ส.ส.หายหัว!สภาล่ม เปิดประชุมแค่3วัน/‘พท.’ชงเลิกถกรับผู้แทนกลัวสอบตก

งามไส้! เปิดประชุมสภาได้แค่ 3 วัน ทั่นผู้ทรงเกียรติโดดร่มเป็นทิวแถวทำองค์ประชุมล่ม พปชร.อ้างเป็นช่วงงานบุญ ส่วนเพื่อไทยแนะเลิกประชุมวันศุกร์ เพราะกลัวสอบตก “เสกสกล” จี้ถาม พท.ถึงจุดยืนมาตรา 112 และเรื่องสถาบัน “อนุทิน” ลงหนองคายลั่น “เว้าแล้วเฮ็ด” สมคิดยกทีมลุยอุบลฯ โวทำงานมา 12 ปีตั้งแต่ยุคแม้วถึงตู่ เตรียมเปิดนโยบายช่วยคนอีสาน

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 3 มีการพิจารณาวาระรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องญัตติเพื่อพิจารณาศึกษาสอบหาข้อเท็จจริงกรณีการปิดอ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่  โดยมีสมาชิกแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนกระทั่งเวลา 12.15 น. เมื่อสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้นจึงต้องลงมติว่าจะเห็นด้วยกับการศึกษาหรือไม่ จึงต้องตรวจสอบองค์ประชุมก่อนการลงมติ

โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธาน ได้กดออดเรียกสมาชิกเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่สมาชิกในห้องประชุมยังบางตา ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) สอบถามว่าหากไม่ครบองค์ประชุม ไม่สามารถลงมติได้ วาระนี้จะยังค้างอยู่หรือไม่ นายสุชาติชี้แจงว่า วาระนี้ก็ยังอยู่ หากยังไม่มีการลงมติ สัปดาห์หน้าก็มาพิจารณาลงมติต่อ และขอให้โหวตไปตามข้อบังคับ

เมื่อรอสมาชิกไปอีกระยะหนึ่ง นายสุชาติระบุว่า ขอให้ ส.ส.ที่อยู่ต่างจังหวัดรีบจองตั๋วกลับลงพื้นที่ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลุกขึ้นถามว่าจะให้จองตั๋วตอนนี้เลย หรือให้จองตั๋วตามกรอบที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ วางไว้ นายสุชาติกล่าวตอบว่า จองได้เลย

จากนั้น นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. กล่าวว่า ต้องขออภัยประชาชน เป็นเรื่องการประชุมกรณีพิเศษ ช่วงนี้สมาชิกติดภารกิจงานบุญ งานกฐิน ทำให้มาประชุมกันน้อย

ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า จริงๆ วันศุกร์ ถ้าไม่จำเป็นจริง ไม่อยากให้มีการประชุม ควรงด เพราะว่าปลายสมัยแล้ว และนายกฯ ก็ทำท่าเหมือนจะยุบ-ไม่ยุบๆ  ส.ส.ก็เป็นห่วง ท่านประธานเป็นผู้แทนฯ มาหลายสมัย ก็รู้ว่าปลายสมัยแล้วปัญหาจะเกิด ทุกคนอยากกลับพื้นที่ โดยเฉพาะผู้แทนฯ ใหม่ๆ ทั้งสองฝ่าย

“ตอนนี้สังเกตดู คุณภาพของการประชุมสภาวันศุกร์ เราไม่ได้คุณภาพอะไรเลย บ่ายโมงบ่ายสองก็เริ่มกลับกันแล้ว เพราะเครื่องบินเริ่มบินบ่ายสองบ่ายสาม  ไปถึงบ้านก็ค่ำ และนั่งรถร้อยกว่ากิโล กว่าจะถึงพื้นที่ ทุกคนก็มีภาระ และคิดอีกว่าวันที่ 24 ธ.ค. เอาอย่างไรกันแน่ ยุบหรือไม่ยุบ นายกฯ ก็ไม่ตอบ รอเอเปกก็ไม่ใช่ ทุกคนก็รักตัวกลัวตายกับสอบตกทั้งหมด ผมว่ายกเลิกเถอะการประชุมวันศุกร์  ผมไม่ได้ขี้เกียจ ขอให้ทีมประธานสภาฯ ไปหารือกันใหม่ ประชุมแค่พุธ พฤหัสฯ ก็เต็มที่แล้ว” นายครูมานิตย์กล่าว

จากนั้นเวลา 12.23 น. นายสุชาติ กล่าวประกาศผลการแสดงตน องค์ประชุมมีแค่ 183 คน ยังห่างไกลจาก 238 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงสั่งปิดการประชุมทันที

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ตอบโต้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหารในปี 2557 และยังคงสืบทอดอำนาจมาได้ถึง 8 ปีวันนี้ คือผลจากความล้มเหลวในการปกป้องประชาธิปไตยว่า เป็นแค่ความคิดของนายธนาธรและพรรคพวกเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนเองก็รับรู้และรับทราบความจริงหมดแล้วว่า นายกฯ เข้ามาเพื่อรักษาความสงบและขจัดความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเอง ต่อมาก็มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย นายกฯ ก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามปกติ และเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่พรรคพวกนายธนาธรต่างหาก ที่ปรากฏภาพตามสื่ออยู่หลายครั้งว่าเข้าไปร่วมกับม็อบบนท้องถนน ม็อบจาบจ้วงสถาบันอยู่หลายครั้งหลายคราใช่หรือไม่

จี้ถามจุดยืนเพื่อไทย

“การเลือกตั้งสมัยหน้า คือโอกาสสำคัญที่คนไทยจะแสดงให้นายธนาธรเห็นว่า ไม่ใช่แค่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศรับไม่ได้กับการจาบจ้วงสถาบันเท่านั้น แต่ประชาชนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจบเครือข่ายธนาธร ไม่สนับสนุนพวกที่อยู่เบื้องหลังม็อบจาบจ้วง รวมถึงพวกออกหน้าประกันตัวให้กับแกนนำเหล่านี้ด้วย” นายธนกรกล่าว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการเลือกตั้งทั่วไป การเสนอบุคคลผู้มานั่งตามบัญชีของพรรคการเมืองทุกพรรค สามารถเสนอบุคคลภายนอกได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 ซึ่งเท่าที่ทราบพรรคการเมืองอื่นไม่มีพรรคไหนสับขาหลอกเหมือนพรรค พท. โดยเฉพาะจะจับไต๋ รู้ทัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องการดันบุตรสาวอุ๊งอิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย วางตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ลำดับหนึ่ง แต่โยนหินถามทาง ลักษณะเอาเศรษฐกิจนำหน้าในนโยบายหาเสียง โดยนำนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วางเป็นแคนดิเดตนายกฯ ลำดับหนึ่ง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าภาคอีสาน หากนำเสนอนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ทางภาคอีสานขายไม่ได้

“การเอาบุตรสาวมานั่งตำแหน่งดังกล่าว ระวังจบไม่สวยเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ  น้องสาว ไหนว่า 49 วันนารีขี่ม้าขาว ที่ไหนได้เผ่นแน่บหนีเอาตัวรอด ทิ้งลูกน้องติดคุกติดตะราง ระวังลูกสาวจะมีชะตากรรมเดียวกันกับพ่อและอาก็แล้วกัน คงต้องหาซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ไว้รอต้อนรับอีกหลังเป็นแน่” นายเสกสกลกล่าว และว่า จะสับขาหลอกหรือจะวางตัวโยนหินถามทาง ยังไงโอกาสแลนด์สไลด์ยังมืดมน ที่จริงพรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ชัด ที่พรรคก้าวไกลถามมาก่อนว่าจะยืนเคียงข้างพรรคก้าวไกลแก้กฎหมายมาตรา 112 และปฏิรูปสถาบันหรือไม่

ส่วนที่เวทีกลางลานนาคาเบิกฟ้า อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมแกนนำพรรค ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย 3 คน โดยนายอนุทินกล่าวว่า ถ้าเลือกผู้สมัครทั้ง 3 จะได้ทั้งพรรค ภท. ที่มีสโลแกนพูดแล้วทำ หรือเว้าแล้วเฮ็ด เราทำให้บุรีรัมย์เจริญแล้ว แต่จะทำให้หนองคายเจริญกว่า จึงขอกราบให้คนหนองคาย เลือกคนหนองคายมาพัฒนาหนองคาย

เพื่อไทยมั่นใจกวาด ส.ส.ใต้

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงพรรคการเมืองประกาศช่วงชิงที่นั่งในภาคใต้ว่า เป็นธรรมดาที่ทุกภาคก็ต้องมีทุกพรรค ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งเกือบทุกสมัย ก็มีหลายพรรคการเมืองที่ลงไปแข่งขัน แต่ ปชป.ก็ยังผูกพันกับคนภาคใต้อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ เพียงแต่บางครั้งเราได้มากบ้าง น้อยบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่มั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิมในพื้นที่ภาคใต้

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กรรมการยุทธศาสตร์พรรค พท. กล่าวว่า พรรคได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนพื้นที่ภาคใต้มาก และคาดว่าจะได้ ส.ส.ไม่น้อย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตกใจ พี่น้องคนใต้ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการอยู่ในสภาพนี้ 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรค พท. ระบุว่า ขอเตือนไปยังรัฐบาล อย่าลักหลับในช่วง 4 เดือนสุดท้าย ไม่ว่าจะวางแผนยุบสภาหรือไม่ หรือแม้กระทั่งที่บอกว่าจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค. ซึ่งไม่สบายใจอย่างยิ่งที่เมื่อวันที่ 3 พ.ย.มีสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลพูดต่อกรรมาธิการว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาภายในเดือน ธ.ค.นี้ โดยไม่รออยู่ครบวาระ เนื่องจากมีเงื่อนไข 180 วัน เพราะหากยุบสภาก่อนต้องไปใช้อีกกฎหมายหนึ่ง

“ถ้าท่านนายกฯ มั่นใจ ก็ขอให้ลงสมัครเป็นเบอร์หนึ่งของพรรค พปชร.ไปเลย แล้วพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ก็รบกวนเบาๆ เรื่องการทะเลาะกันหน่อย ผมอยากเห็นท่านปรองดองกัน และทำนโยบายที่ขี้โม้ไว้ตั้งแต่ต้นหลายอย่างให้สัมฤทธิผลกับพี่น้องประชาชนในช่วง 3-4 เดือนสุดท้าย” นายจิรายุกล่าว

วันเดียวกัน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) พร้อมผู้บริหารพรรค เดินทางไปกราบนมัสการพระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนารามวรวิหาร หรือวัดป่าใหญ่หลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ (วัดป่าใหญ่) จ.อุบลราชธานี ก่อนลงพื้นที่พบประชาชน

สมคิดโวทำงานมา 12 ปี

โดยนายสมคิดกล่าวตอนหนึ่งว่า ไม่ได้มาหาเสียง ไม่เลือกก็ไม่เป็นไร แต่คิดมาโดยตลอดว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างไร ทำงานมาตลอดตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ไม่เคยสนใจตำแหน่ง ตั้งแต่จำนำข้าว จนมาถึงยุคโครงการสมาร์ทฟาร์มเมอร์รวม 12 ปี รวมเป็นเงินช่วยเหลือไม่รู้กี่แสนล้านบาท ที่ผ่านมาน้ำท่วม เราไม่โทษใคร แต่ต้องเริ่มกันใหม่ ไม่ใช่ว่าจะพูดแต่ว่าใครเป็นนายกฯ เป็นเรื่องงี่เง่า แต่ต้องบอกว่าใครจะทำจริง ไม่ใช่เป็นนายกฯ แล้วเท่ แต่ชาวบ้านไม่มีกิน ถามว่าจะเป็นไปทำไม

นายสมคิดกล่าวอีกว่า ไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้นทุกโครงการที่ออกมาจะจริงจัง เพราะเราอยากทำ เพื่อให้คนเป็นล้านคนมีกิน ลูกเต้าไม่ต้องไปทำงานในเมืองเป็นคนใช้ให้คนดูแคลน หรือทำงานโรงงานค่าแรงก็ถูก แต่นายทุนรวยขึ้น ถ้าจะพลิกอีสานใช้เงินไม่มากหรอก ซึ่งในวันที่ 5 พ.ย. จะเปิดนโยบายของพรรค

“คนเป็นนายกฯ คำไหนต้องคำนั้น จะกลัวพรรคนั้นพรรคนี้ทำไม อยู่ไม่ได้ก็ไป  ชนะเลือกตั้งไม่มีประโยชน์ ถ้าคนทั้งประเทศไม่มีกิน นายกฯ จงใช้เวลาตราบที่อยู่ในตำแหน่งทำให้ดีที่สุด อย่าไปกลัวนักการเมือง ตอนนี้ พรรค สอท.ยังเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ก็จะโชคดีได้ที่ช่วยประชาชนได้จริง ส่วนคนที่วิจารณ์ว่าช่วยแค่คนรวย เป็นพวกผีเจาะปาก เพราะช่วยมาตั้งแต่กองทุนหมู่บ้าน”

นายสมคิดกล่าวอีกว่า เป็นนายกฯ ไม่ง่าย เป็นแล้วต้องช่วยคนจริงๆ ถ้าเป็นแล้วเท่อย่างเดียวจะเป็นไปทำไม ไม่รู้ชาตินี้จะเห็นคนอีสานดีขึ้นหรือไม่ ตราบใดยังมีลมหายใจ มีแรง ไม่ติดโควิด-19 ตายเสียก่อน จะพยายามทำให้ดีที่สุด มาพร้อมกับปรัชญาไม่ได้มาแค่สัญญา ไม่ได้มาจำนำเสียง เราไม่เอา แต่เราต้องการมาช่วย

“สมมติมีคนมาให้เงินคนละ 500 บาท รับไว้ไม่เป็นไร แต่อย่าไปเลือก เพราะ 500 บาทที่เขาให้มา หากเขาอยู่ 4 ปี หารแล้วเท่ากับว่าท่านได้เงินจากเขาซื้อกาแฟแก้วหนึ่งยังไม่ได้เลย ดั้งนั้นรับไว้ไม่เป็นไร แต่จำไว้ว่าถ้าเขาจ่ายเงินให้แปลว่ามันไม่มีของฟรี และจำไว้ว่าคนเราให้อะไรแบบนี้มีจุดมุ่งหมายแน่ๆ ผมอยู่การเมืองมานานมาก ไม่ได้บอกว่าไม่ให้รับ ไม่รับก็โง่สิ แต่เก็บไว้หยอดกระปุก ดังนั้นอยากให้เลือกพรรคที่ไว้ใจได้ทำงานได้ อย่าไปเห็นกับของเล็กๆ น้อยๆ ที่เขามาแจก” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดยังกล่าวถึงกรณีสภาให้ความเห็นชอบจัดทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาว่า เรื่องการทำให้รัฐธรรมนูญสมบูรณ์ขึ้น เคยบอกแล้วว่าการแก้ไขธรรมนูญไม่ใช่เพื่อแก้ไขระบบเลือกตั้ง เรื่องได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่ต้องพูดแล้วมันซ้ำซาก แต่จะทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญปฏิรูปประเทศไทยได้จริงๆ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจได้จริงๆ ปรับโครงสร้างการเมืองได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ว่าหาร 100 หาร 500 มันไม่เป็นสาระเลย รู้อยู่แล้วว่าจะหาร 100 หาร 500 ก็ทำให้มันเป็นสาระหน่อย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง