ทีมบิ๊กตู่มั่นใจสู้ปม8ปี ส่งคำชี้แจงถึงศาลครบทุกประเด็น/ม็อบขู่ยึดย่านราชประสงค์

“บิ๊กตู่” กำลังใจดีมาก ทีม กม.ยื่นคำชี้แจง 30 หน้า แก้ข้อกล่าวหาปม 8 ปีนายกฯ ถึงมือ “ศาล รธน.” แล้ว มั่นใจยกข้อมูลครบทุกประเด็นตามคำร้อง “ประวิตร” ลงพื้นที่ฉะเชิงเทรา เจอ “นายก อบต.” ขอให้เป็นนายกฯ ตัวจริง ถึงร้องอุทาน "เฮ้ย" ฝ่ายค้านเชื่อศาลรับคำร้องขอเพิ่มพยานถกนายกฯ 8 ปี “พท.” เอาด้วย พ.ร.ก.เลือกตั้ง แต่ติงมีอำนาจออกหรือไม่ “สุวัจน์” ควงแขน “กรณ์” เปิดโต๊ะแถลงสู้เลือกตั้ง 2 ก.ย. "จตุพร" คึกเตรียมชุมนุมย่านราชประสงค์-ปทุมวันเสาร์-อาทิตย์นี้

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวนำรูปถ่ายกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมระบุว่า “คิดถึงจึงมาหา…ท่านนายกฯ กำลังใจดีมากครับ ฝากขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกคนครับ ท่านก็ทำงานในฐานะ รมว.กลาโหมเต็มที่ สั่งการให้กองทัพเร่งช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่อง โดยเฉพาะน้ำท่วม และจะมีลงพื้นที่ด้วยครับ”

ในส่วนความคืบหน้าภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ขอให้วินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ รวมทั้งมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย และให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนั้น

ล่าสุดมีรายงานว่า ทีมกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับมอบหมายให้จัดทำคำชี้แจงตามที่มีคำร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.65 หรือไม่นั้น เสร็จสิ้นแล้ว โดยจะมีการยื่นเอกสารคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา และศาลได้รับเอกสารดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

 “เอกสารดังกล่าวที่มีเนื้อหาสาระเหตุผลประกอบคำร้องรวม 30 กว่าแผ่น เชื่อว่าชี้แจงครบถ้วนทุกประเด็นตามคำร้องที่ถูกร้องเรียนมา เพราะชี้ให้เห็นถึงที่มาที่ไปของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยยกข้อมูลทางกฎหมายประกอบ จึงมีความมั่นใจในเนื้อหาที่ได้ชี้แจงไป” แหล่งข่าวระบุ

มีรายงานว่า เอกสารชี้แจงดังกล่าวใช้มือกฎหมาย 3 คน คือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย พลตรีวิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการ สำนักพระธรรมนูญทหารบก หนึ่งในทีมเขียนคำสั่ง คสช. และเป็นหนึ่งใน 21 คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ช่วยกันพิจารณาดำเนินการ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยได้ไปที่ร้านอาหารบลูมเพื่อพบปะประชาชน ซึ่งช่วงหนึ่งนายทรัพย์ทวี กุลสารี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระดาน ได้เข้ามาขอถ่ายรูปร่วมกับ พล.อ.ประวิตร พร้อมเข้าสวมกอดและกล่าวว่า ขอให้เป็นนายกฯ ตัวจริงไปเลย โดยทันทีที่ได้ยิน พล.อ.ประวิตรถึงกับอุทานว่า "เฮ้ย" และไม่ได้ยิ้มหรือตอบรับแต่อย่างใด ก่อนที่จะเดินพบปะประชาชนต่อทันที

ต่อมา พล.อ.ประวิตรเดินทางไปที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาในหัวข้อ "แนวทางส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การสัมมนา

พล.อ.ประวิตรกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นอัตลักษณ์อันโดดเด่นของประเทศไทย ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญ การหล่อหลอมวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมของชาติไทยจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันสังคมไทยมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น และยังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากโลก สังคมโลก และสังคมประเทศ ในประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม เหตุปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลต่อการเมืองการปกครองของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ในอดีตที่ผ่านมาบ้านเมืองของเราจะเคยวิกฤต แต่ประเทศไทยก็รอดพ้นได้เสมอมา เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชาติให้มีความรู้รักสามัคคี เข้มแข็ง ทำให้ประเทศมีความมั่นคงจนบัดนี้ การส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งทุกท่านในนี้สามารถเป็นผู้นำทางความคิดในการถ่ายทอดความเป็นแบบอย่างของพลเมืองที่มีวิถีชีวิตประชาธิปไตยให้กับคนทั่วไป

 “การปลูกฝังเด็กเยาวชนเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์และพร้อมที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแรง วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่มีการเสริมสร้างความรู้ ขยายความเข้าใจ และความเปลี่ยนแปลงความคิดจากทุกภาคส่วนภายใต้สังคมประชาธิปไตย” พล.อ.ประวิตรกล่าว

พท.เอาด้วย พ.ร.ก.เลือกตั้ง

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนวิทยากร 2 คน ได้แก่ นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนา 15 องค์กร และถ่ายภาพร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา และหัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมการสัมมนา

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยื่นรายชื่อพยานเพิ่มเติมกรณีการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประกอบคำวินิจฉัยว่า การจะรับหรือไม่รับนั้นเป็นสิทธิ์ของศาล และการส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมเป็นช่องทางที่มีความชอบด้วยกฎหมาย ประธานสภาฯ ในฐานะที่เป็นผู้ร้องสามารถส่งพยานเพิ่มเติมได้หากเห็นว่ามีความจำเป็น

“มั่นใจว่าศาลจะรับ เมื่อรับไว้พิจารณาจะส่งผลกับการพิจารณาหรือไม่นั้น ข้อมูลที่เราให้ไปในเหตุผลประกอบคำร้องก็ครบถ้วนหมดแล้ว เพียงแต่เราต้องการเพิ่มน้ำหนักในเชิงสาธารณะ ซึ่งเรามั่นใจว่าศาลจะรับไว้พิจารณาและจะส่งผลดีต่อการพิจารณา” นพ.ชลน่านกล่าว

ถามว่า หากศาลไม่รับจะส่งผลอย่างไร และพรรคฝ่ายค้านจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่รับก็ไม่มีผลอะไร ส่วนจะดำเนินการอะไรต่อหรือไม่นั้นก็คงมาพิจารณาดูว่าจะต้องส่งอะไรเพิ่มเข้าไปหรือไม่ หรืออย่างไร ตามขั้นตอนการพิจารณาของศาล หากศาลมีการไต่สวนก็อาจจะขอเพิ่มพยานหลักฐานเข้าไป ต้องดูเป็นเรื่องๆ และดูในรายละเอียด หากศาลไม่มีการไต่สวนพิจารณากฎหมายอย่างเดียวเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

นพ.ชลน่านกล่าวถึงกรณีนายวิษณุระบุกระแสข่าวการยุบสภาในระหว่างที่ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยวิธีหนึ่งคือการออกเป็น พ.ร.ก. เนื่องจาก พ.ร.ก.ไม่ยุ่งยากและสามารถนำร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบไปแล้ว มาจัดทำเป็น พ.ร.ก.ได้ว่า ถ้ามีการออก พ.ร.ก.ที่มีเนื้อหาคล้ายกับร่าง พ.ร.ป. ก็อาจจะมีการอ้างอย่างอื่น เช่น มาตรา 5 ประเพณีการปกครอง และใช้เงื่อนไขในส่วนนี้ออกมาเพื่อให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หากออกมาโดยไม่อ้างมาตรา 5 อาจจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 การออก พ.ร.ก.มาบังคับใช้เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.วรรคแรก ระบุไว้ว่า อาจจะมีการเลี่ยงมาตรานี้และไปใช้มาตรา 5 เนื่องจากไม่สามารถออก พ.ร.ก.โดยใช้มาตรา 172 ได้ ก็ใช้ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือต้องหากฎหมายมาบังคับใช้ในการเลือกตั้ง โดยประเพณีในอดีตที่ผ่านมาคือการออก พ.ร.ก. ซึ่งก็แล้วแต่ข้ออ้างในการเลี่ยงรัฐธรรมนูญ โดยหากเขาอ้างเช่นนั้น คนเถียงก็เถียงลำบากเช่นกัน

“ในมุมฝ่ายค้านอยากให้มีการเลือกตั้ง ถ้ากฎหมายที่ใช้ในการเลือกตั้งเป็นธรรม เราเห็นด้วย ไม่คัดค้าน หากเนื้อหาของ พ.ร.ก.เอา พ.ร.ป.ที่เรายกร่าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมาบังคับใช้ เห็นด้วยในเนื้อหา แต่เราทักท้วงอำนาจในการออก พ.ร.ก.ว่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าว

ยกระดับชุมนุมราชประสงค์

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคชาติพัฒนาว่า น.ส.เยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนา ได้แจ้งวาระงานให้สื่อมวลชนทราบว่า ในวันที่ 2 ก.ย.นี้ เวลา 10.30 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า จะร่วมกันแถลงข่าวทางการเมือง ที่บ้านเลขที่ 333 ซอยราชวิถี 20 เขตดุสิต กทม.

เป็นที่น่าจับตาว่าก่อนหน้านี้ ทั้งนายสุวัจน์และนายกรณ์ต่างมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจในหลายประเด็นให้กับรัฐบาล แต่ขณะเดียวกันมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในเมื่อช่วงนี้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว อาจจะเกิดการจับมือร่วมกันทำงานระหว่างพรรคชาติพัฒนาและพรรคกล้า หรืออาจถึงขั้นรวมพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงก็เป็นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสุวัจน์ได้เปิดตัวนายไกรกฤษ์ เสียนขุนทด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา รวมทั้งยังได้ประกาศที่จะนำพาพรรคชาติพัฒนากลับมายิ่งใหญ่เหมือนในยุคสมัยของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยขอให้คนโคราชเลือก ส.ส.พรรคชาติพัฒนา เพื่อนำยุคทองทางเศรษฐกิจกลับมาสู่คนโคราชและประเทศไทยอีก

ที่พรรคไทยสร้างไทย นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย แถลงถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมใหญ่ของพรรคว่า จะมีขึ้นในวันที่ 9 ก.ย. ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ อาคารสยามสแควร์วัน ชั้น 7 ตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น.

นายโภคินกล่าวว่า เราต้องร่วมกันเปลี่ยนประเทศไทยจากสิ่งที่กล่าวมา ด้วยการปลดปล่อย (Liberate) พี่น้องจากการกดทับของระบบรัฐราชการที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบและขั้นตอนแบบอำนาจนิยม ต้องสร้างพลัง (Empower) ให้พี่น้องสามารถทำมาหากินได้อย่างสะดวกและยั่งยืน ให้คนไทยทุกคนมีชีวิตที่มีคุณภาพ มีศักดิ์ศรี และมีความมั่นคงในทุกช่วงวัย

“พรรคไทยสร้างไทยขออาสาเป็นกองหน้าในการร่วมมือกันเปลี่ยนประเทศ เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคนร่วมรับชมรับฟังการแถลงถึงแนวทางการเปลี่ยนประเทศของพรรคไทยสร้างไทย ในวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 เวลา 09.00-14.00 น. ทางเพจเฟซบุ๊กพรรคไทยสร้างไทย” นายโภคินกล่าว

ด้าน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 แถลงถึงการหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ ว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์สั่นคลอนลงแล้ว ทั้งที่เป็นนายกฯ มาแล้ว 8 ปี ทำประเทศถอยหลังแทบทุกด้าน ล้มเหลวแทบทุกเรื่อง และในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของ พล.อ.ประวิตรที่จะต้องเร่งโชว์ศักยภาพในการสร้างการยอมรับให้กับประชาชนโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็จะพังไปทั้งประยุทธ์และประวิตร

นายอดุลย์กล่าวว่า ในสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเข้มข้นอยู่ในขณะนี้ ตนมีความคิดเห็นและข้อเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจดังต่อไปนี้ คือ 1.พล.อ.ประวิตรควรใช้โอกาสนี้ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยเร็ว โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง เรื่องสินค้าราคาแพง ซึ่งเรียกได้ว่าแพงทั้งแผ่นดินแล้ว รวมถึงปัญหาราคาพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า ที่ล้วนแต่สามารถลดราคาลงได้ ขออย่าได้รีรอหรือกลัวบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์

2.ประชาชนและสื่อมวลชนกำลังจับตาการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่านควรต้องวินิจฉัยโดยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างถ่องแท้ 3.พล.อ.ประยุทธ์ต้องเข้าใจสถานะตัวเองว่าเป็นนายกรัฐมนตรีมาครบ 8 ปี ถึงเวลาต้องลงจากอำนาจแบบสง่างาม และ 4.หากมีการสรรหานายกฯ คนใหม่ ก็ต้องเป็นไปตามกติกาตามรัฐธรรมนูญ

ส่วนความเคลื่อนไหวของคณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำ ได้แถลงข่าวยกระดับจัดกิจกรรมกลางเมือง "หยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย โดยนายจตุพรกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการยกระดับการชุมนุม โดยแจ้งกำหนดการในวันเสาร์ที่ 3 ก.ย. ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ซึ่งจะมีนิสิตนักศึกษาจำนวนมากร่วมกิจกรรม เพื่อเชิญชวนประชาชนในเขตพื้นที่ชั้นในเข้าร่วมชุมนุม และในวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ย. เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จะมีการปราศรัยที่แยกราชประสงค์ โดยขณะนี้คณะหลอมรวมประชาชนได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประสานงานกับห้างเซ็นทรัลเวิลด์เพื่อขอใช้พื้นที่ลานกว้างหน้าห้างในการทำกิจกรรม เพื่อลดผลกระทบต่อการจราจรให้มากที่สุด

“หลังจากนั้นก็จะเข้าไปตามรั้วมหาวิทยาลัยและต่างจังหวัด เพื่อรอสถานการณ์ที่สุกงอม เพราะการต่อสู้พิสูจน์ว่าจุดชี้ขาดไม่ได้อยู่ที่คนเต็มท้องถนน แต่จุดชี้ขาดคือความชอบธรรม ฉะนั้นเราจะไม่รีบ ถ้าประชาชนเข้าใจตกผลึกในวันที่สถานการณ์สุกงอมซึ่งใกล้เต็มที” นายจตุพรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง