บิ๊กตู่:ไม่ใช่มาทำเล่นๆ นายกฯชี้งานการเมือง/มดดำพาน้องเข้าคอกพท.

"บิ๊กตู่" ชี้ทำการเมืองบน 3 อำนาจ "บริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ" ยึดสุจริตโปร่งใสเป็นรูปธรรม ลั่นไม่ใช่เข้ามาเล่นๆ "กลุ่ม นร.เลว" โผล่ดักตะโกนไล่ "ลุงป้อม" คึกลงแก้ปัญหาน้ำอีสาน จ.มุกดาหาร โชว์สเต็ปเซิ้ง สาวใหญ่โผล่เข้าหอมแก้ม "วิษณุ" สอนมวย ส.ส. นับวันย้ายพรรคยึดวันกาบัตร ไม่ใช่วันหมดอายุสภา รับหวาดเสียวข่าว ส.ส.จ่อลาออกเพียบ "รมต.ธนกร" ประเดิมทำงานวันแรก  "ส.ส.ใต้" มั่นใจชื่อ "ลุงตู่" ขายได้ "พท." เปิดตัว 57 ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง-เหนือตอนล่างคนดังอื้อ "มดเอ็กซ์" ย้ายขั้วพปชร.สวมเสื้อใหม่สู้ฉะเชิงเทรา ลุ้น "สุชาติ" รอคิวตามลูกชาย

ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “วันคนพิการสากล ประจำปี 2565” และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่คนพิการต้นแบบ  และหน่วยงาน องค์กร ที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ ประจำปี 2565 ว่า วันนี้ส่งกำลังใจให้คนพิการทั้งหมด ขอบคุณทุกภาคส่วนและภาคเอกชนที่รับคนพิการเข้าทำงาน แม้จะพิการส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่สมองก็ยังดี ก็ขอเป็นกำลังใจ

ถามว่า ได้มอบหมายงานให้นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้านใด พล.อ.ประยุทธ์ มองหน้าสื่อแต่ไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวซักว่าที่นายกฯ บอกทำการเมืองแต่ไม่เล่นการเมือง ในความหมายคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำการเมืองให้ถูกต้อง สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ให้เป็นผลเป็นรูปธรรม ไม่ใช่มาทำเล่นๆ เข้าใจไหม เล่นเขาใช้ไปทำอย่างอื่น เขาเรียกว่าทำงานคือทำการเมือง ซึ่งวันนี้มี 3 อำนาจ คือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ แล้วจะเล่นตรงไหนได้ล่ะ

ซักว่านายกฯ จะเป็นการทำการเมืองแบบใหม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่แบบใหม่ แต่เป็นหลักการที่ต้องทำให้ได้อย่างนี้ แต่ไม่ทำกันเอง

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดมาเป็นประธานเปิดงานการประชุมสัมมนากรีฑาโลก ประจำปี 2565 หรือ WORLD ATHLETICS GLOBAL RUNNING CONFERENCE 2022 และพิธีแถลงความพร้อมการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก รายการ "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2022" ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ซึ่งเวลา 13.30 น.กลุ่มนักเรียนเลว นำโดย น.ส.อันนา อันนานนท์ เดินทางมาดักรอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯ มาถึง ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลวได้ตะโกนว่า “ลุงตู่ 8 ปีรีบออกไปได้แล้วนะคะ ออกได้แล้วค่ะ” แต่นายกฯ ไม่ได้ยิน และคาดว่าจำไม่ได้ จึงโบกมือทักทายกลับไป

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้จัดชุดเจ้าหน้าที่หญิงจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กองร้อยน้ำหวาน) เข้ามาคอยดูสถานการณ์บริเวณด้านหน้าทางเข้างาน เพื่อกันไม่ให้กลุ่มนักเรียนเลวดังกล่าวเข้าถึงตัวนายกฯ โดยไม่มีสถานการณ์รุนแรงแต่อย่างใด โดย น.ส.อันนากล่าวเพียงว่า “มาทักทายในฐานะคนรู้จัก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นงาน พล.อ.ประยุทธ์ได้เปลี่ยนเส้นทางเดินทางกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

ที่ จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำแล้ง และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ ซึ่งในภาพรวมปี 61-64 จังหวัดมุกดาหาร ได้รับงบประมาณบริหารจัดการน้ำกว่า 4,300 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วม ทั้งการปรุงลำน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำและระบบระบายน้ำ มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ เกือบ 40,000 ไร่ ครอบคลุม 17,873 ครัวเรือน และในปี 66-67 มีแผนพัฒนาลุ่มน้ำห้วยมุก อ่างเก็บน้ำห้วยเปื่อย และระบบป้องกันน้ำท่วม โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ 1,063 ล้านบาท

บิ๊กป้อมคึกลงมุกดาหาร

จากนั้นช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรลงพบปะประชาชน เพื่อรับทราบปัญหาและตรวจติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำ ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ห้วยบังอี่ ต.โพธิ์ไทร อ.ดอนตาล และโครงการขุดเจาะน้ำบาดาลและสูบน้ำด้วยพลังแสงอาทิตย์ บ้านนาดี อ.เมืองมุกดาหาร

จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้พบปะผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นอย่างกันเอง และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเทการปฏิบัติงานด้วยดีที่ผ่านมา ระหว่าง พล.อ.ประวิตรพบประชาชนนั้นได้มีการเปิดเพลงพร้อมรำโห่ร้องต้อนรับกันอย่างคึกคัก พล.อ.ประวิตรได้ยกมือรำตามเพลงไปด้วย รวมทั้งมีหญิงสูงวัยเข้าไปหอมแก้ม พล.อ.ประวิตรระหว่างเดินกลับ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงไทม์ไลน์ของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองและการเลือกตั้งส.ส. ที่ผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะส่งคำวินิจฉัยไปให้สภา จากนั้นสภาจะส่งมาให้รัฐบาล ขณะนี้ยังไม่มีการส่งมา เมื่อสภาส่งมาแล้วจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายใน 25 วัน โดย 5 วันแรกเผื่อไว้หากมีผู้ร้องคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกหนหนึ่ง ส่วนอีก 20 วันนั้นเป็นกำหนดเวลาในการให้รัฐบาลจัดพิมพ์ให้เรียบร้อย แต่โดยทั่วไปใช้เวลาไม่ถึง 20 วัน เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว จากนั้นก็นับหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน สุดแต่จะทรงลงพระปรมาภิไธยลงมาเมื่อใด ก็ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลใช้บังคับในวันรุ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การนำร่างกฎหมายลูกขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายคงจะเป็นช่วงเดือน ธ.ค. หากนับไปอีก 90 วัน ก็จะอยู่ประมาณเดือน มี.ค.2566 ก็คงใกล้กับวันที่สภาจะครบวาระ ซึ่งไทม์ไลน์ยังอยู่ห่วงเดิมที่ตนเคยระบุไว้ไม่มีอะไรผิดพลาด

ถามว่าหากนำกฎหมายลูกขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว หมายความว่าจะปิดประตูการยุบสภาได้เลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละเรื่อง ในอดีตมีการยุบสภา โดยที่มีกฎหมายค้างระหว่างทูลเกล้าฯ ถวายเป็นจำนวนมาก กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดว่ากฎหมายเหล่านั้นจะตกไป ยังคงลงพระปรมาภิไธยได้

เมื่อถามย้ำว่า กฎหมายทั้ง 2 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ถือเป็นความไม่ควรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะเมื่อยุบสภา มีการลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายนั้นๆ มาก็นำกฎหมายเหล่านั้นไปใช้ในการเลือกตั้งอยู่แล้วไม่มีปัญหาเรื่องเงื่อนเวลาหรือใดๆ ไม่เกี่ยวกันเลย

“ใครที่ไปนับกันว่าการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หากมีการยุบสภาต้องเป็นภายใน 30 วันนั้น หรือสภาครบวาระ ต้องเป็นสมาชิกภายใน 90 วันนั้นก็ถูก แต่การนับ 90 วันจะนับจนถึงวันเลือกตั้งไม่ได้นับจนถึงวันที่สภาหมดวาระ ดังนั้นที่มีการออกมาพูดกันเยอะว่าหลังวันที่ 24 ธ.ค. แล้วจะอย่างนั้น อย่างนี้ก็เป็นเพราะไปนับ 90 วันถึงวันที่ 22 มี.ค.2566 ที่เป็นวันครบวาระของสภา แต่ในความเป็นจริงไม่เกี่ยวกัน” นายวิษณุกล่าว

ถามว่าหากจะให้ปลอดภัยสุด นักการเมืองควรย้ายพรรควันที่เท่าไหร่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอบไม่ถูก อยากย้ายกันเมื่อไหร่ก็ย้าย อยากอยู่ก็อยู่ แต่ถ้ายุบสภาก็ยังมีกำหนดเวลาเลือกตั้ง 45 วัน ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งก่อน 45 วันได้ ดังนั้นหากมีการยุบสภาขึ้นมากะทันหัน พรุ่งนี้ก็ยังย้ายพรรคกันได้ ก็เท่านั้น เพราะมีกรอบ 45 วัน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการจัดการเลือกตั้งอยู่แล้ว ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นปัญหาเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

โวบิ๊กตู่ภาคใต้ยังขายได้

นายวิษณุกล่าวถึงกรณีมีข่าว ส.ส.จำนวนมากอาจใช้วิธีลาออกเพื่อกดดันให้ยุบสภาว่า เหตุการณ์เช่นนี้เคยมี แต่ไม่ถึงกับออกหมด ในอดีตสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ เคยมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มาจากการแต่งตั้ง เขารู้สึกว่าให้นายกฯ คนใหม่ได้แต่งตั้ง สนช.ใหม่ จึงทยอยลาออกครั้งละ 5-10 คน จนกระทั่งถึงครึ่งหนึ่ง นายกฯหลังจากนั้นคือนายสัญญา ธรรมศักดิ์ จึงยุบสภา และแต่งตั้งสมาชิกใหม่โดยสภาสนามม้า

“ไม่มีกฎหมายใดบอกว่าหากลาออกกันเยอะแล้วจะต้องยุบ แต่โดยวิธีปฏิวัติแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม และหากจะพูดไปแล้วสมาชิกร่อยหรอลง หรือลาออกไปจนเหลือแค่ 200 คนก็ประชุมได้ เพราะจะเลือกตั้งซ่อมก็ไม่ได้เนื่องจากอายุสภาเหลือเวลาน้อย และถ้า 200 คนนั้นจะมาประชุมก็ประชุมได้ โดยยึดองค์ประชุมครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ ดีไม่ดีพวกที่คิดจะทยอยลาออกจะทำให้รัฐบาลทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าจะให้ทำอย่างนั้น แต่ทำให้เห็นว่ากลไกสภาไม่เวิร์กแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นความชอบธรรมที่รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่มีปัญหาไม่ติดอะไร ผมเองก็ยังเสียวอยู่เลยว่าลาออกกันเหลือแค่นี้รัฐบาลอาจคิดว่าดีแล้ว เพราะต่อไปนี้กฎหมายอะไรที่ค้างกันก็เอาเข้าสภาช่วงนี้เสียเลย” นายวิษณุกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า และศาลพระภูมิ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าปฏิบัติงานเป็นทางการวันแรก

นายธนกรกล่าวว่า วันนี้เป็นฤกษ์ดีที่เข้ามาทำงานวันแรก ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ที่ให้โอกาสและเมตตาตนมาตลอด ซึ่งการเข้าทำงานในวันแรกนายกฯ ยังไม่ได้มอบหมายงานอะไร แต่จะทำงานให้ดีที่สุด แม้ว่าเวลาที่เหลือของคณะรัฐมนตรีจะครบวาระในเดือน มี.ค.2566 จะใช้เวลาที่เหลือให้มีค่าที่สุดในการทำงานรับใช้ประชาชน

ต่อมา ส.ส.ในกลุ่มของนายธนกร ประกอบด้วย นายพยม พรหมเพชร, นายศาสตรา ศรีปาน, ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีวันแรก

นายธนกรกล่าวว่า ส.ส.กลุ่มดังกล่าวแวะมาให้กำลังใจ เพราะรู้จักกันและสนิทกับตนส่วนตัวอยู่แล้ว โดยพูดคุยกันว่าจะลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช ซึ่งตนได้บอกไปว่าถ้านายกรัฐมนตรีมอบหมายจะทำงานเลย  

ถามว่า กลุ่ม ส.ส.บางคนที่มาในวันนี้มีชื่อไปพบนายกฯ ที่บ้านพักส่วนตัวเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา นายธนากรกล่าวว่า ไม่ ปกติตนเองไปพบกับนายกฯบ่อยอยู่แล้ว ถ้านายกฯ สะดวกให้พบก็ไปพูดคุยกันตามปกติ ซึ่งนายกฯ สอบถามเรื่องพื้นที่ ส.ส. เพราะต้องสะท้อนปัญหาประชาชนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ

ด้านนายพยมกล่าวว่า กระแสทางใต้ยังชื่นชมนายกฯ อยู่ คนภาคใต้ถ้าถือใครก็คงถืออยู่อีกนาน และชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ยังขายได้ ขายดี กระแสยังดีมากในพื้นที่ภาคใต้ ดูจากผลโพลที่สำรวจในพื้นที่

“ส.ส.ที่คิดจะย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (ทสช.) ตอนนี้ต้องดูว่าพรรควางตัวผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่แล้วหรือไม่  หากมีการวางตัวไว้แล้วก็อาจจะอยู่ที่เดิม คือพรรค พปชร. เพราะเป็นพรรคพี่ พรรคน้องอยู่พรรคใดก็ได้” นายพยมกล่าว

นายศาสตราเสริมว่า กระแสในพื้นที่ของตนคือในพื้นที่หาดใหญ่ของนายกฯ ดี เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถรักษาตำแหน่งและพื้นที่ของเราไว้ได้ เพราะเราทำงานอย่างครบถ้วน ทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเต็มที่ ซึ่งตนเห็นว่าประชาชนเป็นจะเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราทำเต็มที่ทำดีที่สุดแล้ว

พท.เปิดตัว 57 ผู้สมัครส.ส.

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งสิ้น 57 เขตเลือกตั้ง

นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันนี้เราเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พท.จากพื้นที่ภาคกลาง 32 คน และภาคเหนือตอนล่าง 25 คน ซึ่งไม่ครบทุกเขต ถือเป็นการแสดงความมุ่งมั่นเพื่อไปสู่เป้าหมายเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ด้วยสามกลไกหลักคือ ตัวผู้สมัครที่สามารถนำนโยบายตอบสนองความต้องการประชาชนได้ รวมทั้งตัวนโยบายซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นเปิดให้ครบ 400 เขต ปักธงครบทุกพื้นที่

นายประเสริฐกล่าวว่า รายชื่อผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง จำนวน 57 คน ประกอบด้วย ภาคเหนือตอนล่าง 25 คน จ.นครสวรรค์ 1.นายณรงค์ พนมวัน 2.นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย 3.นายสัญชัย วงษ์สุนทร 4.พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ 5.นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ 6.นายวรภัทร ตั้งภากรณ์ 7.น.ส.ชุติมา เสรีรัฐ เพชรบูรณ์ 1.นายสุทัศน์  จันทร์แสงศรี 2.นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล 3.นายจำเนียร โฉมงาม 4.น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา 5.นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ 6.น.ส.รณิตา นาคะบุตร 7.นายเกรียงไกร ปานสีทอง จ.พิษณุโลก 1.น.ส.ณัฐทรัชต์ ชามพูนท 2.นายนพพล เหลืองทองนารา 3.นายจเด็ศ จันทรา 4.น.ส.พิมพ์พิชชา  ชัยศุภกิจเจริญ 5.นายธนวิน โรจน์สุนทรกิตติ พิจิตร 1.นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร 2.นางณริยา บุญเสรฐ 3.นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ ตาก 1.นายสมชัยฐ์  หทยะตันย์ติ 2.นายดิฐชัย ฉันติกุล 3.นายสราวุธ หาญเมืองใจ

ภาคกลาง 32 คน ได้แก่ สุพรรณบุรี 1.นายไพโรจน์ ลีรัตนนุรัตน์ 2.นายสหรัฐ กุลศรี ปราจีนบุรี 1.นายสมเกียรติ คำดำ สระแก้ว 1.นายสุทธิรักษ์ วันเพ็ญ กาญจนบุรี 1.นายศักดา วิเชียรศิลป์ 2.นายพนม โพธิ์แก้ว ราชบุรี 1.นายนพพล ภู่แย้ม 2.นายไก่ ห้องริ้ว 3.น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ประจวบคีรีขันธ์ 1.นายวัชรพล ปลั่งศรีสกุล สมุทรสาคร 1.นายนัธทวัฒน์ ม่วงเผือก 2.นายอุดม กันม่วง 3.นายบุญมี นิลถนอม 4.นายประยงค์ นอบน้อม 

ฉะเชิงเทรา 1.นางฐิติมา ฉายแสง 2.นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ 3.นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง จันทบุรี 1.นายวันทิต ตั้งรักษาสัตย์ สมุทรปราการ 1.นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ 2.นางนฤมล ธารดำรง 3.นายประชา ประสพดี นนทบุรี 1.นายนิยม ประสงค์ชัยกุล 2.นายนิทัศน์ ศรีนนท์ 3.น.ส.ปณรัศม์ วันชาญเวช 4.นายจำลอง ขำสา ปทุมธานี 1.นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล 2.นายศุภชัย นพขำ 3.นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ 4.นายสุทิน นพขำ 5.นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ 6.นายชนภัทร นันทกาวงศ์ 7.น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือมดเล็ก บุตรชายนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ฐานะแกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ ที่เดินทางมาเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทราของพรรคพท. โดยมดดำ นายคชาภา ตันเจริญ พี่ชาย ได้เดินทางมาให้กำลังใจน้องชายด้วยตัวเองอีกด้วย ขณะเดียวกัน กลุ่มปทุมธานี ที่ก่อนหน้ามีกระแสข่าวถูกบางพรรคการเมืองทาบทามอย่างหนัก ยังยืนยันอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไป 

นายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ พิธีกรชื่อดังให้สัมภาษณ์หลังจากนายศักดิ์ชายเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรค พท.ว่า ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ เดินมาส่งน้องชายที่พรรคเพื่อไทย เนื่องจากสนิทกับนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว สำหรับเส้นทางทางการเมืองของตนนั้น เป็นศูนย์ เพราะตอนนี้ยังมีความสุขกับงานปัจจุบันอยู่

เปลี่ยนขั้วต้องแลนด์สไลด์

ถามถึงโอกาสที่คุณพ่อจะย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ นายคชาภา กล่าวว่า ถ้ามาเดี๋ยวจะพามาส่งเอง ตอนนี้ให้น้องมาก่อน

นายศักดิ์ชายกล่าวถึงความชัดเจนของนายสุชาติ หลังมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องจะมาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยว่า ต้องรอคุณพ่ออีกที คงจะมาพร้อมนายคชาภา ที่ผ่านมาคุณพ่อให้คำแนะนำทางการเมือง ตนเป็น ส.จ.มา 3 สมัย ลงพื้นที่มาก็ได้เรียนรู้อะไรด้วยตัวเอง แต่คุณพ่อก็สอนอะไรบางอย่างด้วย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่มและคะแนนนิยมของรัฐบาลในช่วงใกล้ครบวาระหดหายว่า ประชาชนได้สะท้อนผ่านโพล คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ทรุดต่ำลงตลอด สวนทางกับความมั่นใจของ พล.อ.ประยุทธ์ที่เชื่อมั่นว่าต้องเดินไปตามลายแทงที่ทีมเสธ.เขียนให้ พยายามยื้ออำนาจให้นานที่สุด ลากอายุสภาไปให้ได้นานที่สุด แล้วก็รอสถานการณ์เป็นใจแล้วค่อยตัดสินใจยุบสภา อาจยุบสภาก่อนครบวาระเพียง 1 วัน แต่ความสำเร็จทางการเมือง ไม่ได้ยกมาจัดวางกันง่ายขนาดนั้น

“เหตุการณ์สภาล่มซ้ำซาก ส.ส.รัฐบาลไม่มีกะจิตกะใจประชุม เพราะต้องวุ่นวายดีดลูกคิดจะย้ายไปอยู่พรรคไหน เผชิญกับแรงเสียดทานการตกปลาในบ่อเพื่อนโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคใหม่พรรคเก่าของทีมสืบทอดอำนาจ 2 ลุง เสียดายแทน พล.อ.ประยุทธ์ที่ปล่อยโอกาสสร้างคะแนนให้รัฐบาลหลุดลอยไป 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้อะไรไปมากมาย แต่ทำประเทศเสียโอกาสไปมาก ประชาชนจึงรอสั่งสอนเครือข่ายสืบทอดอำนาจ พร้อมเข้าคูหากาบอกลาและส่งทีมลุงกลับบ้าน” นายอนุสรณ์กล่าว 

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า อีกเครือข่ายหนึ่งก็ “ตู่หาว” หมายถึงคนชื่อ “ตู่” ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่เวลานี้คงกำลังนั่งหาว เพราะทำยังไงคะแนนนิยมก็ไม่กระเตื้องขึ้นซะที จัดเอเปก ก็แล้ว กระแสก็ยังตกต่ำอยู่อย่างเก่า ยิ่งต้องแยกตัวออกจาก พล.อ.ประวิตร มาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ แทนที่ผู้เห็นเหตุการณ์จะวิจารณ์ว่านี่คือการแตกมาเพื่อโต กลับกลายเป็นว่าใครก็ตามที่พูดเรื่องนี้ฟันธงตรงกัน 100% ว่ายิ่งแยกตัวจะยิ่งเล็กลง แบบนี้ “ตู่” จะไม่หาวได้ยังไงกัน

นายณัฐวุฒิโพสต์อีกว่า สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ก็คงเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งแล้ว เพราะล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูก 2 ฉบับผ่านฉลุย ทุกพรรคเขาก็ขยับตัวไปสู่สนามเลือกตั้งแบบเดียวกันนะครับ รัฐบาลเพิ่งปรับคณะรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีใหม่ขึ้นมา 3 คน เห็น 3 รายชื่อนี้ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า นี่คือสัญญาณที่แม้ 2 ป. จะแยกทางกันไปกันคนละพรรค แต่สุดทางหลังการเลือกตั้งสามารถจะกลับมาจับมือกันได้ตลอดเวลา เพราะ 3 รายชื่อรัฐมนตรีหน้าใหม่คือการประนีประนอมกันของอำนาจ เพราะชื่อ 3 คนนี้มันชัดเลยนะครับ ว่าแม้ 2 ป. จะเหยียบตาปลากัน แต่ไม่ถึงขั้นควักลูกตากันครับ เขายังคุยกันรู้เรื่อง

“เพื่อไทยจำเป็นต้องแลนด์สไลด์ เพื่อเปลี่ยนข้างรัฐบาลเป็นของประชาชนให้ได้ แต่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์กับพวก เขาไม่จะเป็นแบบนั้น เขาต้องการเพียง 100 กว่า 200 เสียง บวกกับ ส.ว. 250 คน ตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ก่อน แล้วเอาตำแหน่งนายกฯ นี่แหละครับไปตกงูเห่า เขาคิดกันแบบนี้” นายณัฐวุฒิระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง