อิ๊งเหนียมแคนดิเดต ย้ำพท.ยังไม่ได้เคาะ/ซัดแผนบ่างช่างยุดันก้นป้อม

“อุ๊งอิ๊ง” ยังเหนียมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ย้ำพรรคยังไม่ได้เลือก แต่โวเพื่อไทยสัญญาอะไรทำตามแน่ “ไพบูลย์” เผย 11 พ.ค.ชี้ชะตาพิเชษฐ แต่คงไม่ถึงขั้นขับออก “สามารถ” ป้องบิ๊กป้อมเชื่อไม่หลงแผนยุให้รำตำให้รั่ว “เทพไท” มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบวาระ ส่วนโหรวันชัยสะกิดอุบัติเหตุคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า คนไทยยังมีปัญหาการใช้ชีวิตเรื่องปากท้องอยู่ ซึ่งเคยเสนอแนวทางไปแล้วว่าพรรค พท.อยากทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้น เพราะทุกครั้งที่เลือกตั้งมาแล้วเราได้จัดตั้งรัฐบาลก็สามารถทำให้นโยบายต่างๆ ที่สัญญากับพี่น้องไว้เป็นจริงได้ พรรคหวังว่าถ้ามีการเลือกตั้งอีกครั้ง พี่น้องไว้ใจเราอีกครั้ง เราก็ต้องทำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนให้เป็นจริงได้อย่างที่เราเคยทำมาได้

เมื่อถามว่า การที่ระบุพรรค พท.เป็นทางเลือกเช่นนี้ หมายความว่าจะประกาศตัวเองเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องนี้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าคนในพรรคยังไม่ได้เลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พรรคยังไม่ได้เลือกใคร ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่เข้ามาช่วยในทีมที่ปรึกษา อะไรที่สามารถช่วยได้เพื่อให้พรรคนำเสนอนโยบายดีๆ ให้ประชาชนคือส่วนที่ทำอยู่ และอะไรที่ให้คุณค่าได้ทำเต็มที่ ตอนนี้ขอให้ไทม์ไลน์มันใช่ก่อน ไปอยู่ตรงไหนก็ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด

 “พรรคยังไม่ได้เลือกเลย ขอให้พรรคเลือกก่อน แล้วจะออกมาบอกว่าพร้อมหรือไม่พร้อม” น.ส.แพทองธารกล่าวถึงความพร้อมการเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ถามถึงกรณีเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้รับคำแนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คุณพ่อให้คำปรึกษามาตลอด ตอนแรกก็แนะนำเรื่องเรียน แต่ตอนนี้แนะนำให้เรามั่นใจกับสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าเราคิดดีทำดี ก็ขอให้เราประสบความสำเร็จ โดยคุณพ่อจะให้กำลังใจ และบอกแนวทางว่าให้เราเข้มแข็งในจุดยืนของเรา ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็จะไม่เสียหลักของเรา

เมื่อถามว่า มองกระแสข่าวนายกฯสำรองอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องของนายกฯ สำรองก็ต้องปล่อยให้นายกฯ และคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นคนพูด ก็คอยติดตามข่าวจากสื่อต่อไป

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรค กล่าวถึงกรณีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยืนยันไม่มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการฯ ที่มีหนังสือเชิญมาชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ถ้อยคำในวันที่ 11 พ.ค.  กรณีให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนสาธารณะหลายครั้งหลายวาระ ในลักษณะที่ทำให้พรรคและสมาชิกพรรคทั่วไปเสียหาย ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคส่วนหน้าที่และความรับผิดชอบของสมาชิกที่ต้องมีต่อพรรค และอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกว่า คณะกรรมการฯ จะประชุมตามกำหนดเดิม โดยนำเอาหลักฐานการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของนายพิเชษฐมาพิจารณา ว่ามีประเด็นอะไรที่มีผลให้สังคมเข้าใจผิดทำให้พรรคเกิดความเสียหายหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวจะฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคหรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวพรรคได้เคยทำกับกรณีอื่นมาก่อนแล้วในกรณีที่สมาชิกพรรคมีการกระทำอะไรที่มีปัญหาเกี่ยวกับการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค แนวทางปฏิบัติของพรรคจะให้คณะกรรมการตรวจสอบดำเนินการไปตามขั้นตอนที่ปฏิบัติมา

เชื่อไม่ขับ'พิเชษฐ'ออก

“เท่าที่ดูเนื้อหาเบื้องต้นในฐานะประธานคณะกรรมการฯ เห็นว่า การพิจารณาก็น่าจะจบภายในการประชุมวันที่ 11 พ.ค.นี้ น่าจะมีมติของคณะกรรมการฯ ได้ข้อยุติ ส่วนต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่นั้น ต้องขอรอดูผลการประชุมก่อน” นายไพบูลย์กล่าว

เมื่อถามว่า นายพิเชษฐออกมาแล้วบอกว่าการที่พรรคมีหนังสือออกมาเช่นนี้ เพราะพรรคตั้งธงไว้แล้วต้องการขับออกจากพรรค นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่น่าถึงขั้นขับออกจากพรรค เพราะตั้งแต่ที่พรรคเคยให้คณะกรรมการสอบสวนสมาชิกพรรคกระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค ก็ไม่เคยมีการขับออกจากพรรค เป็นกรณีที่แตกต่างจากกรณีขับ 20 ส.ส.ออกจากพรรคไม่คล้ายกัน แตกต่างกันทั้งสภาพปัญหาและกระบวนการดำเนินการ

 ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านที่พยายามเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเข้าสู่ปีสุดท้ายของการทำงานของรัฐบาลว่า ช่วงนี้พรรคฝ่ายค้านต่างงัดกลยุทธ์ทั้งทางเทคนิคและแท็กติกต่างๆ โดยหวังสร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาล เช่น การใช้ข้อสงสัยทางกฎหมายตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ เรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ รวมถึงการใช้วาทกรรมเดิมๆ จนชาวบ้านรู้สึกเอือมระอา เพราะว่าไม่ได้เป็นความจริงตามที่พวกเขาพูดกรอกหูอยู่ตลอด

“ทุกๆ ฝ่ายควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะประชาชนต่างคาดหวังถึงการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายตามหลักการแบ่งแยกอำนาจของระบอบประชาธิปไตย  โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน ที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจและการดำเนินโครงการต่างๆ ของรัฐบาลว่ามีความไม่ชอบมาพากลจนเกิดการกระทำทุจริตอย่างไรเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่แค่ยกวาทกรรมมาลอยๆ” นายชัยชนะกล่าว

ส่วนนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กกรณีแกนนำของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาพูดพาดพิงและใส่ร้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ว่าไม่เอาแล้วระบบประวิตร ว่านายรังสิมันต์ โรม ไม่มีคุณสมบัติและก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน พล.อ.ประวิตร ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่อย่างไร อีกทั้งเลขาธิการพรรคก้าวไกลที่ออกมาพูดล้อเลียนว่าท่านประวิตรออกมาพูดแต่ว่าไม่รู้ๆ ก็เป็นการดูถูกใส่ร้ายและป้ายสี ทำให้ท่านเสื่อมเสีย

 “อยากให้เลขาธิการพรรคก้าวไกลพูดความจริงกับประชาชน เพราะจากการที่ผมได้ลงพื้นที่กับ พล.อ.ประวิตรในหลายพื้นที่นั้น ล่าสุดลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย จะเห็นว่ามีประชาชนมาห้อมล้อมและขอถ่ายรูปเซลฟีร่วมกับ พล.อ.ประวิตรจำนวนมาก รวมทั้งได้นำผ้าขาวม้ามามอบให้ผูกเอวและมอบดอกกุหลาบ นอกจากนี้มีเสียงร้องยินดีต้อนรับอย่างมากมาย” นายสามารถระบุ

ซัดแผนบ่างช่างยุ

นายสามารถโพสต์ถึงกรณีนายศรัณย์​วุฒิ​ ศรัณย์​เกตุ​ หัวหน้าพรรค​เพื่อ​ชาติ ออกมาชูให้ พล.อ.ประวิตร​ เป็น​นายกฯ​ ​เพราะมีคุณสมบัติ​ครบถ้วน​พร้อมเป็น​นายกฯ ว่า ระบอบ 3 ป.​ ไม่มี​ มีแต่ระบอบประชาธิปไตย​อันมีพระมหากษัตริย์​ทรงเป็น​ประมุข​ ซึ่ง พล.อ.​ประวิตรนั้นย้ำตลอดเวลา​ว่า​ สนับสนุน​ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ เป็น​นายกรัฐมนตรี​ ดังนั้น​ขอร้องพรรคฝ่ายค้านอย่าใช้กลอุบายในอดีตดังคำโบรา​ณว่า​ ยุให้รำตำให้รั่ว​ ทำให้​ 2 ป.​นั้นผิดใจกัน​ เพราะผู้ใหญ่​ทั้ง​ 2 ท่านไม่หลงกลอุบายตื้นๆ แบบนี้หรอก และฝากไปยังเลขาฯ-โฆษกพรรคก้าวไกล​ อย่าได้มีภยาคติกับ พล.อ.ประวิตร หัดลองเปิดใจแล้วคิดว่าทุกคนก็จะรัก พล.อ.ประวิตรเหมือนที่ชาวบ้านรัก​ ​และว่างๆ ทั้งสองคนควรอ่านไลน์​กลุ่มจะได้รัก พล.อ.ประวิตร​เหมือนที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านรักและเคารพ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. กล่าวว่า ช่วงนี้จะเห็นการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองค่อนข้างหลากหลาย ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต่างก็ลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนอย่างหลากหลาย ถือเป็นเรื่องที่ดี จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองคึกคัก ประชาชนมีความตื่นตัวมากขึ้น เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

นายเทพไทยังกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์จะผ่านกับดักทางการเมือง ทั้ง 4 ประเด็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็น 1.การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ 3.พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ปี 2566 และ 4.การดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบวาระ 8 ปีในเดือน ส.ค.2565

 “ประเด็นที่น่าเป็นห่วง และจะเป็นปัญหามากที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าจะเป็นเรื่องการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปีในเดือนสิงหาคมนี้หรือไม่ ซึ่งมีความเห็นหลากหลาย แต่ในฐานะเป็นนักการเมือง และนักกฎหมายคนหนึ่ง ขอแนะนำให้ทุกฝ่ายกลับไปดูความเห็นหรือคำอธิบายในการร่างรัฐธรรมนูนฉบับนี้ว่า คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีเจตนารมณ์ในการยกร่างเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถไปดูบันทึกรายงานการประชุมย้อนหลังได้ และจะเป็นข้อยุติ ไม่ต้องถกเถียงกันว่า วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์จะครบวาระ 8 ปีในวันไหน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ได้” นายเทพไทระบุ

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้ออุบัติเหตุทางการเมืองกับช่วงสุดท้ายของรัฐบาล ระบุว่า น้อยนักที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งจะอยู่ครบวาระ ยิ่งช่วงปลายรัฐบาลอะไรก็เกิดขึ้นได้ อุบัติเหตุการเมืองมีได้ ข้าราชการก็ดูทิศดูลม ใครจะไปจะมา ใส่เกียร์ไม่เต็มที่ แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ดูทิศทางว่าครั้งหน้าใครจะมาเป็นรัฐบาล จึงเคยได้ยินคำว่ามันหมดเวลาแล้วครับนาย หรือแยกตัวมาเป็นรัฐบาลด้วยความภูมิใจก็เคยมีมาแล้วอุบัติเหตุทางการเมืองช่วงปลายๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คนไม่เคยคิดเป็นนายกฯ ยังได้เป็นนายกฯ รักษาการมาแล้ว สถานการณ์อภิปรายไม่ไว้วางใจ แก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายลูก หรือเรื่องนายกฯ 8 ปี เป็นอุบัติเหตุได้ทั้งนั้น พรรคเล็กอาจเป็นอุบัติเหตุได้ หรืออย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยบอยคอตการเลือกตั้ง ครั้งนี้อาจต้องแอกชันบางอย่างทำให้เป็นอุบัติเหตุได้เหมือนกัน แม้แต่พรรคภูมิใจไทยก็อย่ามองข้าม เคยมีวีรกรรมการเมืองที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเปลี่ยนขั้วมาแล้ว

“ที่ฝ่ายค้านบอกจะล้มรัฐบาลให้ได้ ฝ่ายค้านไม่เคยมีใครล้มรัฐบาลได้ แต่มักเกิดจากเนื้อในรัฐบาลทั้งนั้น ครั้งนี้น่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นวีรกรรมหรือวีรเวรทางการเมือง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ต่อแต่นี้คำว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมืองจะปรากฏขึ้น” นายวันชัยระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตา ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ '1ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์' ผ่าน THACCA

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า