‘ประยุทธ์’ปลุก คนไทยต้านโกง สร้างปท.สีขาว

"บิ๊กตู่" ปลุกคนไทยต้านโกง ขอให้เชื่อมั่น! รัฐบาลจะไม่ลดละเพื่อขจัดการทุจริตให้หมดสิ้นไป ต้องไม่ยอมให้พลังความดี ความถูกต้อง พ่ายแพ้อำนาจฝ่ายต่ำ ลั่น! มาพูดตรงนี้ได้เพราะไม่ทุจริต ไม่อย่างนั้นเอาหน้าไปเสนอใครไม่ได้ ฮึ่ม พบทุจริตถูกลงโทษ เพื่อแผ่นดินไทยเป็นสีขาว

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ที่ห้องประชุมนนทบุรี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในงานต่อต้านคอร์รัปชันสากลประเทศไทย ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด "ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย รวมไทยต้านโกง" โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ตัวแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช.และผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. คณะกรรมการและผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ผู้บริหารองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมงาน ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวต้อนรับและกล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน

โดยนายกฯ กล่าวประกาศเจตนารมณ์ตอนหนึ่งว่า ทุกคนทราบดีว่าปัญหาคอร์รัปชันส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หรือ TI (ทีไอ) ได้สะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญของประเทศไทย คือ ปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน ตลอดจนการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน การไม่สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวมกับประโยชน์ส่วนตน และความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ การทุจริตจึงเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ทั้งในการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการพัฒนาประเทศ ที่สำคัญ คือ การทำลายภาพลักษณ์ ทำลายความเชื่อมั่น ในสายตาประชาชนชาวไทย และชาวโลก ซึ่งเราจะต้องร่วมมือกันไม่ยอมให้การทุจริตเป็นมรดกบาปตกทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลานอีกต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญ และผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ สร้างกลไกการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้มีการบรรจุแนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ ลงไปถึงการจัดทำแผนระดับรอง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง ในส่วนที่เห็นเป็นรูปธรรมเป็นภาพรวมของประเทศแล้ว เช่น 1.พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน 2.นโยบาย National e-Payment เป็นต้น ที่ช่วยขจัดโอกาสการทุจริต หักหัวคิว เรียกรับสินบน เพิ่มความโปร่งใสในการกระบวนการทำงานของภาครัฐ ให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ ในทุกขั้นตอน

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ลดละ เพื่อขจัดการทุจริตให้หมดสิ้นไป โดยพร้อมที่จะทำงานกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เปิดกว้างรับฟัง เสริมสร้างความเข้มแข็ง และคงความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้โครงการพัฒนาประเทศ การค้า การลงทุน การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในสังคมสามารถดำเนินไปได้อย่างเต็มศักยภาพ เราต้องไม่ยอมให้ พลังความดี ความถูกต้อง พ่ายแพ้ต่อ อำนาจฝ่ายต่ำ

สร้างสังคมสีขาว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องทำวันนี้ เราจะร่วมมือกันได้อย่างไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดหรือ 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วเป็นปัญหาของประเทศ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ของเราทุกคนยอมรับ และไม่ทำความผิด ไม่มีผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ปัญหานี้มีทั้งในหลายๆ ประเทศ ซึ่งทุกประเทศกำลังกำจัดออกไปให้ได้ เพราะมันบั่นทอนการเจริญเติบโตของประเทศ การพัฒนาประเทศมีปัญหา เพราะฉะนั้นการทุจริตจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากทุกคนมีจิตใจที่มีคุณธรรมและจริยธรรม ไม่เห็นประโยชน์จากการทุจริต ถ้าทุกคนรู้สึกว่า เรายิ่งเป็นผู้ใหญ่ยิ่งโต เราต้องมีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี มากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ ที่โตขึ้นมา เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้อยู่ที่จิตใจเราทุกคน

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมีหลายส่วน ทุกท่านก็ทราบดี ทุจริตเชิงนโยบาย มีผู้เรียก ผู้ให้ และผู้เสนอ เพราะฉะนั้นหากประชาชน สังคมช่วยกันดูแล ช่วยกันเฝ้าระวัง ช่วยกันแจ้ง ร้องทุกข์กล่าวโทษ สิ่งเหล่านี้ก็ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีอำนาจ ผู้ที่รักษากฎกติกา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณต้องระมัดระวังให้มากที่สุด วันนี้เราต้องไปดูเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์เพื่ออำนวยความสะดวกนั้นก็มี หรือเรียกรับเป็นกอบเป็นกำก็มี ตนคิดว่าทั้งหมดอยู่ในกระบวนการพิจารณา หรือตรวจสอบหลักฐานของป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งนี้ ปัญหาที่สังคมเกิดความไม่ไว้วางใจ ที่ประชาชนสนใจ ต้องดำเนินการ แต่ทั้งนี้ต้องให้ความเป็นธรรม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ไม่มีใครแก้ปัญหาได้โดยลำพัง ตนเองก็แก้ไม่ได้ หรือองค์กรต่างๆ ก็แก้ไม่ได้ ถ้าทั้งหมดไม่ร่วมใจกันทำ ซึ่งวันนี้จะมาประกาศเจตนารมณ์ที่จะทำร่วมกันให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างเร็วที่สุด เพราะปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาที่บ่อนทำลายการเจริญเติบโตของประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งทรัพยากรของประเทศเราไม่ได้มีมากนัก ดังนั้น เราต้องทำให้ทุกอย่างเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและคนไทยทุกคน เราต้องสร้างจิตสำนึกทุกคนให้เกลียดชังการทุจริต ช่วยกันระมัดระวัง สอดส่องร้องทุกข์กล่าวโทษ ทำให้สังคมของเราเป็นสังคมสีขาว สังคมที่ปลอดจากการทุจริต เพื่อความเจริญเติบโตของบ้านเมือง ขณะเดียวกันขอให้กำลังใจหน่วยงานและองค์กรตรวจสอบ ไม่มีงานใดยากหากเราร่วมมือกัน และมองด้วยความที่เป็นธรรมและต้องดูเจตนาและหลักฐานให้ดี

"ที่ผมพูดตรงนี้ได้ เพราะจิตใจผมไม่ต้องการทุจริตอะไรทั้งสิ้น ผมถูกสอนมา ผมเรียนรู้มาว่าจะต้องไม่ทุจริต ถ้าทุจริตก็เอาหน้าไปเสนอ เอาหน้าไปให้คนมองไม่ได้ ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันทำ เพื่อเราจะได้ยืดอกเปิดหน้าของเราไปได้ทั่วทั้งโลกใบนี้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุจริตโปร่งใส การแก้ไขปัญหาทุจริตคิดว่าดีขึ้นแล้ว ขอให้ช่วยกันทำต่อไป แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของพวกเราทุกคน เราต้องทำให้เป็นแผ่นดินที่สีขาวที่ปลอดภัยจากทุกเรื่อง ผมในฐานะที่รับผิดชอบด้านนโยบาย ผมยืนยันไม่ให้มีการทุจริตเชิงนโยบายโดยเด็ดขาด แต่ในส่วนผู้ที่ต้องทำตามกฎกติกา ทำตามระเบียบ แล้วบกพร่องขึ้นมา จะต้องถูกลงโทษ เพราะทุกโครงการผมกำชับเสมอ ต้องสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ ฉะนั้น ใครก็ตามที่ทำการทุจริตต้องถูกลงโทษ และด้วยความเป็นธรรม บางครั้งมีการร้องเรียนร้องทุกข์กล่าวโทษ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่ถ้าทุกคนช่วยกันด้วยจิตใจอันสุจริต โปร่งใส เป็นธรรม มันแก้ได้ทุกเรื่อง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ขอให้เชื่อมั่น

จากนั้น นายกฯ นำร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ว่า "จะประพฤติปฏิบัติตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน จักปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดี ด้วยหัวใจ" จากนั้น นายกฯ วางมือแท่นพิธีเพื่อเปิดกิจกรรมงานต่อต้านคอร์รัปชันสากลประเทศไทย ประจำปี 2565 แล้วร่วมถ่ายภาพบนเวทีด้วยการทำมือแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการทุจริต ด้วยการกำปั้นมือขวาแล้วทาบไปที่หน้าอกข้างซ้าย

ภายหลังเสร็จสิ้นประกาศเจตนารมณ์ นายกฯ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า  "วันนี้เป็นงานของ ป.ป.ช. อย่าเอาเรื่องอื่นมาปน" แล้วเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน พร้อมทักทายเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ก่อนร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู และกล่าวชื่นชมว่า สถานที่ดี คนก็ดีด้วย ช่วงหนึ่งนายกฯ ยังเอามือทุบที่หน้าอกข้างซ้ายและกล่าวว่า "ขอให้เชื่อมั่น ช่วยกันนะ ขอบคุณทุกๆคน" และก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ได้เอามือทุบหน้าอกข้างซ้ายและส่งมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้อีกครั้ง

ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ป.ป.ช.ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านทุจริตทุกปีแต่ตัวเลขทุจริตยังไม่ลดลงว่า คดีทุจริตไม่เหมือนคดีอาชญากรรม เพราะมีเรื่องร้องเรียนเยอะ เมื่อตรวจสอบบางทีเรื่องที่รับไม่ได้เกิดในปีนี้ มีเกิดบ้างเพียง 10-20% บางเรื่องเกินย้อนหลังไป 5-10 ปี บางเรื่องมาร้องก็ขาดอายุความ ตอนนี้ ป.ป.ช.มีข้อมูลหมดว่าเรื่องที่มาร้องในปีนี้เป็นเรื่องอะไร ความเสียหายรุนแรงแค่ไหน ทำให้เราตระหนักว่าบางทีพี่น้องประชาชนที่เขารับรู้เรื่องนี้ยังไม่มั่นใจว่าเมื่อมาร้องแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐจะดำเนินการได้หรือไม่ ถ้าดำเนินการไม่ได้ก็ยังไม่ร้อง วันดีคืนดีไม่ทราบเหตุผลก็มาร้อง ดังนั้น การดูแต่ตัวเลขว่าปีนี้ร้องเท่าไหร่ไม่ใช่เหตุผลว่าจะมีการทุจริตมาก แต่ต้องดูว่าเกิดเมื่อไหร่ ร้ายแรงแค่ไหน มีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองสถิติตัวเลขเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า คดีที่เกี่ยวกับนักการเมืองในระยะหลัง ถ้าเกี่ยวกับนักการเมืองระดับชาติ ป.ป.ช. จะเข้าไต่สวนเร็วมาก เป็นการทำสองทาง  เรื่องเก่าก็ทำไป เรื่องใหม่ที่ประชาชนสนใจเราก็จะทำเร็ว.                

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง