ขอเสียงรบ.เปิดวิสามัญ พท.หยันปราบยาเหลว

“ธนกร” มั่นใจ “บิ๊กตู่” แก้ปัญหายาเสพติด-อาวุธปืนได้แน่ หลังยกเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมตั้ง กก.ชุดใหญ่คุมการทำงานทุกหน่วย “สุทิน” คาดไม่เกิน 19 ต.ค. ฝ่ายค้านรวบรวมรายชื่อพร้อมประสานพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมยื่นขอเปิดสมัยวิสามัญถกเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู “พท.” หยันนายกฯ ไม่มีปัญญาปราบยา “ตร.” จับ “ช่างแอร์ในตำนาน” โชว์คลังแสงปืนลงโซเชียล

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติว่า ต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่แก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งคณะ เพื่อติดตามตรวจสอบการทำงานของทุกคณะที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งมีมาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืนที่เข้มงวดชัดเจน มีการะทบทวนกฎหมายที่จำเป็นให้มีความทันสมัย

นายธนกรกล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา เพื่อมากำกับดูแลหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทำงานอย่างเข้มข้น และเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น และยังเป็นการตบหน้าฝ่ายค้านที่มักจะกล่าวหามั่วๆ ว่ารัฐบาลไม่จริงจังกับการแก้ปัญหา รวมทั้งนายกฯ ยังกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานแบบบูรณาการความร่วมมือกัน ทั้งกระทรวงทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แสดงให้เห็นว่านายกฯ จริงจังกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

 “เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนไทยทุกคน ต่างกังวลเรื่องการป้องกันและการแก้ไขปัญหาการครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด ตลอดจนการเยียวยาผู้เสียหาย ดังนั้นวันนี้นายกฯ จึงกำชับทุกหน่วยงานให้เร่งกำหนดมาตรการอย่างเป็นระบบและมีผลเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในอนาคต ผมในฐานะ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน จะร่วมสอดส่องเป็นหูเป็นตา และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ด้วย” นายธนกรกล่าว

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญกรณีเหตุยิงในศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภูว่า ฝ่ายค้านคุยกันจบแล้ว ญัตติร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังรวบรวมรายชื่อ คาดว่าไม่เกินวันที่ 19 ต.ค. ทุกอย่างจะจบหมด จากนั้นจะได้ประสานทางพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อขอเสียงสนับสนุนในการยื่นเปิดประชุมวิสามัญ

“ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวเกือบทุกพรรคร่วมรัฐบาล ส.ส.หลายคนเห็นด้วยที่จะให้เปิดประชุม แต่จะไปติดตรงที่จำเป็นต้องออกเป็นมติพรรคหรือไม่ หากพรรคเปิดให้สมาชิกแต่ละคนฟรีสไตล์ได้ เขาก็พร้อมลงชื่อสนับสนุนญัตติของเรา เพราะเห็นตรงกันว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรง แต่ถ้าจะให้เขาเริ่มเองก่อน ก็พูดไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาของรัฐบาล”ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว

ถามว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะประชุมพร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ปัญหายาเสพติดมองอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า มองเป็นเพียงความพยายามแก้เกมเท่านั้น มาตรการต่างๆ ที่ออกมาก็เป็นเรื่องเดิมๆที่เคยพูดมาแล้ว ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ถึงเวลาก็ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง อย่างเช่นหน่วยปราบปราม ถามว่าวันนี้รัฐบาลมีปัญญาไปสั่งทหารกับตำรวจได้อยู่หรือ เห็น พล.อ.ประยุทธ์คุมมา 8 ปีแล้วยังไม่เคยเห็นการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมชัดเจนเลย

เช่นเดียวกับ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์กำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ทั้งการแก้ไขกฎหมายปริมาณการครอบครองยาเสพติดใหม่ ถ้าเกินกว่า 5 เม็ดควรเป็นผู้ค้า เพื่อแยกประเภทผู้เสพและผู้ค้ารายย่อยได้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งให้มีการลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น ตนได้เคยออกมาเสนอแนะในเรื่องนี้แล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะพบว่าส่วนหนึ่งของปัญหาคือการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรวม 24 ฉบับเหลือ 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ที่ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้ผู้กระทำผิดหรือจำเลยได้ต่อสู้หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิด โดยมีการปรับโทษให้ผู้ต้องหายาเสพติดที่เป็นผู้ค้าตัวจริงได้รับโทษเบาลง

น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า หากย้อนไปดูกฎหมายเดิม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 หากผู้ใดครอบครองยาเกินปริมาณที่กำหนด ให้สันนิษฐานว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย และจะได้รับโทษรุนแรง แต่หลังจากได้มีการปรับการชี้วัดผู้ค้าออกจากผู้เสพ ด้วยปริมาณการครอบครองยาเสพติด เดิมหากครอบครองเกินกำหนด ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้ค้า เปลี่ยนมาเป็นการพิจารณาจากพฤติการณ์การครอบครองยาแทน ทำให้คนขายกลายเป็นคนเสพ ผู้ค้ารายย่อยตัวจริงกลายเป็นผู้เสพ และได้รับโทษเบาลง จากช่องโหว่ของกฎหมายนี้เป็นสาเหตุทำให้ผู้ขายทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ยาเสพติดจึงไม่หายไปและยังระบาดหนักมากขึ้นทุกปีจนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น

 “ทางแก้เรื่องนี้อาจไม่ใช่ลดจำนวนการครอบครองยาเสพติดเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีข้อมูลผู้ค้า ผู้เสพ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงทุกภาคส่วนต้องตรวจสอบ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อดูความเชื่อมโยงการนำเข้าสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด และรัฐบาลซึ่งเป็นต้นน้ำของการแก้ไขปัญหา มีอำนาจเต็มในการบริหารต้องเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ผู้ค้าคือผู้ค้า ผู้เสพคือผู้ป่วย ฝ่ายนโยบาย และฝ่ายความมั่นคงคือ ด่านหน้า ทุกฝ่ายต้องทำงานอย่างแข็งขันกันทั้งองคาพยพไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ การแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่ใช่เพียงการประกาศให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และตั้งคณะกรรมการ” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

รองเลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์นั่งเป็นประธานแก้ปัญหาสารพัดเรื่อง ตั้งคณะกรรมการมาแล้วจนนับจำนวนไม่ได้ มีกี่คณะที่แก้ไขปัญหาของประเทศได้อย่างแท้จริง วันนี้สิ่งที่ประชาชนอยากได้ คือการกำหนดเป้าหมายการปราบปราม จับกุมยาเสพติด เน้นการทำงานเชิงรุก กำหนดกรอบระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน เพื่อลดปริมาณยาเสพติดในสังคมไทย

“เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์จะเรียนรู้ว่าแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดิมๆ ก็ได้ผลลัพธ์แบบเดิมไม่เกิดประสิทธิภาพ ก่อนทรัพยากรมนุษย์ถูกทำลาย เสียดายโอกาสประเทศ" รองเลขาฯ พรรค พท.ระบุ

วันเดียวกัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. แถลงข่าวการจับกุมนายอภิสิทธิ์ มั่งมี หรือช่างเปิ้ล อายุ 42 ปี อดีตเคยเปิดสนามยิงปืนบีบีกัน ชื่อว่า “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” ซึ่งโพสต์ภาพอาวุธปืนลงในโซเชียลจนสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชน โดย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วยตำรวจชุด ศปอส.ตร. เข้าค้นสถานที่ต้องสงสัย 3 แห่ง ประกอบด้วย บ้านเลขที่ 196/18 ม.5 ถ.อำเภอ ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองฯ จ.สุราษฎร์ธานี สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน เลขที่ 174/7 ม.5 ถ.โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองฯ จ.สุราษฎร์ธานี และบ้านเลขที่ 122/25 ซ.โฉลกรัฐ 26 ม.1 ต.บางกุ้ง อ.เมืองฯ จ.สุราษฎร์ธานี ยึดปืนบีบีกันจำนวน 46 กระบอก อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก (ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก) และเครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 30 นัด

แจ้งข้อกล่าวหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมส่งปืนของกลางทั้งหมดให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด และนำตัวผู้ต้องพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง