‘ลิซ่า’เมินร่วมเคาต์ดาวน์ จับตาเปิดปท.ติดเชื้อพุ่ง

"บิ๊กตู่" บูสเตอร์วัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 ก่อนบินไปประชุม COP26 ที่สกอตแลนด์ ยอมรับผิดหวัง "ลิซ่า แบล็กพิงก์" ไม่ได้ร่วมเคาต์ดาวน์เมืองไทย เผยยอดโควิดยังทรงตัว ติดเชื้อรายใหม่ 9,658 ราย เสียชีวิต 84 ราย "ศปก.ศบค." เตรียมชง ศบค.ชุดใหญ่ 29 ต.ค. เคาะปรับโซนสีแดงเข้มเหลือ 7 จว. "สธ." เปิดฉากทัศน์​โควิด-19 หลังเปิดประเทศ 1 พ.ย. ร้ายแรงสุดผู้ติดเชื้ออาจทะลุวันละหมื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 28 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 08.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยก่อนปฏิบัติภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นบูสเตอร์เข็ม 3 โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ฉีดให้บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ

สำหรับประวัติการรับวัคซีนของ พล.อ.ประยุทธ์ วันที่ 16 มี.ค.2564 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 1 จากนั้นวันที่ 24 พ.ค.2564 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ซึ่งการรับบูสเตอร์วัคซีนไฟเซอร์ของนายกฯ ครั้งนี้ เพื่อเตรียมการก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 26 (26th United Nations Climate Change Conference) หรือ COP26 ระหว่างวันที่ 31 ต.ค-3 พ.ย.นี้ ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์

พล.อ.ประยุทธ์พยักหน้าพร้อมตอบคำถามสื่อถึงการบูสเตอร์วัคซีนเข็ม 3 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า ก็โอเค มีภารกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ต้องได้รับการฉีดวัคซีน และผู้นำต่างประเทศทุกท่านก็ได้รับการฉีดวัคซีน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีต้นสังกัด "ลิซ่า แบล็กพิงก์" ทำหนังสือแจ้งว่าลิซ่าไม่สามารถเข้าร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ 2565 ที่ประเทศไทยได้ว่า เขาติดภารกิจล่วงหน้า ซึ่งได้มีการประสานกันมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นไร ตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ทั้งในส่วน รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่าอันไหนที่จัดได้เราก็จะจัด โดยได้ให้นโยบายว่าให้มีการแสดง 5 ภาคเข้าไปด้วยที่เป็นวัฒนธรรม ในส่วนของต่างประเทศเราก็จะจัดต่อไป แต่ต้องหาคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักหรือคนที่เป็นสัญลักษณ์ เพราะต้องการให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา

"ก็ยอมรับว่าเสียใจและผิดหวังเหมือนกัน แต่ก็เห็นใจ เพราะเป็นเรื่องธุรกิจ คนเตรียมจองมาดูเยอะ เพราะกำลังฮิต ถ้าไม่ฮิตคนเขาก็คงไม่จอง" นายกฯ กล่าว ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,658 ราย ติดเชื้อในประเทศ 9,429 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 8,879 ราย, ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 550 ราย, เรือนจำและที่ต้องขัง 218 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,884,973 ราย ผู้รักษาหายป่วยเพิ่ม 8,526 ราย ยอดรวมหายป่วยสะสม 1,766,823 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 99,144 ราย อาการหนัก 2,281 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 526 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 84 ราย เป็นชาย 48 ราย หญิง 36 ราย เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 57 ราย มีโรคเรื้อรัง 16 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 19,006 ราย ส่วนการฉีดวัคซีนวันที่ 27 ต.ค. 762,954 โดส ฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 72,812,483 โดส

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 845 ราย, สงขลา 677 ราย, นครศรีธรรมราช 612 ราย, ยะลา 496 ราย, ชลบุรี 375 ราย, ปัตตานี 369 ราย, สมุทรปราการ 356 ราย, เชียงใหม่ 356 ราย, นราธิวาส 327 ราย และประจวบคีรีขันธ์ 280 ราย

มีรายงานว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันศุกร์ที่ 29 ต.ค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม ทางศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เตรียมเสนอปรับลดความเข้มข้นของมาตรการลงเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น รองรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้

"จะมีการเสนอขอปรับโซนสี พื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม ที่เดิมมี 23 จังหวัด เหลือเพียง 7 จังหวัด คือ จ.สงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา นครศรีธรรมราช จันทบุรี และตาก แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 7 จังหวัดนี้ยังคงมาตรการเดิมของพื้นที่สีแดงเข้ม จะไม่มีการเข้มมาตรการใดมากขึ้น และไม่มีการปรับเรื่องของเวลาการออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืนแต่อย่างใด" แหล่งข่าวระบุ

นอกจากนี้ ศบค.ส่วนหน้าได้เตรียมรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเตรียมเสนอ 5 แนวทาง ได้แก่ การป้องกัน การควบคุม การรักษา การเยียวยา และการเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรการผ่อนคลาย

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงถึงสถานการณ์โควิดว่า ประเทศไทยผ่านการระบาดที่มีคนติดโควิด-19 จำนวนมากมาแล้ว กำลังเข้าสู่การเปิดประเทศ ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นมาตรการหลัก แต่ไม่ใช่มีมาตรการเดียว จำเป็นต้องใช้มาตรการเสริมเพิ่มเติมจึงจะสำเร็จ

นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า มีการคาดการณ์ฉากทัศน์ใหม่ออกมาหากเปิดประเทศแล้วเป็น 3 ทาง ได้แก่ 1.สีเขียว ถ้าติดเชื้อ 1 คน โอกาสแพร่ต่อไปอีกคนลดลงได้ 25% เทียบกับก่อนล็อกดาวน์ แนวโน้มก็จะมีการติดเชื้อลดลงเรื่อย จนถึงราว 5,000 รายต่อวัน ซึ่งตรงนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกับ 4 มาตรการหลักอย่างเข้มข้น คือป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด มาตรการ COVID-Free Area, COVID-Free Zone, COVID-Free Setting ตรวจคัดกรองด้วย ATK เฝ้าระวังกลุ่มต่างด้าว และฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายเดือน ต.ค.-ธ.ค.2564

2.สีส้ม ถ้าติดเชื้อ 1 คน โอกาสแพร่ต่อไปอีกคนลดลงได้ 15% เทียบกับก่อนล็อกดาวน์ ซึ่งจะเป็นผลจากการลงมาตรการปิดสถานที่เสี่ยงมาก งดดื่มสุราในร้านอาหาร จำกัดการรวมกลุ่ม ทำให้มีประสิทธิภาพการป้องกันการระบาดลดลงบ้าง ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงได้ตามเป้าหมายเดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 และ 3.สีเทา ถ้าทำไม่สำเร็จปล่อยให้อัตราการแพร่กระจายสูงเหมือนก่อนล็อกดาวน์ หากผ่อนคลายมาตรการทั้งหมด และการฉีดวัคซีนโควิด-19 น้อยกว่าเป้าหมายช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 ผู้ติดเชื้อก็อาจจะกลับมาถึงวันละหมื่นราย

"จำนวนการติดเชื้อไม่ใช่ตัวชี้วัดความรุนแรงของสถานการณ์เพียงอย่างเดียว ต้องดูระบบสาธารณสุขว่าพร้อมรองรับหรือไม่ คนยังสามารถเข้ารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างเพียงพอด้วย" ผอ.กองควบคุมโรคระบุ

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 10/2564 โดยวาระที่สำคัญคือ ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่องการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พ.ศ..... ซึ่งเป็นฉบับปรับปรุงแก้ไขจากประกาศเดิมที่กำหนดรูปแบบเป็นเอกสารเล่ม โดยฉบับนี้จะเพิ่มในส่วนของวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือดิจิทัล โดยภายในเดือน พ.ย.2564 จะเริ่มให้บริการหนังสือในบางสถานที่นำร่องก่อนขยายทั่วประเทศต่อไป

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1,538,550 โดส ว่าได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วตามกำหนดเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพรวมวัคซีนไฟเซอร์ตามแผนกระจายวัคซีนของประเทศ ขณะนี้ได้ส่งมอบแล้ว 8,000,000 โดส คือ เดือนกันยายน 2,000,000 โดส และเดือนตุลาคมอีก 6,000,000 โดส ยังไม่รวมกับการบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาอีก จำนวน 1.5 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนที่มาถึงล่าสุดนี้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักเรียน ผู้ปกครองสามารถแจ้งความประสงค์ให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ตามความสมัครใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊ง' ดูไว้! นักการเมืองต้องรักษาสัจจะเหมือน 'อภิสิทธิ์' เคยหาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวในงานอีเวนต์ ”10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10“ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม