รับฟังแนวความคิดในการแก้ปัญหาบ้านเมืองและปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในขณะนี้ด้วย ส่วนการจะเชิญนายธีระชัยมาอยู่ในทีมเศรษฐกิจของพรรคนั้น ค่อยว่ากันอีกที เอาไว้จะเชิญท่านมาแสดงวิสัยทัศน์อีกที ทั้งนี้ในส่วนของพรรค ก่อนหน้านี้เลขาธิการพรรคได้บอกกับสื่อไปแล้วว่าได้มีการทาบทามแล้ว ซึ่งเรารอนายธีระชัยตอบรับอยู่ แต่วันที่ 9 พ.ค. นายธีระชัยจะมาพูดคุยกับเราด้วย

ส่วนนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาระบุพรรค ปชป.มีแผนที่จะถอนตัวออกจากรัฐบาลว่า การที่นายรังสิมันต์ออกมาพูดจาเช่นนี้ คงคาดหมายจะสร้างความปั่นป่วนให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวความเคลื่อนไหวในการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ ที่จะมีการพิจารณากฎหมายสำคัญๆ และมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อเข้าสู่ปีสุดท้ายในวาระของสภา บรรดานักการเมืองและพรรคต่างๆ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ดังนั้นตนเห็นว่าสิ่งที่นายรังสิมันต์พูดนั้นถือเป็นลูกไม้ธรรมดาๆ ทางการเมืองในแบบที่นายรังสิมันต์ และผู้สนับสนุนตั้งแง่รังเกียจมาก่อน

นายชัยชนะกล่าวว่า ขณะนี้ทางพรรค ปชป.และพรรคร่วมรัฐบาลได้ใช้กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา พยายามคลี่คลายปัญหาแต่ละเรื่อง เพื่อให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ โดยไม่มีการทิ้งปัญหาหรือหนีความรับผิดชอบ ดังนั้นถ้านายรังสิมันต์กับผู้สนับสนุนยังเชื่อในแนวทางที่เคยกล่าวไว้ว่าจะทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ต้องการให้การเมืองแบบเก่าให้จบที่รุ่นเราแล้ว ก็จะต้องเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาและจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ไม่ใช่เอาวาทกรรมของนักการเมืองรุ่นก่อนๆ มาพูดเพื่อประจานความไร้มารยาทของตัวเองด้วย

 “ขอแนะนำให้นายรังสิมันต์ได้แสดงออกถึงการเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ หาเวลาค้นคว้าหาหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อจะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเที่ยวนี้ว่า มีข้อบกพร่องเรื่องใดบ้าง มีความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินโครงการใดๆ อันเป็นผลเสียต่อประเทศตรงจุดไหน และมีการใช้อำนาจโดยมิชอบตามที่นายรังสิมันต์และพรรคพวกกล่าวอ้างอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า สามารถจะฝากอนาคตให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ได้ ไม่ใช่จะมาใช้ลูกไม้แบบเดิมๆ คือการพูดจาให้เสี้ยมหรือแตกคอกัน เพราะนอกจากไม่ใช่การทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่น รวมทั้ง ยังจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวของผู้พูดเองอีกด้วย” รองเลขาฯ ปชป.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง