อสส.หักทบ.ชี้คดีจีที200จบแล้ว

รองโฆษก อสส.แจงยิบ ปมความเห็นอัยการให้จ้างตรวจ GT200 ชี้จ้างใครตรวจกี่บาทเป็นเรื่องของ ทบ. อัยการแค่เห็นควรตรวจเป็นประเด็นชี้ขาดคดี ระบุคดีจบแล้วหลังศาลปกครองสูงสุดสั่งจ่ายกว่า 600 ล้าน แจ้งผลกองทัพตั้งแต่ 8 ก.ย.64 ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจอีก

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาระบุว่าสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นให้กองทัพบกดำเนินการตรวจเครื่อง GT200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้ทุกเครื่องทั้ง 757 เครื่อง เพื่อใช้สู้คดีในศาลปกครอง จนนำไปสู่การดำเนินการจ้าง สวทช.เป็นเงิน 7,570,000 บาทว่า

เกี่ยวกับเรื่องนี้สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับหนังสือจากกองทัพบกวันที่ 13 ม.ค.60 เรื่องขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดจัดอัยการยื่นฟ้องบริษัท เอวิเอ แซทคอม ผู้ถูกฟ้องที่ 1 กับพวก กรณีข้อพิพาทการจัดซื้อขายเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT200 รวม 12 สัญญา วงเงิน  683,900,000 บาท ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบให้สำนักงานอัยการคดีปกครองเป็นผู้พิจารณาว่าต่าง และได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการคดีปกครอง 5 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน  ซึ่งเมื่อได้เรื่องแล้วพนักงานอัยการผู้ตรวจสำนวนได้มีหนังสือแจ้ง 24 ม.ค.60 ให้กองทัพบกดำเนินการส่งเครื่อง  GT200 ไปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดรวม 757 เครื่อง เพื่อที่จะทราบว่าเป็นของที่ไม่มีคุณสมบัติตามสัญญาจริง ซึ่งในประเด็นนี้ถือว่าเป็นข้อแพ้ชนะคดี แต่ในส่วนรายละเอียดทางกองทัพจะไปตรวจอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ทางอัยการไม่ได้ก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องของกองทัพบกที่จะต้องดำเนินการ จะจ้างใครตรวจก็ไม่เกี่ยวกับอัยการ เราเพียงแต่ให้ไปตรวจเพื่อนำผลตรวจพิสูจน์มา ในวันที่ 27 เม.ย.60 อัยการสำนักงานคดีปกครอง 5 ได้ยื่นฟ้องบริษัท เอวิเอ แซทคอม, นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหารบริษัท เอวิเอฯ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้ค้ำประกัน (วงเงิน 56 ล้านบาทเศษ), ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะแบงก์การันตี (วงเงิน 6 ล้านบาทเศษ) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 โดยอัยการได้ยื่นฟ้องทุนทรัพย์ทั้งหมด 687,691,975 บาท

ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค.60 ศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องคดี โดยให้เหตุผลเนื่องจากขาดอายุความ จากนั้นวันที่ 1  มิ.ย.61 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีที่อัยการยื่นอุทธรณ์ว่าคดีไม่ขาดอายุความ พร้อมสั่งให้ศาลปกครองกลางรับคดีไว้พิจารณา

จนวันที่ 1 ก.ย.64 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า เครื่อง GT200 จำนวน 757 เครื่อง เป็นสินค้าไม่มีคุณภาพ  ไม่มีคุณลักษณะเฉพาะตามเอกสารแสดงคุณสมบัติของเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา จึงพิพากษาว่าให้บริษัท เอวิเอ แซทคอมฯ ชำระเงินให้กองทัพบก 683,441,561  บาท ให้ธนาคารกสิกรในฐานะผู้ออกแบงก์การันตีรับผิดชอบในวงเงิน 56,856,438 บาท ให้ธนาคารกรุงเทพฯ ในส่วนแบงก์การันตีรับผิดชอบวงเงิน 6,195,452 บาท และยกฟ้องนายสุทธิวัฒน์ผู้บริหาร บ.เอวิเอฯ เนื่องจากยังฟังไม่ได้ความว่าได้กระทำงานเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล

และวันที่ 8 ก.ย.64 สำนักงานอัยการสูงสุดได้แจ้งผลคดีให้กองทัพบกทราบ ต่อมา 23 ก.ย.64 ผู้ถูกฟ้องทุกคนยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

วันที่ 8 มี.ค.65 อัยการคดีปกครองยื่นอุทธรณ์ โดยขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ศาลยกฟ้องร่วมรับผิดกับผู้ถูกฟ้องที่ 1 จนวันที่ 7 ก.พ.65 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ และวันที่ 7 มี.ค.65 ศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์คดี คดีจึงเป็นอันถึงที่สุด ที่ให้บริษัท เอวิเอ แซทคอมฯ ชำระเงินให้กองทัพบก 683,441,561 บาท ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในส่วนที่อยู่ในศาลปกครองสูงสุดจึงมีเพียง 2 ประเด็น คือในส่วนของธนาคารกสิกรไทยเเละธนาคารกรุงเทพฯ และประเด็นที่อัยการขอให้นายสุทธิวัฒน์ร่วมรับผิดกับบริษัท ฉะนั้นสรุปการตรวจเครื่อง GT200 จึงไม่มีความจำเป็น เนื่องจากคดีมันสิ้นกระแสความแล้ว และเราแจ้งผลให้กองทัพบกตั้งแต่วันที่ 8  ก.ย.64 แล้ว

 “ในส่วนของอัยการที่เรายืนยันในเวลาขณะนั้นให้ตรวจเพราะมีความจำเป็นทางคดี แต่เมื่อคดีมันเดินมาถึงที่สุดแล้วฟ้องชนะคดีมากว่า 600 ล้าน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปตรวจอะไรอีก” นายประยุทธกล่าวย้ำ

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลอภิปรายงบประมาณในการตรวจสอบเครื่องจีที 200 ว่า  เรื่องเครื่องจีที 200 ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ฝ่ายบริษัทผู้ผลิตชดใช้เงินให้ทางราชการ ซึ่งตนเข้าใจว่าการตั้งงบให้ตรวจสอบคงค้างท่อมาจากตอนสู้กันในชั้นศาล ดังนั้นประเด็นอยู่ที่ว่าเรื่องเครื่องจีที 200 มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้หรือไม่ และเป็นประเด็นสำคัญที่จะแพ้ชนะคดี จึงต้องมีการพิสูจน์ว่าเครื่องดังกล่าวสามารถใช้ได้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ซึ่งการตั้งงบประมาณต้องตั้งตั้งแต่ต้นทาง  เพราะจะมาจัดงบประมาณเลยคงทำไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วในชั้นกรรมาธิการก็สามารถตัดงบประมาณได้ไม่มีปัญหาอะไร

ถามย้ำว่า หากไม่จำเป็นจะสามารถตัดงบส่วนนี้ออกได้เลยหรือไม่ นายนิโรธกล่าวว่า "ใช่ครับ ไม่ต้องไปกังวลประเด็นนี้" เมื่อถามต่อว่า แต่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อาสาพร้อมตรวจสอบให้ฟรี นายนิโรธกล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ต้องเป็นหน่วยงานที่จะต้องเชื่อถือได้และมีองค์กรรับรอง เพราะจะต้องนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้ พร้อมย้ำว่าประเด็นนี้ไม่มีปัญหา หากเข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการสามารถตัดงบประมาณได้ ถ้ามันขาดความจำเป็นแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง