เพื่อไทยจุดไฟม.112 ชงเข้าสภาแก้ไขพร้อมม.116‘ป้อม’ฮึ่มอย่ากระทบความมั่นคง

"ชัยเกษม" นำทีมเพื่อไทยเปิดประเด็นเดือด! ท้ารบ ประกาศพร้อมเสนอแก้ ม.112,116 ในสภา อ้างเป็นกฎหมายลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐาน หวั่นทำให้แตกแยก "ก้าวไกล" ได้ทียุส่ง ยกให้เป็นกำลังสำคัญ "บิ๊กป้อม" ลั่นพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน แต่ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ข  ขณะที่ประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วย "ราเมศ" ลั่นยื่นเข้าสภาเมื่อใดก็ต้องสู้กัน  ด้าน "ท่านใหม่" เตือนจะเป็นกบฏต่อพระราชบัลลังก์เพื่อคนหนีคดีคนเดียว

จากกรณีคณะราษฎร ม็อบ 31 ตุลา 64 เรียกร้องต่อคณะตุลาการเพื่อคืนสิทธิประกันตัว ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง พร้อมเรียกร้องต่อรัฐสภาให้ดำเนินการพิจารณาแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทยว่าพร้อมเสนอแก้ ม.112 และ ม.116

เขาระบุว่า ปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 พระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนสงสัยว่า ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวโดยมิชอบด้วยหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในหลักกฎหมายและหลักความยุติธรรมของประเทศ

นายชัยเกษมระบุว่า ตามที่ภาคประชาชนได้เรียกร้องและเสนอร่างแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ  ศาล และราชทัณฑ์ ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ดุลยพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล  รวมถึงการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย

ต่อมานายชัยเกษมให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นหลักของพรรคคือ การเรียกร้องให้มีการพิจารณาปล่อยนักโทษทางความคิด ซึ่งทุกคนควรมีเสรีภาพทางความคิดและควรได้รับการประกันตัวตามสิทธิอย่างเท่าเทียม พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภา มีจุดยืนที่ชัดเจนในการต้องการที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อันเนื่องมาจากปัญหาการใช้กฎหมายของฝ่ายบริหารที่ลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐาน จนทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกในสังคมที่รุนแรงมากขึ้น โดยการนำข้อเรียกร้องของประชาชนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา 

 เมื่อถามว่า จากกรณีที่บางกลุ่มเสนอให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญา ม.112 พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนอย่างไร นายชัยเกษมกล่าวว่า กระบวนการพิจารณาแก้ไขกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา จะเป็นการพิจารณาโดยตัวแทนประชาชนตามกระบวนการประชาธิปไตย 

ขณะที่นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่ามาตรา112 ยังควรคงไว้ เพียงแต่อาจต้องปรับบทลงโทษให้น้อยลง และ/หรือเพิ่มเนื้อหาองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน ว่าการกระทำอย่างไหนเข้าข่ายหมิ่นหรือไม่หมิ่นประมาทสถาบัน ถ้าเนื้อหาสาระเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะตนก็เห็นด้วย  ท่าทีความชัดเจนต่างๆ อาจต้องรอหลังการประชุมพรรควันที่ 2 พ.ย.  แต่ขณะนี้พรรคยังไม่มีมติอะไรออกมา ถ้ามีการยกเลิกไปเลยเชื่อว่า  ส.ส.เพื่อไทยหลายคนคงไม่เห็นด้วย เพราะหลายท่านยังเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ยังเทิดทูนต่อสถาบัน มีอยู่เยอะ แม้แต่ประเทศที่เจริญแล้ว

ต่อยอดวิสัยทัศน์ พท.

ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค แถลงว่า ถือเป็นการต่อยอดวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ยืนยันว่า สิทธิการประกันตัวเป็นสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ผู้ที่มีความเห็นต่างทางความคิดไม่ควรถูกจองจำ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ข้อคิดเห็นต่างๆ เข้าสู่กลไกของสภา และทำงานควบคู่ไปกับพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยยืนยันจะผลักดันข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชน ทุกคนต้องได้รับการดูแลคุ้มครองตามสิทธิเสรีภาพและรัฐธรรมนูญ

ขณะที่เพจคณะก้าวหน้า Progressive Movement  โพสต์ประเด็น ม.112 โดยใช้หัวข้อ "หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย" โดยระบุรายละเอียดว่า "กฎหมายมาตรานี้จึงไม่ใช่แค่เป็นกฎหมายหมิ่นประมาทธรรมดา แต่ยังเป็นภาพแทนของสถาบันกษัตริย์ นี่จึงไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ทางการเมืองและประเด็นแวดล้อมอื่นๆ ด้วย เราจึงได้เห็นปัญหาและความท้าทายมากมายในสังคมไทยจากกฎหมายอาญา มาตรา 112 คณะก้าวหน้าจึงพร้อมเดินหน้าร่วมรณรงค์ ล่ารายชื่อให้ได้มากที่สุด"

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เผยว่า เมื่อในวันนี้พรรคเพื่อไทยที่ขึ้นชื่อว่ามีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงจุดยืนดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะช่วยเป็นกำลังสำคัญในการแก้มาตรา  112

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมีท่าทีต่างออกไป โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันไปชัดเจนหลายครั้งว่า ทิศทางจุดยืนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันนี้มีความชัดเจน และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเราคิดว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทยของเรา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า พรรค ปชป.ไม่มีนโยบายจะแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 เพราะไม่ได้ขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมหรือรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะขัดใจผู้คิดไม่ดีต่อบ้านเมือง หากมีการยื่นร่างแก้ไขมาตรา 112 ต่อรัฐสภา พรรคพร้อมค้านเต็มที่ พรรคการเมืองใดยื่นแก้ไข ให้กลับไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ดี  ที่ได้เคยวินิจฉัยอธิบายความสำคัญของมาตรา 112 มาตรานี้ไม่ได้เป็นปัญหาตามที่มีผู้บิดเบือน การเสนอแก้มาตรา 112 ต่อสภา พรรคการเมืองไหนใครอยากทำก็ไม่มีใครห้ามได้ แต่ประชาธิปัตย์เรามีหลักการชัดคือ ยึดมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่มีแนวคิดในการยกเลิก ยื่นเข้าสภาเมื่อใด ก็ต้องสู้กัน เราสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า ถ้าคิดแบบปฏิบัตินิยมในสถานการณ์ปัจจุบัน หากยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะเร่งความขัดแย้งในชาติให้รุนแรงขึ้นอีก เช่น 1.เกิดการดูหมิ่นต่อสถาบันมากขึ้น ซึ่งนำมาสู่ 2.เกิดความขัดแย้งสองฝ่าย และจะนำไปสู่การปะทะกันบนท้องถนน 3.เกิดวิกฤตการเมืองรอบใหม่  เป็นช่องว่างทำให้เกิดการแทรกแซงทางการเมือง เข้ายึดอำนาจหรือรัฐประหารอีก

เตือนอย่ากระทบความมั่้นคง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ก็เหมือนการแก้กฎหมายทั้งหลาย โดยถ้าเสียงส่วนใหญ่ในสภาเห็นด้วย ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิ์ของ ส.ส. และกฎหมายดังกล่าวก็ไม่ใช่กฎหมายการเงิน ก็ไม่ต้องให้รัฐบาลไปรับรองอะไร สามารถเข้าชื่อเสนอต่อสภาได้ตามปกติ  ส่วนที่ว่าเมื่อเสนอเข้าไปแล้วจะได้หยิบยกขึ้นเพื่อพิจารณาหรือไม่ หรือเลื่อนมาเมื่อไหร่ เพราะมีกฎหมายอยู่ในวาระการพิจารณาจำนวนมากหลายฉบับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และจะต้องเข้าสู่การพิจารณาทีละสภา

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรค พปชร.มีเป้าหมายและจุดยืนในเรื่องของการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มุ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพรรคพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในสังคม แต่ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันหลัก ธำรงไว้ให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้

มีความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง อาทิ ม.จ.จุลเจิม  ยุคล หรือท่านใหม่ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุหัวเรื่อง “เป็นกบฏต่อพระราชบัลลังก์” มีเนื้อหาว่า "จากทนาย เก่งที่สุด ของแผ่นดินคนหนึ่ง เมื่ออายุมาก ยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง และวงศ์ตระกูล ยอมถวายตัว เพื่อเป็นขี้ข้ารับใช้คนหนีคดีหรืออย่างไร? เสียดายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เคยได้รับมา อายุมาก หลงลืมอดีต ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และเกียรติยศที่เคยได้รับมา ขนาดไม่เห็นสถาบันอยู่ในสายตา ถึงโอหัง ประกาศแก้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 เพื่อทำลายความมั่นคงของสถาบัน เป็นกบฏต่อพระราชบัลลังก์"

“เสียดาย เคยนับถือ ว่าเป็นคนดี คนเก่งคนหนึ่งของแผ่นดิน แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นกบฏต่อความมั่นคงของสถาบันและพระราชบัลลังก์ เพื่อคนหนีคดีคนเดียว“

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "หยุดรังแกสถาบัน แทนที่พรรคการเมืองจะช่วยกันดึงประเทศมาสู่จุดที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมาย เพื่อไปสู่ความสงบสุข กลับพยายามร่วมผสมโรง จึงขอเตือนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า หยุดได้แล้ว ปัญหาประเทศอยู่ที่คนโกง แต่มาโทษสถาบัน ทั้งๆ ที่สถาบันท่านทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังถูกรุมรังแกแบบมัดมือชก ขอบอกตรงๆ ว่าประชาชนเขาอึดอัดมาก".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้