พี่ป้อมไม่แคร์น้องตู่ ลั่นไร้ปัญหาทิ้งพปชร./‘ปชป.’โวยอมตาย

“บิ๊กป้อม” ไม่ขัดหากลูกพรรคชงแคนดิเดตนายกฯ โยนถาม “บิ๊กตู่” ไปหรือไม่ไป แต่ไม่มีปัญหา “วิรัช-กลุ่มปากน้ำ” ย้ำไม่ทิ้งหัวหน้า “อันวาร์” จ่อซบรังประวิตร ตัดสินใจสิ้น พ.ย.นี้ “เฉลิมชัย” เมินพวกทิ้ง ปชป. ลั่นนักเลงยอมตายไม่ยอมแพ้ ประกาศเอาคืนทุกเก้าอี้

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดกิจกรรมสัมมนา ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภายใต้ชื่องาน พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ เพราะมีคุณ จึงมีพรรค โดยมีแกนนำ ส.ส. 80 คนและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร่วมงาน แต่ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า แกนนำระดับรัฐมนตรีของพรรคมาร่วมงานบางตา นอกจากนี้ยังพบว่า นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

โดยกิจกรรมช่วงเช้า ได้บรรยายเรื่องการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาบุคลิกภาพ และฝึกพัฒนาบุคลิกภาพ จากวิทยากรด้านการสื่อสารที่มีประสบการณ์ จากนั้นในช่วงบ่ายมีการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้งหัวข้อ ได้ใจชาวบ้านโดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง และหาเสียงอย่างไรให้ถูกกฎหมาย

ต่อมาในช่วงบ่าย แกนนำพรรคได้มารวมตัวกันหน้าห้องสัมมนาเพื่อรอต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. โดยระหว่างรอ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ได้เดินมาทักทายพูดคุยกับสื่อมวลชน พร้อมพูดว่า "อยากรู้ไหมว่า 8 ห้องหัวใจมีใครบ้าง ถ้าผ่าออกมาจะเห็นเลยว่า 9 ห้องหัวใจมีแต่ พล.อ.ประวิตร"

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แสดงว่าในใจมีแต่วงษ์สุวรรณใช่หรือไม่ นายวิรัชตอบว่า ในใจเท่านั้น ผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อยู่ตรงไหน ทำให้นายวิรัชพร้อมกับกลุ่ม ส.ส.พร้อมใจกันหันหน้าชี้ไปทางนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ตาม นายวิรัช ได้ย้ำกับผู้สื่อข่าวหลายรอบว่า "ในใจมีแต่ พล.อ.ประวิตร ชาตินี้ไม่คิดเป็นลูกน้องใคร

ทั้งนี้ เมื่อถามว่าหากต้องเลือกระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกใคร นายวิรัชบอกว่า "ก็ไม่อยากให้มี แต่ถ้าจำเป็นก็จะอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน และในใจมีแต่ลุงป้อมอย่างเดียวจริงๆ เพราะไปเหนือล่องใต้ก็ไปหมด เพราะอยากให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้"

จากนั้นนายวิรัชได้แต่งกลอนสดให้ว่า  ชาตินี้รักใครไม่ได้แล้ว ไม่ผ่องแผ้วมืดมิดไม่คิดหนี ทั้งชีวิตต้องคอยและชีวี พร้อมยอมพลีให้ลุงป้อมตลอดไป ก่อนที่นายกรุง ศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ จะพูดประโยคตบท้ายว่า "แต่บางทีก็ไป จันทร์โอชา" ทำให้ทั้งผู้สื่อข่าวและกลุ่ม ส.ส.ต่างหัวเราะ ก่อนที่นายวิรัชจะออกตัวว่า บทปิดท้ายนายกรุงศรีวิไลเป็นคนพูดเอง ไม่เกี่ยวกับตน

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร เดินทางมางาน พร้อมกับให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาที่ดูเหมือนเป็นการแสดงพลังความเป็นหนึ่งเดียวของ พปชร.ว่า ไม่ได้แสดง เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวมาตลอด เวลาประชุมจะมีสมาชิกมาร่วมมากมาย ไม่ต้องห่วง เราเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะมีการเช็กชื่อหรือไม่ว่าใครยังไปต่อกับพรรคบ้าง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้องถามหรอก เพราะอยู่ทุกคน ตนจะให้เขาอยู่กับตนทุกคน เขาไม่ไปไหนกันหรอก

ต่อข้อถามว่า เขายืนยันกับ พล.อ.ประวิตรแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ต้องฟังคำยืนยัน เชื่อมั่นในตัวพวกเขา เพราะเราอยู่ด้วยกัน มีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันมาโดยตลอด และไม่ต้องเรียกคนที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายพรรค ตนไม่เชื่อหรอกนะว่าใครจะไป แต่ว่าก็แล้วแต่บุคคลจะคิดอย่างไร

ไร้ปัญหา‘บิ๊กตู่’ทิ้งพปชร.หรือไม่

เมื่อถามว่า มีความชัดเจนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร. ว่าจะยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า ยังไม่ได้ประชุม ถามตนตั้งหลายทีแล้ว จะถามอะไรอีกล่ะ ถามทุกวันเลย เมื่อถามอีกว่ามีข่าวว่ามีชื่อของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พรรคยังไม่มีมติให้ใครเลย ตัวตนยังไม่มีชื่อเลย แล้วแต่พรรค  พรรคนี้จะต้องเป็นพรรคใหญ่ต่อไป จะต้องเป็นพรรคที่เข้มแข็ง เมื่อถามต่อว่า แล้วจะต้องเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้าด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็เราหวังอย่างนั้น

ถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรบอกว่า ก็แล้วแต่สมาชิกพรรค เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้มีสมาชิกเหมือนจะหนุนให้หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่งของพรรค พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อันนั้นไม่รู้ ไม่ทราบ ซักว่าแบบนี้ต้องคุยให้ชัดเจนหรือไม่ว่าใครจะอยู่อันดับไหนระหว่างลุงตู่กับลุงป้อม พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่า “ยังไม่ได้คุยกันเลย ความจริงลุงตู่ก็ไม่ได้อยู่ใน พปชร.อยู่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเสนอให้มาเป็น เราสนับสนุนให้ลุงตู่มาเป็น”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปพรรคอื่น ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์เรื่องนี้หรือไม่ หัวหน้าพรรค พปชร.ตอบว่า “อันนี้ต้องไปถามตัวท่านนายกฯ ประยุทธ์ดูนะครับว่าท่านจะไปหรือไม่ไป ของเราไม่มีปัญหา” เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องห่วงๆ 

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้กล่าวในงานสัมมนาตอนหนึ่งว่า คนที่ผ่านการกลั่นกรองคัดเลือกเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ต้องภูมิใจที่มีคุณสมบัติของพรรค ได้รับเลือก ขอให้ขยันลงพื้นที่ ดูแลประชาชนอย่างจริงจังและใกล้ชิดให้มากที่สุด ส่วน ส.ส.เก่าจะได้สิทธิ์ลงสมัครได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกรรมการสรรหา เพราะถือว่าผ่านการทำงานให้พรรคมาตลอด 4 ปี ย่อมรู้ว่าพรรคดำเนินการอย่างไร ให้ประโยชน์และเสียประโยชน์อย่างไร ขอให้ทุกคนลงพื้นที่ตั้งแต่ตอนนี้ อย่าชักช้าให้ลงพื้นที่ เพราะถึงอย่างไรก็เลือกตั้งแน่นอน ไม่มีทางเป็นได้ที่จะเป็นอย่างอื่น

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีมีข่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ว่า เรื่องแคนดิเดต หรือใครจะมาอยู่กับพรรคถึงเป็นสิ่งดี หากทุกคนมีความตั้งใจที่จะพัฒนา พรรคเราเปิดกว้างให้คนที่มีความสามารถและมีศักยภาพ มีความน่าเชื่อถือ อย่าว่าแต่พล.ต.อ.จักรทิพย์ แต่มีนักวิชาการ นักลงทุน ที่ยังไม่พร้อมลงเลือกตั้ง แต่ขอเข้ามาเป็นที่ปรึกษา เข้ามาเป็นแบ็กอัพให้เราจำนวนมาก

นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พปชร. กล่าวถึงความชัดเจนของกลุ่มปากน้ำในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า  ส.ส.สมุทรปราการยังคงอยู่ร่วมงานการเมืองกับ พปชร. เพื่อเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งให้กับพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ยืนยัน วันต่อมาย้ายพรรค ทำให้นายกรุงศรีวิไลตอบกลับทันทีว่า แล้วแต่ลูกพี่เอ๋ (ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม) ต้องพูดให้ชัดแบบนี้ เพราะไม่อยากโกหก และไม่มีลูกเล่น

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. กล่าวถึงกรณีเคยแสดงความเห็นว่าชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ขายไม่ได้แล้วว่า ยืนยันว่าไม่ได้หมายความแบบนั้นทั้งหมด เพราะที่ภาคใต้พบว่ายิ่งอยู่นานกระแสยิ่งดี คนยิ่งชอบ แต่ในส่วนของจังหวัดนครสวรรค์ พบว่ากระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ลดลง เนื่องจากอยู่มานานหลายปี ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นั้น เป็นไปไม่ได้ พนันโต๊ะจีนหนึ่งโต๊ะว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ไปไหน ต้องเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เพียงพรรคเดียว ไม่ไปพรรคอื่น เพราะการเมืองไม่อยู่ในความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เล่นการเมือง ในฐานะที่ตนอยู่การเมืองมานาน มองว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์มา พปชร. คือมาช่วยดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้เพียง 2 ปี และตอนนี้ ส.ว.ช่วยได้แค่ครั้งเดียว

“นอกจาก ส.ว.หมดวาระแล้ว ผมมองว่า ส.ส.ไม่สามารถสั่งได้ จึงต้องประเมินว่าจะเอา 2 ปีหรือ 4 ปี ในความคิดของผม พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นพี่น้องที่มีความแนบแน่นเสมือนคนคนเดียวกัน ไม่ใช่นายกฯ คนละครึ่ง ทั้ง 3 ป.ยังเหนียวแน่น ไม่มีทางแยกกันได้ ข่าวที่ออกมามั่ว เพราะเพียงแค่ไปจับเอาคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ว่าใครจะไปก็ไปมาตีความ ซึ่งความจริงแล้วหมายถึง ส.ส. ไม่ได้หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผมเองก็ยังอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ที่ พปชร. ช่วย พล.อ.ประวิตร” นายวีระกรระบุ

‘อันวาร์’จ่อซบพรรคป้อม

ขณะที่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเดินทางมาสังเกตการณ์การสัมมนาของ พปชร. ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตรได้พูดถึงตนในพื้นที่ และได้ให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล มาพูดคุยถึงเงื่อนไข และส่วนตัวได้คุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้ว ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ พล.อ.ประวิตรบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปฏิบัติได้ พร้อมกับแจ้งกับตนว่าวันนี้จะมีการสัมมนาของพรรค อยากให้เข้ามาดูบรรยากาศการสัมมนาของพรรคว่าเป็นอย่างไร

นายอันวาร์กล่าวว่า ก่อนที่เราจะไปที่ไหนก็แล้วแต่ การได้รู้ข้อมูลมากที่สุดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนและประชาชน ตนไม่อยากล้มเหลว และไม่อยากเปลี่ยนพรรคไปเรื่อยๆ การทำงานของตนที่เคียงข้างประชาชน ทำถูกให้ถูก ทำผิดให้ผิด และเท่าที่ดู พปชร.ไปกับตนได้ ซึ่งการได้มาฟังในวันนี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำกลับไปเพื่อพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เพื่อขอมติประชาชนว่าตนควรจะอยู่พรรคไหน โดยจะไปพูดกับประชาชนประมาณสิ้นเดือน พ.ย.นี้

ถามว่า กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้แล้วหรือไม่ นายอันวาร์ตอบว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่าคงไม่ได้สังกัดพรรคนี้แล้ว และขอบอกได้เลยว่าสมัยหน้าตนไม่ได้อยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้ว

ส.ส.ปัตตานีรายนี้ระบุว่า มีหลายพรรคทาบทามตน ทุกพรรคมีสิ่งดีๆ เพียงแต่ละพรรคอาจจะแตกต่างกัน แต่ในส่วนของเงื่อนไขของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตนจะต้องตัดสินใจคือ 1.ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.อุตสาหกรรมฮาลาล 3.อาชีพหลักของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 เรื่องนี้ หากพรรคไหนมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะทำ ถือว่าได้ตนไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนอีกครึ่งแล้วต้องดูว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาล เพราะตนต้องบอกว่าการที่จะผลักดันโครงการต่างๆ ในพื้นที่ให้สำเร็จต้องเป็นแกนนำรัฐบาล การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบางครั้งยังทำไม่ได้เลย

เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคที่สังกัดจะต้องมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอันวาร์ยอมรับว่า “แน่นอน ต้องเป็นแกนนำด้วยนะครับ ไม่เอานะครับพรรคแกนนอน นอนอย่างเดียวแล้วทำอะไรไม่ได้ ผมไม่เอาแล้ว” ซักว่าดูตัวแคนดิเดตนายกฯ จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์หรือ พล.อ.ประวิตรด้วยใช่หรือไม่ นายอันวาร์ บอกว่า ดูทั้งหมด สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ตนมองว่าบางคนมีอำนาจรัฐสามารถเป็นผู้นำรัฐบาลได้ แต่บางคนไม่มีอำนาจรัฐ แต่มีบารมี และถ้ามีอำนาจรัฐเข้าไปอยู่กับคนบารมี ยิ่งทำให้เขามีภาพพจน์ที่ดีได้

“อย่างท่านป้อมต้องยอมรับว่าช่วงที่รักษาการนายกฯ มีภาพเชิงบวกเยอะมาก เป็นปัจจัยหนึ่งว่าการจะทำให้มีภาพการเป็นผู้นำที่ดีเป็นที่ยอมรับของคนและประชาชนเข้าถึงได้อย่างลุงป้อม ไปในพื้นที่ไหนก็มีชาวบ้านเข้ามากอด ห้อมล้อม ไม่มีการอารักขาใดๆ ตรงนี้ถือเป็นจุดหลักที่ดี” นายอันวาร์ระบุ

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากสำนักงาน กกต.แจ้งว่า นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม นักแสดงและศิลปินชื่อดัง ได้แจ้งต่อ กกต. ขอลาออกจากสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งให้พรรคทราบอย่างเป็นทางการ โดยมีรายงานด้วยว่า อาจเข้าสมัครสมาชิกพรรค พปชร.หลังปรากฏภาพเดินตามหลังนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค พปชร.

ปชป.ขอเอาคืนทุกพื้นที่

เมื่อวันศุกร์ มีความเคลื่อนไหวในพรรคประชาธิปัตย์ หลังมีกระแสข่าว ส.ส.ทยอยย้ายออกจากพรรค โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อน ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ เข้ามอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจให้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัยกล่าวกับเพื่อนสมาชิกว่า พร้อมที่จะสู้เต็มที่ ต่อไปนี้จะรักษาศักดิ์ศรีพรรค พรรคประชาธิปัตย์ไม่เกรงใจใครแล้ว จะนำ ส.ส.กลับมาให้มากที่สุด ขอให้มั่นใจพรรคเราซื่อสัตย์สุจริต และทำงานเพื่อประชาชนเต็มที่ คนที่ดูดจากพรรคประชาธิปัตย์ไปจะละอาย และตนจะเอากลับคืนทุกที่นั่ง ขอให้เราทุกคนสามัคคี การเมืองกำลังเข้มข้น หลังจากนี้จะเดินหน้าเต็มที่

"นายเฉลิมชัยยังบอกอีกว่า ตอนนี้ผมเป็นเลขาธิการพรรคที่มีความพร้อมจะสู้ศึกมากที่สุด คนอย่างผมนักเลง ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อสมาชิก ผมจึงกล่าวว่า เมื่อเลขาฯ ทุ่มหัวใจให้กับพรรค พวกเราพร้อมสามัคคีกันมอบหัวใจให้ท่านเลขาฯ ขอให้สู้ๆ ประชาธิปัตย์สู้ตาย" นายชินวรณ์กล่าว

ส.ส.นครศรีธรรมราชรายนี้กล่าวว่า ถือโอกาสเล่าประสบการณ์เมื่อ 35 ปีที่ผ่านมาว่า ได้มีโอกาสสมัครเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราชครั้งแรกในปี 31 เพราะเกิดความแตกแยกภายในพรรคครั้งใหญ่ที่สุด เกิดกลุ่ม 10 มกรา ที่นำโดยนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์, นายวีระ มุสิกพงศ์ และคณะ โดยอ้างว่าพรรคไม่มีอุดมการณ์ พรรคจะสูญพันธุ์ และบางคนบอกว่าต้องไปต่อลมหายใจ คล้ายๆ ยุคนี้ ทำให้ตนลงเลือกตั้งครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ ต้องต่อสู้กับพรรคประชาชนที่แยกตัวไปตั้งใหม่ ในเขตพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ชนกับระดับบิ๊กเนม เช่น พล.อ.หาญ ลีนานนท์, นายถวิล ไพรสณฑ์ เป็นต้น

เขาบอกอีกว่า ในที่สุดพรรคเหล่านั้นล้มหายตายจาก คนที่ละทิ้งอุดมการณ์ไม่พบว่าใครประสบความสำเร็จ ตนยังยึดมั่นอุดมการณ์อย่างมั่นคง แข่งขันกันภายในพรรค แพ้บ้าง ชนะบ้าง ถกเถียงทางความคิดที่รุนแรงกันบ้าง ถือว่าเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค

นายชินวรณ์ระบุว่า ขอให้กำลังใจทุกคนว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังผลัดใบ และออกดอกออกผลต่อไป ที่สำคัญเรายึดมั่นในอุดมการณ์ ยึดมั่นในประเทศ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม มีความสามัคคี ประชาชนจะไม่ทิ้งเรา เพราะพรรคของเราเป็นของประชาชน ทำเพื่อประชาชน

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อได้ตัดสินใจไปแล้ว  ทางพรรคต้องยอมรับและเดินหน้าหาคนใหม่ๆ ที่มีใจและอุดมการณ์เดียวกันกับพรรค อย่างไรก็ดี ตนมีความรู้สึกเสียดายที่หลายๆ คนออกไปจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยแต่ละคนมีเหตุผลแตกต่างกันไป ตนอยากจะบอกว่าหลายพรรคที่ย้ายไป บางพรรคตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนคนหนึ่งมีอำนาจ พอหมดอำนาจก็หมดจุดขาย บางพรรครู้กันดีว่าถูกครอบงำให้ต้องทำตามคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ยังบงการอยู่ต่างประเทศ บางพรรคที่ย้ายไปอาจจะคิดว่าอยู่พรรคนี้แล้วตัวเองจะไม่เป็นฝ่ายค้านแน่ๆ ดังนั้นขอให้โชคดีในสิ่งที่ได้เลือกในเส้นทางการเมืองข้างหน้า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองต้องมีการส่งเสริมคนใหม่ๆ ให้ได้รับเลือกตั้งทดแทนคนเก่าที่ออกไป

นายชัยชนะยังกล่าวว่า การที่ประชาชนและสื่อมวลชนกังวลว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์มีเลือดไหลออกตลอดเป็นระยะๆ โดยเฉพาะแกนนำสำคัญ หรือ ส.ส.ที่การันตีคะแนนเสียงให้กับพรรคออกไปแล้ว พรรคจะไม่สามารถดำรงสถานะเป็นพรรคการเมืองหลักได้นั้น อาจจะเป็นการมองในมุมมองที่ยึดตัวบุคคลที่เป็นผู้นำพรรค จนลืมไปว่าพรรคการเมืองที่ดีจะต้องมีความต่อเนื่องในการทำงานให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้มีการถ่ายเลือดใหม่เพื่อเป็นการทดแทนเลือดเก่าที่ออกไป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์คุ้นเคยอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มากเท่ากับที่เกิดขึ้น จนนำมาซึ่งความวิตกกังวลของประชาชนและสื่อมวลชนที่ตั้งข้อสังเกตในเวลานี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง