20จุดห้ามชุมนุม ศูนย์สิริกิติ์-รร.ที่พักผู้นำเอเปกพื้นที่ปลอดม็อบ

"บิ๊กตู่" โพสต์ประชุมเอเปกช่วงเวลาสำคัญของไทยโชว์บทบาท หวังสร้างประโยชน์ประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ  การค้า การลงทุน ท่องเที่ยว ขอคนไทยภาคภูมิใจ ร่วมกันต้อนรับแขกสู่ประเทศ  นายกฯ เซ็นประกาศห้ามชุมนุม 20 แห่ง   ศูนย์ประชุมสิริกิติ์และโรงแรมสถานที่พำนักผู้แทนประเทศ

            เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha" ระบุว่า เรียนพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้านี้ จะมีผู้นำและผู้แทนจากทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกและประเทศอื่นๆ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก 2565 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง นับเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศไทยที่ทั่วโลกจะมองมาที่เราในฐานะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีบทบาทนำในการร่วมกำหนดนโยบายและบรรทัดฐานทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก

            เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถร่วมภาคภูมิใจได้ว่า ประเทศไทยของเราได้เดินหน้า และได้รับการยอมรับในด้านต่างๆ ในระดับโลก ทั้งเรื่องการเป็นหนึ่งในประเทศที่บริหารจัดการสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุดในโลก และล่าสุด เมื่อวานนี้ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากองค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น (Japan Credit Rating Agency) ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยขึ้นเป็นระดับ A ซึ่งรวมถึงปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้สกุลเงินบาท ขึ้นเป็นระดับ A+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

            ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่ทำงานในบทบาทหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยยึดที่ผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาวเป็นสำคัญ

            ผมขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันต้อนรับแขกผู้มีเกียรติสำคัญสู่ประเทศไทยของเรา และหวังว่าการประชุมเอเปก 2022 ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะยิ่งสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยเพิ่มเติมในหลายๆ ด้าน ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอีกด้วย

            ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแอมเนสตี้เผยแพร่เอกสารในลักษณะมีเป้าประสงค์ในการเคลื่อนไหวคัดค้านขัดขวางการประชุม APEC 2022 และเครือข่ายราษฎร ประกาศเตรียมก่อม็อบประท้วงคู่ขนาน วันที่ 16-18 พ.ย. ว่า การกระทำของแอมเนสตี้เป็นการพิสูจน์แล้วว่าองค์กรนี้ไม่หวังดีกับประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่มาอาศัยประเทศนี้อยู่  แต่กลับสนับสนุนกลุ่มที่อยากทำลายประเทศ

            นายเสกสกลกล่าวว่า ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าการประชุมนี้มีความสำคัญที่ทุกคนจะร่วมกันทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19  ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้ และไทยจะได้แสดงความพร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้โลกได้เห็น

            นายกฯ ยังขอความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วนสนับสนุนการดำเนินการในการประชุมเอเปก อย่าทำให้ประเทศชาติเสียหาย และกลุ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหวควรจะรู้บทบาทหน้าที่ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใคร เป็นเรื่องของประเทศชาติ

            นายเสกสกลกล่าวว่า ขอประณามแอมเนสตี้และกลุ่มที่คิดจะออกมาเคลื่อนไหวในช่วงการประชุมเอเปก ให้หยุดเล่นทำลายบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองได้แล้ว ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวจะมีผู้นำจากหลายประเทศเข้ามา รวมถึงการประชุมเป็นเรื่องดี ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนอย่างมาก นอกจากนี้ตนยังขอให้ประชาชนคนไทยช่วยติดตามดูพฤติกรรมของแอมเนสตี้ที่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย แต่กลับมีพฤติกรรมที่จะทำลายบ้านเมืองเรา สมควรที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนไทยหรือไม่

'ห้ามชุมนุม' 20 แห่ง

            "คนไทยไม่ต้องการให้องค์กรจากนอกประเทศมาทำลายประเทศไทย คนไทยอยากเห็นการประชุมเอเปกในครั้งนี้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยด้วยดี นี่คือหน้าตาของประเทศไทย ภาพพจน์ที่ดีในสายตาชาวโลก อย่าคิดมาทำลายประเทศไทย ช่วยหยุดพฤติกรรมเลวๆ นี้ อย่าได้คิดร้ายต่อประเทศไทย คิดทำลายประเทศไทยเลย พวกเราชาวไทยต้องการความสงบสันติ และความร่วมมือให้เกิดบรรยากาศการประชุมเอเปกผ่านไปด้วยความเรียบร้อย" นายเสกสกลกล่าว

            วันเดียวกันนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่ตามนัยมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 โดยที่การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานที่ตามนัยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จึงสมควรกำหนดสถานที่ในการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และสถานที่พำนักของผู้แทนประเทศในการเข้าร่วมประชุมดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับองค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ.2561 เป็นสถานที่ตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558

            นายกรัฐมนตรีจึงออกประกาศให้สถานที่และถนนบริเวณอาณาโดยรอบสถานที่ตามแนบท้ายประกาศนี้ ให้เป็นสถานที่ตามนัยมาตรา 8 (5) ตั้งแต่วันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565

            ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางระเบียบหรือคำสั่งกำหนดหลักเกณฑ์และพื้นที่ถนน และบริเวณอาณาโดยรอบของสถานที่ตามประกาศ และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศนี้ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

            สำหรับแนบท้ายประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดสถานที่ตามนัยมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558

            1.สถานที่จัดการประชุมระหว่างประเทศภาครัฐ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

            2.สถานที่พำนักผู้แทนประเทศในการประชุมระหว่างประเทศภาครัฐ 2.1 โรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ผู้แทนบูรไน 2.2 โรงแรมอนันตรา สยาม ผู้แทนสหรัฐอเมริกา 2.3 โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ผู้แทนสิงคโปร์ 2.4 โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ผู้แทนนิวซีแลนด์ 2.5 โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ผู้แทนเปรู

            2.6 โรงแรมดิ แอทธินี ผู้แทนไต้หวันและเวียดนาม 2.7 โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ผู้แทนญี่ปุ่น 2.8 โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ผู้แทนอินโดนีเซีย 2.9 โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ผู้แทน ฮ่องกงและกัมพูชา 2.10 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ผู้แทนชิลีและปาปัวนิวกินี

            2.11 โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ผู้แทนแคนาดา 2.12 โรงแรมโซ แบงคอก ผู้แทนฝรั่งเศส 2.13 โรงแรมวอลดอร์ฟแอสโทเรีย ผู้แทนมาเลเซีย 2.14 โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส ผู้แทนซาอุดีอาระเบีย 2.15 โรงแรมแบงคอก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ ปาร์ค ผู้แทนฟิลิปปินส์

            2.16 โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ผู้แทน ออสเตรเลีย 2.17 โรงแรมบันยันทรี ผู้แทน เม็กซิโก 2.18 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ผู้แทนจีน 2.19 โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

'ชัชชาติ'ไม่เน้นผักชี

            ที่สำนักงานเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์กรณีการประชุมเอเปก 2022 จะมีการดำเนินการเรื่องหาบเร่แผงลอยในพื้นที่สีลมอย่างไร ว่า ได้มีการประกาศว่าให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย คือหาบเร่แผงลอยไม่ได้เพิ่งมีวันนี้ แต่มีมานาน ฉะนั้นเราต้องดูให้เป็นระเบียบ และพยายามดันให้ไปอยู่ในจุดผ่อนผัน หากจะถามว่ากวาดให้หมด 100 เปอร์เซ็นต์ ขอเรียนว่าต้องใช้เวลา ซึ่งเราไม่ได้ใช้วิธีไม้แข็ง โดยขั้นแรกคืออย่าให้เกิดความสกปรกรกรุงรัง และประชาชนต้องเดินได้ ทั้งนี้ นโยบายเราไม่ให้เพิ่มหาบเร่แผงลอย เราไม่ให้อิสระ และเรากดดันตลอด แต่จะมีบางรายที่ทำมานาน ก็ต้องให้เวลาเขา

            เมื่อถามว่า ในพื้นที่อื่นๆ ที่จะเป็นเส้นทางนำขบวนรถของผู้นำต่างประเทศที่ต้องผ่าน จะต้องมีการขอความร่วมมือผู้ค้าหาบเร่แผงลอยหรือไม่ว่าจะต้องเก็บไปก่อนในช่วงดังกล่าว นายชัชชาติกล่าวว่า “ผมว่าเราไม่เน้นเรื่องผักชีโรยหน้า เพราะในแง่ที่ว่าถ้าทำก็ทำเพื่อคนไทย เราไม่ได้ทำเพื่อให้ต่างชาติรู้สึกว่าเมืองไทยสะอาด ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญมาก ถ้าทำก็อยากให้คนไทยเดินสะดวก ส่วนเรื่องความสะอาดเรียบร้อย ผมว่าก็เป็นทุกเมือง ผู้นำเขาผ่านไม่รู้กี่สิบเมืองแล้ว และเขาก็มาในช่วงที่ไม่มีประชุม เขาก็เห็นสภาพ ฉะนั้นในแง่หนึ่งคงทำให้สะอาดสะอ้านขึ้น แต่หัวใจหลักคือเราทำเพื่อคนกรุงเทพฯ ที่ใช้ถนน ไม่ใช่สาระสำคัญขนาดที่ต้องเคลียร์หาบเร่แผงลอยเพื่อให้ผู้นำต่างชาติรู้สึกดีว่าบ้านเมืองเราสะอาด ผมว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง”

            นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ชุมนุมซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศพื้นที่ ไม่ได้เกี่ยวกับเรา เพราะอยู่นอกพื้นที่ ของเราจะมีแค่พื้นที่ที่เรากำหนดไว้ 7 แห่ง แต่ไม่ได้กังวลอะไร ซึ่งต้องเตรียมสถานการณ์และตั้งวอร์รูมอยู่ใกล้ๆ พื้นที่บริเวณสวนเบญจกิติ ที่อยู่ใกล้สถานการณ์ เพราะเรามีสำนักงานอยู่บริเวณนั้น

เตรียมทั้งทางบก น้ำ และอากาศ

            นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำหรับการประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบนโยบายการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยย้ำว่าจะต้องมีความปลอดภัยสูงสุด และเป็นไปตามหลักวิชาการ ทั้งด้านการป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพ ดูแลสุขภาพจิต การรักษาและการส่งต่อ โดยทีมบุคลากรจะปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มงวดและเป็นไปด้วยความเคารพคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจทั้ง 21 เขต เพื่อดูแลความปลอดภัยทางการแพทย์และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจ เนื่องจากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้ ถือเป็นวาระสำคัญที่จะสร้างความโดดเด่นให้กับประเทศไทยในการนำเสนอภาพรวมของประเทศภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดี และยังส่งผลในเชิงเศรษฐกิจ รวมถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

            นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในการประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจทั้ง 21 เขต โดยบูรณาการหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมแพทย์ทหารอากาศ กรมแพทย์ทหารบก ตำรวจ กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัย หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่โดยรอบ และโรงพยาบาลเอกชน แบ่งการดูแลดังนี้ 1.จัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ฯ ติดตามขบวนผู้นำเขตเศรษฐกิจ โรงแรมที่พัก ประจำ ณ สถานที่จัดประชุม และสถานที่จัดเลี้ยง Gala Dinner 2.การรักษาพยาบาลและการส่งต่อ จัดเตรียมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยบูรณาการร่วมกับกรมการแพทย์และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทั้งนนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา รพ.ตำรวจ รพ.ศิริราช และรพ.เอกชน ระดมทีมทำงานซึ่งผ่านประสบการณ์และการฝึกอบรมเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยและการส่งต่อคณะผู้นำต่างๆ ในการจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขเอเปกครั้งที่ผ่านมา

            3.การเฝ้าระวังและควบคุมโรคติดต่อ โดยเฉพาะเรื่องของโรคอาหารเป็นพิษและโรคโควิด-19 ซึ่งแม้สถานการณ์โรคโควิด-19 จะดีขึ้น แต่ยังมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก จึงยังต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้เข้าร่วมประชุมและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 4.การดูแลความปลอดภัยของอาหาร โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะมีการตรวจสอบสารพิษในอาหาร สารตกค้างต่างๆ ส่วนกรมอนามัยและกรุงเทพมหานครจะกำกับดูแลผู้ประกอบการอาหาร ทั้งผู้ปรุง ผู้สัมผัสอาหาร และผู้ให้บริการ ให้เป็นไปตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และ 5.การดูแลเรื่องสุขภาพจิตของผู้ทำงานและคณะติดตามต่างๆ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการดูแลคู่สมรสของคณะผู้นำที่จะไปศึกษาดูงานในต่างจังหวัด โดยจัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ฯ ติดตามและประจำที่สถานที่ศึกษาดูงาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง