‘เพื่อไทย’ ขว้างงูไม่พ้นคอ! ออกแถลงการณ์ตำหนิแม้ว

สบช่องขายชาติ เพื่อไทยขว้างงูไม่พ้นคอ  ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการซื้อที่ดินของคนต่างด้าวที่กำเนิดในยุครัฐบาลทักษิณ อ้างรัฐบาลต้องช่วยเหลือคนไทยที่ยังไม่มีบ้านมากกว่า ขณะที่ "แม้ว" ซื้อบ้านทั้งลอนดอน ดูไบ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 พรรคเพื่อไทย (พท.)  ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎกระทรวงเรื่อง การซื้อที่ดินของคนต่างด้าวที่รัฐบาลผลักดัน โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยวิตกกังวลและไม่เห็นด้วยกับร่างกฎกระทรวงที่รัฐบาลจะออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อให้คนต่างด้าวถือครองที่ดินในประเทศไทยได้ เนื่องจากการถือครองที่ดินของคนต่างด้าว จะมีผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยอย่างกว้างขวาง

แทนที่จะคำนึงถึงการช่วยเหลือคนไทยจำนวนมากที่ยังไม่มีบ้านและที่ดินเป็นของตัวเอง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ที่ลูกหลานเติบโตขึ้นมาจะต้องซื้อบ้านและที่ดินในราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น จากกลไกการตลาดเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า เนื้อหาของกฎกระทรวงปี 2545 ในเรื่องเดียวกันนั้น มีเนื้อหาที่เข้มงวดและกำหนดเงื่อนไขที่คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ยากกว่า

โดยพรรคมีความเห็นดังนี้

1.การออกกฎกระทรวงในปี 2545 นั้น มีบริบทที่แตกต่างกับปี 2565 เนื่องจากรัฐบาลในปี 2545 ภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทย เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศในปี 2544 ภายหลังวิกฤตต้มยำกุ้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และประเทศไทยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ตามข้อตกลงที่มีกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ต้องแก้ไขกฎหมายในบางเรื่อง และชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่การจะออกกฎกระทรวงของรัฐบาลขณะนี้ เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลตนเอง ถือว่าเป็นหลักฐานชี้ชัดถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลนี้

2.พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการลดเงื่อนไข ให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ง่ายขึ้นในร่างกฎกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นการลดเงื่อนไขระยะเวลาการลงทุนลงจาก 5 ปี เหลือ  3 ปี และการเพิ่มประเภทและทางเลือกในการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดการลงทุนในภาคธุรกิจที่แท้จริง สร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทย แต่กลับเปิดโอกาสให้นักลงทุนในตลาดการเงินที่เข้ามาหาประโยชน์ระยะสั้น และถอนทุนออกไปได้โดยง่าย โดยไม่มีพันธะต่อประเทศไทย มีโอกาสได้สิทธินี้

3.ทุกคนมีหน้าที่รักษาทรัพยากรที่ดินไว้ให้ลูกหลานไทยในอนาคต แต่รัฐบาลล้มเหลวในการเข้าใจเจตนารมณ์สำคัญนี้ และดำเนินการในทางตรงข้าม ถ้ารัฐบาลนี้เดินหน้าออกกฎกระทรวงที่มีเนื้อหาตามที่มีมติคณะรัฐมนตรี  (ครม.) พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าคัดค้าน

ถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนไปเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงเรื่องการซื้อที่ดินของคนต่างด้าว ให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งมีเงื่อนไขที่เข้มงวด ดังจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ใช้บังคับมา มีการถือครองที่ดินตามกฎกระทรวงดังกล่าวไม่กี่รายเท่านั้น ซึ่งถือว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายฉบับนั้นแล้ว

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความว่า "เมื่อประชาชน ไม่ต้องการแลกเงินลงทุนจากต่างชาติกับผืนแผ่นดินไทย สละไม่เอาเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และสละได้แม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้ลูกหลานเรา อย่างที่บรรพบุรุษไทยเคยทำกันมา

อนาคต...ถึงลูกหลานจะสามารถอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย แต่มันคือการ...เช่า...ที่มีนายกกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นต่างชาติ จึงขอให้นายกด้วยโปรดฟังเสียงประชาชน จากใจสลิ่มชื่อปารีณา ที่จะเป็น fc พลเอกประยุทธ์ตลอดชีวิต #รักเธอประเทศไทย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นยุครัฐบาลทักษิณ  ชินวัตร ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ รวมทั้งการศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาติ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทยด้วย และการเตรียมออกกฎหมายเปิดช่องให้เช่าที่ดินรัฐ 99 ปี  

นโยบายนี้ปัจจุบันใช้กันทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น มีคนไทยไปซื้อบ้านในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เช่นนายทักษิณเองก็ซื้อบ้านที่ลอนดอน ดูไบ ขณะที่ดาราดังบางคนซื้อบ้านที่ญี่ปุ่นมากกว่า 1 หลังแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคร่วมฯ เพียงเห็นชอบเชิงหลักการ รัฐบาลเล่นกลแจกเงินหมื่น หาเสียงนิยมให้พท.

'จตุพร' ซัดรัฐบาลเล่นกลซ่อนเจตนากู้เงินแจกหมื่น เชื่อปั่นความหวังเคลมดิจิทัลหาเสียงนิยมให้เพื่อไทย แต่ ปท.ชิบหายแบกหนี้ก้อนโต ชี้พรรคร่วมฯ เพียงเห็นชอบเชิงหลักการเท่านั้น

จับตา ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ '1ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์' ผ่าน THACCA

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า