สั่งล่าโจรใต้บึ้มปัตตานี ปูนบำเหน็จตร.พลีชีพ

โจรใต้ลอบบึ้ม! หน้าโรงพยาบาลไม้แก่นปัตตานี ตำรวจตาย 1  เจ็บอีก 4 สำนักงานตำรวจแห่งชาติปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นยศเป็น "พล.ต.ต." เงินเดือน 7 ขั้น เผยรู้เบาะแสคนร้ายกลุ่มเดิม "บิ๊กป้อม" ย้ำนโยบายรัฐบาลแก้ปัญหาสันติวิธี กำชับเจ้าหน้าที่เร่งล่าตัว "ผบ.ทบ." ปัดเชื่อมโยงเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาค 4

จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ ชป.20 สภ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าเมื่อมาถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาล (รพ.) ไม้แก่น จ.ปัตตานี คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย คือ ด.ต.บาห์รี บากา ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ไม้แก่น และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น

เมื่อวันที่ 21 กันยายน เวลา 08.30 น. พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จ.ปัตตานี), พ.ต.อ.ต่อลาภ เล็งฮะ ผกก.สภ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาวัตถุพยานหลักฐาน จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณเพิงร้านค้าเก่าริมถนนติดกับกำแพง รพ.ไม้แก่น และตรงข้ามโรงเรียนไม้แก่นกิตติวิทยา ทำให้วันที่ 21 ก.ย.โรงเรียนได้ประกาศปิดการเรียนการสอนชั่วคราว แรงระเบิดทำให้เพลิงร้านค้าพังเสียหายและกระจก รพ.ไม้แก่นแตกเสียหายหลายจุด

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่นำโดย ร.ต.ท.เสถียร เชื้อประสาท รอง สวป.สภ.ไม้แก่น พร้อมพวก ใช้รถกระบะสายตรวจเป็นพาหนะกำลังตรวจพื้นที่ต่อเนื่องหลังจากกลับจากตรวจความเรียบร้อยร้านสะดวกซื้อ ปรากฏว่า เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ คนร้ายได้ทำการกดชนวนระเบิดทันที เป็นเหตุให้แรงระเบิดถูกรถกระบะที่มีเจ้าหน้าที่อยู่จนรถเสียหลักชนเสาไฟส่องสว่างข้างทาง และยังทำให้เจ้าหน้าที่กระเด็นตกจากรถเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ ด.ต.บาห์รี บากา อายุ 38 ปี ผบ.หมู่ ป. ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตทันที 1 นาย เจ้าหน้าที่ได้รับความเจ็บ 4 นาย ประกอบด้วย 1.ร.ต.ท.เสถียร เชื้อประสาท 2.ส.ต.อ.วิชัย แก้วละเอียด 3.ส.ต.อ.อาริส ดารากัย 4.ส.ต.อ.อาหมัด หะยีตาเยะ ซึ่งทั้ง 4 นายมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดพักรักษาตัวที่ รพ.ไม้แก่น อาการปลอดภัย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายอาจแฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาลเพื่อทำการกดชนวนระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้งหนึ่ง

พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ผบ.ฉก.ปัตตานี) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำระเบิดมาซุกไว้ในช่วงก่อนเกิดเหตุไม่เกิน 1 ชั่วโมง เนื่องจากเพิงร้านค้าเก่าแม่ค้าได้หยุดขายมาร่วม 2 เดือนแล้ว จึงเป็นช่องว่างที่คนร้ายมีโอกาสนำระเบิดมาซุกหวังสังหารเจ้าหน้าที่ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจหาวัตถุพยานให้มากที่สุด รวมถึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัว

 “ขณะนี้พอทราบเบาะแสและพฤติกรรมของคนร้ายแล้ว กำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลัก ซึ่งคนร้ายเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เคยก่อเหตุและเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ไม้แก่น และรอยต่อ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทางการข่าวแจ้งว่ากลุ่มก่อความไม่สงบมีการประกอบระเบิดในพื้นที่ 3 ลูก และระเบิดไปแล้ว 1 ลูกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา” พล.ต.คมกฤชระบุ

ผบ.ฉก.ปัตตานีกล่าวว่า การก่อเหตุลอบวางระเบิดใกล้กับสถานที่ราชการ โดยเฉพาะโรงพยาบาลและโรงเรียน ถือว่ารุนแรงและไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะสถานพยาบาลถือเป็นจุดให้บริการและดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เข้ามารักษาตัว ซึ่งเหตุครั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยความมั่นคงปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายและเร่งติดตามจับกุมคนร้ายให้เร็วที่สุด

ด้านเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหญิงเปิดเผยว่า กำลังจะลงมาเข้าเวร กระทั่งได้ยินเสียงดังสนั่น โชคดีช่วงเกิดไม่มีคนเยอะ หลังระเบิดต่างคนต่างหาที่หลบ ตกใจมาก โชคดีมีเจ้าหน้าที่บางคนเสี่ยงเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชายเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นรถตำรวจผ่านหน้าโรงพยาบาลเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ ก่อนวนกลับมา เมื่อเลยโรงพยาบาลเพียงนิดเดียวเกิดระเบิดขึ้น รู้สึกตกใจและหดหู่มาก เพราะอยู่ติดกับโรงพยาบาล อีกทั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียน โชคดีเหตุเกิดช่วงกลางคืน ถ้าเกิดกลางวันก็ไม่รู้ชะตากรรมเด็กๆ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. แถลงว่า ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ ขอยกย่องข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ออกตรวจดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน กระทั่งถูกลอบวางระเบิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณามอบเงินช่วยเหลือ สวัสดิการ และปูนบำเหน็จแก่ข้าราชการตำรวจทั้ง 4 นาย

 “กรณีของ ด.ต.บาห์รีที่เสียชีวิต ได้รับเงินสวัสดิการครอบคลุมค่าจัดการศพ รวมกว่า 3,491,580 บาท ปูนบำเหน็จเลื่อนเงินเดือน 7 ขั้น เลื่อนยศเป็น พล.ต.ต. ขณะที่ตำรวจอีก 3 นายที่ได้รับบาดเจ็บ ได้รับเงินสวัสดิการช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท พร้อมดูแลรักษาพยาบาลจนหายดี ตำรวจภูธรภาค 9 อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี” โฆษก ตร.กล่าว

ขณะที่ พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจเข้าไปช่วยดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาให้ดีที่สุด ช่วยเหลือประกอบพิธีทางศาสนากำลังพลที่เสียชีวิตอย่างสมเกียรติและดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อเนื่องกันไป

 “พล.อ.ประวิตรยังได้กำชับขอให้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเร่งติดตามบังคับใช้กฎหมายนำผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว นโยบายรัฐบาลยังยืนหยัดแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันทางศาสนาโดยไม่เลือกปฏิบัติ และพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยมีส่วนร่วมไปพร้อมกัน” พล.อ.คงชีพระบุ

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเหตุการณ์ที่ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นเรื่องอะไร ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ทุกอย่างที่เกิดเหตุในภาคใต้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจความเสียหายและสอบสวนก่อน แม้แต่วัตถุระเบิดก็ต้องไปดูก่อนว่ามันมาจากไหน และมาอย่างไร เป็นแนวทางของใคร

เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า เป็นช่วงของการสับเปลี่ยนกำลัง ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 การสับเปลี่ยนกำลังทุกอย่างทางกองทัพบกก็จะแจ้งเตือนทุกหน่วยตลอด ไม่ว่าจะหน่วยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือกองกำลังป้องกันชายแดนทุกส่วน เราจะแจ้งเตือนหน่วยตลอดว่าทุกช่วงเดือนที่มีการสับเปลี่ยนกำลังให้ระมัดระวังทุกเรื่อง แม้แต่อุบัติเหตุจากการเดินทางไป-กลับ หรือแม้แต่การเคลื่อนย้ายอาวุธและยุทโธปกรณ์ก็ต้องแจ้งข่าว เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด หรือแม้แต่เข้าไปในพื้นที่แล้ว ซึ่งทุกอย่างมีหลักการทางทหารอยู่ในการสับเปลี่ยนกำลัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง