49ปี‘14ตุลา’รุมจวกรบ. สามนิ้วโผล่โหนแก้112

รำลึก 14 ตุลา เพื่อไทยด่ายับ 3 ป. หวงอำนาจ 50 ปี แต่การเมืองไทยวนลูปเดิม ยึดอำนาจ ร่างรัฐธรรมนูญ ผู้นำทหารตั้งพรรค มีการเลือกตั้ง ก้าวไกลจุดพลุเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ เอากองทัพออกไปจากการเมืองยุติการเข้ามาของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ สามนิ้วฮึ่ม! ต้องยกเลิก ม.112

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยวางพวงมาลาร่วมรำลึกถึงวีรชนจากเหตุการณ์  14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ปราบปรามเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษา ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลปลดปล่อยนิสิต นักศึกษา อาจารย์ และนักการเมืองที่ถูกจับกุมฐานเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกรัฐบาลตั้งข้อหาว่ากระทําการผิดกฎหมาย  

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอคารวะและรำลึกถึงวีรชน 14 ตุลาทุกคนด้วยจิตศรัทธา การต่อสู้ของวีรชนผู้กล้า ทั้งที่เป็นผู้วายชนม์และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผ่านมา 49 ปีจากเหตุการณ์ การเมืองในประเทศไทยมีกลไกประชาธิปไตยที่ไม่แท้จริง เป็นประชาธิปไตยที่เป็นเพียงรูปแบบ จากประสบการณ์ของวีรชนผู้กล้าหาญในวันนั้น ได้ก่อรูปร่างสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ฝังแน่นในหัวใจประชาชน  ส่งต่อสืบทอดมาถึงคนรุ่นนี้ 

ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า ขอระลึกถึงและสดุดีทุกดวงวิญญาณของวีรชนในเหตุการณ์ 14 ตุลา แม้ผ่านมาเกือบ 50 ปี แต่การเมืองไทยวนลูปเดิม ยึดอำนาจ-ร่างรัฐธรรมนูญ-ผู้นำทหารตั้งพรรค-มีการเลือกตั้ง มาถึงจุดนี้ สังคมไทยได้เรียนรู้มากมายจากคณะ 3 ป. เรียนรู้ว่าผู้มีอำนาจหวงแหนอำนาจ ได้เรียนรู้ว่าผู้นำที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยมีส่วนสนับสนุนมาจาก ส.ว. 250 คน ไม่มีความยึดโยงกับประชาชน จากหลายเหตุการณ์การต่อสู้ทางการเมือง บทเรียนต้องไม่กลายเป็นบทลืม ทุกคนเรียนรู้ร่วมกันได้ และต้องก้าวเดินไปด้วยกัน

ส่วนพรรคก้าวไกล นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมรำลึกด้วย

นางอมรัตน์กล่าวว่า เราต้องเปลี่ยนที่โครงสร้างของประเทศ เอากองทัพออกไปจากการเมือง ยุติการเข้ามาของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ หรือมือที่มองไม่เห็นหยุดการแทรกแซงทางการเมืองจากองคาพยพที่ไม่เกี่ยวข้อง

"ปัจจุบันเป็นเวลากว่า 90 ปีแล้วที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยยังไม่ตรงปกประเทศรัฐธรรมนูญเสียที ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์เป็นภารกิจสำคัญที่ต้องทำ" นางอมรัตน์กล่าว

ส่วน น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ชัยชนะในครั้งนั้นกลายเป็นความพ่ายแพ้ เพราะมันไม่ใช่ชัยชนะที่ยั่งยืน บทเรียนจาก 14 ตุลาสอนให้รู้ว่า ไล่เผด็จการออกไป เผด็จการคนใหม่ก็เกิดขึ้นเสมอ ตราบใดที่เราไม่เปลี่ยนโครงสร้างของประเทศให้รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง และปฏิรูปทุกสถาบันให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงปาฐกถางาน "14 ตุลา 16 ปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์สังคมไทยแค่ไหน" ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยกล่าวว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่ในแต่ละยุคต้องพบเจอเหมือนกัน คือการเติบโตมาในยุคที่การเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น คนรุ่นใหม่ในยุค 14 ตุลา เป็นยุคที่เติบโตมากับระบบเผด็จการทหารที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน และมีผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จตามมาตรา 17 ขณะที่คนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันเติบโตมาในยุคที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับประชาธิปไตยอย่างเต็มใบ และต้องอาศัยอยู่ภายใต้ 'ระบอบประยุทธ์' ซึ่งเป็นเสมือนเผด็จการอำพรางที่ชุบตัวจากการเลือกตั้ง แต่ยังคงมีกลไกควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จผ่านกลไกสืบทอดอำนาจ ส.ว. 250 คน ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี​

จากนั้น นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานมูลนิธิ 14 ตุลา ขึ้นกล่าวปัจฉิมกถาว่า เราคงไม่มีโอกาสได้จัดงาน 60 ปี 14 ตุลา เพราะถึงวันนั้น ถึงแม้จะมีเรี่ยวแรงในการจัด ก็ไม่ควรจะจัด ควรให้คนรุ่นใหม่มาจัด เพราะเมื่อถึง 60 ปี ความจำของพวกเราก็คงจะเลอะเลือนเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นควรใช้คนรุ่นถัดๆ ไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ใช่เพียงจัดงานให้ครบระยะที่สำคัญเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรเราจึงจะสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

สำหรับบรรยากาศในงาน มีพิธีวางพวงมาลาและดอกไม้ โดยตัวแทนจากพรรคการเมือง, มูลนิธิ, ตัวแทนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย กลุ่มนักกิจกรรมทางการเมือง และภาคีภาคประชาชน

โดยคณะราษฎรยกเลิก 112 นำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือไหม แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ที่ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมวางพวงมาลา เพื่ออาลัยและสดุดีวีรชน 14 ตุลา

น.ส.ณัฐนิชอ่านแถลงการณ์คณะราษฎรยกเลิก 112 สืบทอดเจตนารมณ์เดือนตุลา ยกเลิกมาตรา 112 โดยมีเนื้อหาความว่า การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคม ที่ต่อเนื่องมาถึงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2516 จบลงด้วยชัยชนะของประชาชน ในการขับไล่ทรราชถนอม (กิตติขจร) ประภาส (จารุเสถียร) ณรงค์ (กิตติขจร) ออกนอกประเทศ รัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่พอจะเปิดพื้นที่เสรีภาพให้ประชาชนบ้าง แต่ชัยชนะในวันที่ 14 ตุลาคม ต้องแลกมาด้วยราคาที่แสนแพง ชีวิตของประชาชนอย่างน้อย 77 คน ต้องจบลงบนท้องถนน เพื่อแลกกับเสรีภาพและประชาธิปไตย หลังการชุมนุมจบลง ประชาชนส่วนหนึ่งที่มาชุมนุมได้ออกมาช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดพื้นที่การชุมนุม ภาพเด็กนักเรียนแต่งชุดลูกเสือโบกรถดูแลการจราจรในวันที่ทหาร ตำรวจไม่กล้าสวมเครื่องแบบมาเดินในที่สาธารณะ และลบคำสบประมาทของเผด็จการที่ว่า

"หากประชาชนมีเสรีภาพที่ล้นเกิน ก็จะไร้ซึ่งวินัย และบ้านเมืองก็จะตกอยู่ในสภาวะโกลาหล" ถึงแม้ขับไล่ 3 ทรราชไปได้ แต่โครงสร้างทางการเมืองก็ยังคงเป็นเผด็จการ แนวคิดอนุรักษนิยมกลับขยายตัวมากขึ้น หนำซ้ำยังมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ และ ม.112 ที่ถูกนำมาใช้ปิดกั้นเสรีภาพของประชาชนจนถึงทุกวันนี้"

จากนั้น น.ส.ธนพร หรือไหม กล่าวต่อว่า คณะราษฎร 63 ชูข้อเรียกร้องขับไล่เผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม และเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันฯ ให้สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย ข้อเรียกร้อง 2 ข้อแรกแทบไม่ต่างกับตุลาคม 2516 อาจจะมีข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ที่เป็นของใหม่ ที่เป็นการผลักดันการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตยจาก 14 ตุลา ให้ต่อเนื่อง

 "ในโอกาสครบรอบ 49 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 คณะราษฎรยกเลิก 112 ขอร่วมรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น และยืนยันเจตนารมณ์ของคนเดือนตุลา ด้วยการขับเคลื่อนการขยายสิทธิ เสรีภาพ ผ่านการรณรงค์ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อไป ถึงแม้ว่าการยกเลิก 112 จะไม่ใช่ข้อเรียกร้องของการชุมนุมในเดือนตุลาคม 2516 แต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสถาปนาสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ซึ่งคนเดือนตุลาเคยพลีชีพเพื่อได้มาเมื่อ 49 ปีที่แล้ว" น.ส.ธนพรกล่าว

ก่อนร่วมกันชู 3 นิ้ว เปล่งเสียงทิ้งท้ายว่า "เผด็จการจงพินาศ ศักดินาจงพินาศ ยกเลิก 112 ประยุทธ์ออกไป".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้