ปลื้ม3โครงการ กระตุ้น4หมื่นล. เฟส6เคาะพ.ย.

คลังฟุ้ง 3 โครงการกระตุ้นบริโภคภายในประเทศ พุ่ง 4.1 หมื่นล้านบาท “คนละครึ่ง เฟส 5” มาแรง เงินสะพัด 3.55 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเร่งใช้ให้ครบ 800 บาท ภายในสิ้นเดือนนี้ เฟส 6 รอ ครม.เคาะไม่เกิน 29 พ.ย. ยันฟื้น “ช้อปดีมีคืน” ต้นปีหน้า กางยอดลงทะเบียนคนจนเฉียด 22 ล้านคน 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โดยจากข้อมูลสะสม ณ วันที่ 24 ต.ค.2565 เวลา 23.00 น. พบว่า มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 38.24 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 41,059.72 ล้านบาท

แบ่งเป็น 1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 13.15 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 5,117.47 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 1.07 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 384.54 ล้านบาท

3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 24.02 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 35,557.71 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,104.84 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่าย 17,452.87 ล้านบาท โดยยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 14,873.94 ล้านบาท, ร้านธงฟ้า 7,166.16 ล้านบาท, ร้าน OTOP 1,698.96 ล้านบาท, ร้านค้าทั่วไป 11,200.72 ล้านบาท, ร้านบริการ 572.60 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 45.33 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้ว 9.69 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.31 หมื่นราย

 “ขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 และยังมีสิทธิคงเหลือเร่งใช้สิทธิให้ครบวงเงินโครงการ 800 บาท ภายในวันที่ 31 ต.ค.2565 เวลา 22.59 น. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการ และเชิญชวนให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนดและสนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่องทุกวันตามช่องทางที่กำหนดจนถึงวันที่ 28 ต.ค. 2565” นายพรชัยระบุ

โฆษกกระทรวงการคลังยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.-25 ต.ค. 2565 ณ เวลา 09.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 21,997,577 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 9,763,514 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 12,234,063 ราย ซึ่งจำนวนผู้ลงทะเบียนข้างต้นเป็นเพียงจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเท่านั้น โดยการเป็นผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 31 ต.ค.2565 โดยสามารถลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว และมี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต โดยหากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร ให้ติดต่อแก้ไข โดยหากเป็นผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 พ.ย.2565

วันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในขณะนี้กำลังเตรียมแพ็กเกจขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับหลายหน่วยงาน ในส่วนของกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอมาตรการรักษาระดับการบริโภค โดยต้องพิจารณาหลายปัจจัยด้านการบริโภคมาชั่งน้ำหนัก สำหรับโครงการ “ช้อปดีมีคืน” นำกลับมาใช้ใหม่ในลักษณะเป็นแบบไฮบริด เพื่อผู้ใช้สิทธิ์ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีคืน โดยต้องมีส่วนในเรื่องการออกค่าใช้จ่ายร่วมด้วย ยอมรับว่าต้องเพิ่มวงเงินบ้างเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับเงินช่วยเหลือ เพราะกระทบต่อรายได้เข้าคลัง ต้องจัดหาเพิ่มอีก 9 หมื่นล้านบาทในปี 66 ซึ่ง “ช้อปดีมีคืน” ต้องนำมาออกในช่วงต้นปี 66 ตามปีบัญชีภาคเอกชน เพื่อให้การใช้จ่ายเกิดขึ้นในปี 66 เพราะเศรษฐกิจในปี 65 คาดว่าเป็นไปตามเป้าหมายร้อยละ 3-3.5 เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายในต้นปีหน้า

มีรายงานว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอบใหม่ในช่วงปลายปี 2565 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชน ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มีหนังสือประทับตรา ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว 463 ลงวันที่ 21 ต.ค.2565 เรื่อง การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2566 ให้แก่ประชาชน ไปถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กระทรวง กรม โดยระบุตอนหนึ่งว่า แผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริง ไม่ขัดต่อกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง หรือ "คนละครึ่งเฟส 6" โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐนำแผนงาน/โครงการดังกล่าวเสนอต่อ ครม.โดยเร็ว ภายในวันที่ 29 พ.ย.2565 เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง