ประชาธิปัตย์อึดอัด ‘จุรินทร์’ ถาม ‘บิ๊กตู่’ ส่งชื่อ ‘นริศ’ ปรับครม.7สัปดาห์ยังเงียบ

"จุรินทร์" เผยประชาธิปัตย์อึดอัด ส่งชื่อ "นริศ" ให้นายกฯ เพื่อปรับครม.เข้าสู่สัปดาห์ที่ 7 แล้วยังไม่เกิดอะไรขึ้น ลั่น! การเป็นรัฐบาลผสมต้องให้ความสำคัญกับทุกพรรค "พีระพันธุ์" เผยยังไม่ได้คุยกับ "บิ๊กตู่" เรื่องย้ายเข้ารวมไทยสร้างชาติ 

            เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอชื่อนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ลาออกไปว่า ความจริงก็ต้องยอมรับว่าสมาชิก ปชป.หลายคนเริ่มอึดอัดกับการที่พรรคได้นำชื่อนายนริศ กราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมไปแล้ว แต่การดำเนินการยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อย้อนไปดู ก็เกือบจะเข้าสู่สัปดาห์ที่ 7 เป็นระยะเวลาเดือนกว่าแล้ว

            เขากล่าวว่า เรื่องนี้แต่เดิมไม่คาดคิดว่าจะยืดเยื้อขนาดนี้ เพราะเราก็เคยอยู่ในรัฐบาลผสมมาหลายยุค ทั้งที่เป็นแกนนำเองและเป็นพรรคร่วมรัฐบาล การปรับครม.ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นรัฐบาลผสม จะต้องให้ความสำคัญกับทุกพรรคการเมืองที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล คิดว่านายกฯ ก็รับทราบแล้ว

            "ความจริงผมกราบเรียนนายกฯ ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ขณะนี้ปลายเดือนพฤศจิกายนแล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวก็เคยถามผมหลายครั้ง ผมก็บอกว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องดำเนินการ ประชาธิปัตย์เสนอชื่อคุณนริศไปเที่ยวนี้ก็เพื่อแทนคุณนิพนธ์ที่ลาออกไป และกราบเรียนนายกฯ ชัดเจนแล้วว่าไม่ประสงค์ให้กระทบพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลว่าต้องปรับด้วย แต่ประชาธิปัตย์มีความจำเป็น และเป็นมติพรรคไปแล้ว และไม่กระทบพรรคร่วมพรรคอื่นหรือพรรคแกนนำ เพราะอยู่ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์”

            ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะไม่นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่ขอไปไกลขนาดนั้น แต่โดยปกติก็ไม่เคยเจอความยืดเยื้อขนาดนี้ เพราะเข้าสัปดาห์ที่ 7 แล้ว แต่ตนคงไม่ถามย้ำแล้ว เพราะนายกฯ ทราบอยู่แล้ว และเคยย้ำไปว่าไม่ประสงค์ให้กระทบพรรคอื่น เป็นแค่เฉพาะในส่วนของประชาธิปัตย์ เป็นภาระที่ต้องเสนอคนไปแทน ไม่เช่นนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีก็จะแหว่งไปหนึ่งที่ และเข้าไปช่วยงานได้เยอะในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

            ที่หอประชุมโรงเรียนครนพิทยาคม อ.สวี จ.ชุมพร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าร่วมงานกับ รทสช.ว่า ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ  ในเรื่องนี้ ตนไม่กล้าถาม เพราะว่านายกฯ เหมือนผู้บังคับบัญชา ส่วนท่านจะมาหรือไม่ คงต้องไปถามท่านเอง ตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ข่าวที่มีการนำเสนอออกมาเท่านั้น

             ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น พลัสแวนด้า พรรครวมไทยรักชาติจัดการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค ครั้งที่ 1 มีวาระเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น "พรรคเทิดไท" พร้อมเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ เนื่องจากนายสุชาติ บรรดาศักดิ์ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค โดยจากการลงคะแนนของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ มีคะแนนเป็นเอกฉันท์เลือกนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ เป็นหัวหน้าพรรค และนายสุชาติ บรรดาศักดิ์ เป็นเลขาธิการพรรคเทิดไท

            นายเสกสกลกล่าวว่า พรรคได้เปลี่ยนชื่อจากรวมไทยรักชาติ เป็นพรรคเทิดไท มีจุดยืนคือปกป้องสถาบันของชาติ และคงไว้ซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เอาคนที่ล้มล้างสถาบัน สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ต่อในเวลาที่เหลือ ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม ทำงานเพื่อประชาชน แก้ไขปัญหาให้เกษตรกรรากหญ้า แก้ปัญหาหนี้สิน ส่งเสริมความอยู่ดีกินดี ทั้งนี้ จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคอีกครั้งหนึ่ง

            เขายังกล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะย้ายไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ที่ผ่านมาตนเคยมีส่วนร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะมองว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะถูกกดดันจนไม่มีพรรครองรับ แต่ตัวเองไม่เหมาะกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้หาคนประวัติดีอย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเรื่องเซอร์ไพรส์มีตัวย่อบิ๊ก ต. ที่ว่าก็คือบิ๊กตุ๋ย ไม่ใช่บิ๊กตู่ และตนยังประกาศชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าจะไม่รับตำแหน่งในพรรครวมไทยสร้างชาติ จนกระทั่งมาเจอพรรครวมไทยรักชาติ ที่มีจุดยืนชัดเจน มีอุดมการณ์เดียวกัน

            นายเสกสกลยังเชื่อมั่นว่า 3 ป.ไม่มีทางแยกกันอย่างแน่นอน แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติตามที่มีกระแสข่าวออกมา และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะทำงานทางการเมืองคู่ขนานกันได้ ไม่มีปัญหา เพราะความเป็นพี่เป็นน้อง 50 ปี ตัดกันไม่ขาด และจะร่วมรัฐบาลกันได้แน่นอน

            หัวหน้าพรรคเทิดไทกล่าวว่า พรรคสามารถร่วมงานทางการเมืองได้กับทุกพรรค ยกเว้นพรรคที่มีแนวทางปฏิรูปสถาบัน และแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 โดยพร้อมเป็นพรรคหลักในการปกป้องสถาบัน และจะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตครบทั้ง 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ตามกฎหมาย แต่ยังไม่ได้ตั้งเป้าที่นั่ง ส.ส.เพราะทุกอย่างขึ้นกับประชาชน และการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้

            "ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด และได้ไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจแนวทางการทำงานของผม ไม่ว่าจะไปอยู่กับพรรคใด แต่ได้กำชับว่าขอให้คงจุดยืนปกป้องสถาบันหลัก และทำประโยชน์ให้ประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยขัดขวางหรือไม่สนับสนุนการทำงานของผม"

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคครั้งนี้ ยังมีกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปศ.), คชอ., นักรบองค์ดำ นอกจากนี้ยังมี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่, น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมยินดี

            นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประชุมใหญ่วิสามัญ วันที่ 6 ธ.ค.ว่า พรรคเพื่อไทยจะประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง เนื่องจากมีกรรมการบริหารซึ่งเป็น ส.ส. อยู่ในเขตเลือกตั้ง และต้องหาเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงลาออก  ป้องกันความสุ่มเสี่ยงและข้อแทรกซ้อนทางกฎหมาย ไม่ให้พรรคถูกกล่าวหาผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วถูกโยงมาสู่การยุบพรรคได้ รวมถึงจะมีการเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ที่ว่างลงเนื่องจากกรรมการสรรหาที่ได้รับการคัดเลือกจากตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดหมดวาระไป

            เมื่อถามว่า จะมีการปรับโครงสร้างใหญ่ในส่วนของหัวหน้าและเลขาฯ หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องปรับ ตนและนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ยังคงดำรงตำแหน่งเพื่อนำพรรคไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

             เมื่อถามว่า วันดังกล่าวจะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่มีการเปิดตัวแคนดิเดตอย่างแน่นอน แคนดิเดตของพรรคจะเปิดตัวในเวลาที่เหมาะสม เช่นช่วงใกล้หมดวาระของสภาชุดนี้ หรือในช่วงที่นายกฯ ตัดสินใจยุบสภา

            ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ตอนนี้โครงสร้างพรรคเพื่อไทยมีกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 14 คน โดยมีกรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.ได้ทยอยลาออกไปแล้วหลายคน แต่ยังเหลือกรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.บางส่วน เช่น นายสุทิน คลังแสง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม., น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เป็นต้น ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนในการประชุมวันที่ 6 ธ.ค.

      มีรายงานอีกว่า วันที่ 28 พ.ย. นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำคนเสื้อแดง, นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และแนวร่วมคนเสื้อแดง จะเดินทางมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย  โดยนายก่อแก้วเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่ยังไม่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง แม้จะยังมีคดีก่อการร้ายสมัยการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 แต่ปัจจุบันยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ คดียังไม่ถึงที่สุด จึงมีสิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง