ซักฟอกหลัง15ก.พ. วิปฯยันครม.พร้อมรับศึก/ฝ่ายค้านโวยช้าไปขอเป็น1-3ก.พ.นี้

"บิ๊กป้อม" อารมณ์ดีแต่ไม่ตอบเรื่องการเมือง "วิรัช" ย้ำ พปชร.ร่วมแรงดัน "ประวิตร" นายกฯ คนที่ 30 มั่นใจ กทม.ไม่แพ้ใคร "เสี่ยเฮ้ง" หวังกวาด 40 ส.ส.โซนภาคกลาง-ตะวันออก-ตะวันตก สานฝัน "บิ๊กตู่" ปัดนั่งเลขาฯ รทสช. บอก "เอกนัฏ" เหมาะแล้ว "เพื่อไทย" เตรียมจัดอีเวนต์เดินสายทั่วทุกภาค ประเดิม 15 ม.ค. "อุ๊งอิ๊ง" โชว์ปราศรัยกลางแจ้งครั้งแรก "อนุทิน" ชูจุดขาย "ภท." สลายขั้วความขัดแย้ง "กกต." ตอบพรรคการเมืองจัดประชุมสาขาพรรค เลี้ยงอาหารสมาชิก พ่วงปราศรัยเปิดตัวผู้สมัครได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายจูงใจ "วิปรัฐบาล" เผย ครม.พร้อมรับศึกซักฟอกหลัง 15 ก.พ. "ฝ่ายค้าน" โวยช้าไปขอเป็น 1-3 ก.พ.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 12 ม.ค. ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตรได้เดินลงมาจากตึกบัญชาการ 1 อย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเปิดแมสก์และยิ้มให้กับสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์

ทั้งนี้ สื่อมวลชนได้ขอสอบถามประเด็นการเมือง แต่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่าไม่ได้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อถึงการเตรียมวางคิวลงพื้นที่หาเสียงของ พปชร. พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามใดๆ และขึ้นรถยนต์ออกจากทำเนียบฯ ทันที

ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวก่อนการอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ว่า เป็นการอบรมอย่างต่อเนื่องหลายรุ่นของพรรค เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่รณรงค์ในการหาเสียงเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในปีนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดคือการแนะนำให้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวกันอย่างไร

"เราได้สร้างนายกรัฐมนตรีมาแล้วในการเลือกตั้งปี 62 วันนี้เราต้องร่วมแรงร่วมใจในการที่จะสร้างหัวหน้าพรรคของเรา ร่วมผลักดันให้หัวหน้าพรรรคของเราขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ การที่จะขึ้นมาได้ ขึ้นอยู่กับพรรคจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่" นายวิรัชกล่าว

รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า ขณะนี้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ รวมถึงที่เป็นอดีต ส.ส. มีแล้วประมาณ 120 คน โดยเรานำมาเข้าคอร์สอบรม ซึ่งถ้าส่วนนี้เราได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะช่วยกันให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีก็เริ่มแจ่มใสขึ้น

ถามถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. นายวิรัชกล่าวว่า ในช่วงนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมผู้สมัครอีก 1 ชุดอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เรายังไม่ได้เปิดตัวเลย ถ้ารวมในชุด กทม.แล้วก็คิดว่าเราคงไม่แพ้พรรคอื่น ในส่วนของนโยบาย และในส่วนของการทำงานของ พล.อ.ประวิตร น่าจะเป็นแรงผลักดันให้ กทม.เรามีโอกาสได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. 

ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการทำงานในพรรค รทสช.ว่า มั่นใจคะแนนเสียงในพื้นที่ของตนแม้จะเปลี่ยนพรรค เพราะอยู่ที่ตัวผู้สมัครที่สามารถจับต้อง โทร.หาและช่วยเหลือได้ เชื่อว่าชาวบ้านจะเลือกผู้แทนฯ ที่จับต้องได้ ซึ่งส่วนตัวมั่นใจจะทำให้ ส.ส.ในกลุ่มได้กลับมาอีกครั้งหลังเลือกตั้ง เพื่อให้ถึงเป้าหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

นายสุชาติยังขอร้องสื่ออย่านำ พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตรมาเปรียบเทียบชนกัน การที่มีคนของพรรค พปชร.ไหลมาอยู่ รทสช.ก็เพียงนิดเดียว แต่ไปที่อื่นเยอะมากกว่านี้อีก

'เฮ้ง' มั่นใจสานฝันบิ๊กตู่

ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์วางไว้ให้มีตำแหน่งสำคัญใดในพรรค รทสช.หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เชื่อว่าไม่ เพราะตนจะลงสมัคร ส.ส.เขตเหมือนเดิม หากเป็นเลขาธิการพรรคจะเอาเวลาตรงไหน ซึ่งนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคเป็นน้องตนอยู่แล้ว สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง และคิดว่านายเอกนัฏมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว รวมทั้งเรามีเป้าหมายเดียวกัน เราไม่ได้มองที่ตัวบุคคลหรือประโยชน์ส่วนตัว แต่เรามองประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ

ซักว่า มั่นใจว่า ส.ส.ในกลุ่มจะได้กี่เสียง นายสุชาติกล่าวว่า มีความรู้สึกว่าต้องทำให้ได้ ซึ่งในกลุ่มที่ตนชวนมามีทั้งภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก เชื่อว่าจะได้ 40 เสียง ซึ่งตนจะทำในส่วนของตัวเอง

"พูดไปก็เหมือนว่าจะโม้ แต่หลังเลือกตั้งจะรู้เองว่าจริงหรือเท็จ ซึ่งผมจะมียุทธศาสตร์ในการดำเนินการ แต่ไม่ต้องถามว่าทำอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของผม" นายสุชาติกล่าว

ที่โรงแรมมายโฮเต็ล ซีเอ็มวายเค แอท รัชดา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รวมทั้ง ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ และคณะ ได้พบปะพูดคุยและรับฟังปัญหาจากแกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ (ชาวไทยภูเขา) นำโดยนายชินกร ก้าววิทยาคม นายกสมาคมลัวะแห่งประเทศไทย พร้อมแกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ ในพื้นที่ภาคเหนือเข้าร่วมหารือครั้งนี้

จากนั้น นายพีระพันธุ์, นายเอกนัฏ และ ดร.หิมาลัย พร้อมคณะได้พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากประธานกลุ่มลำไยจาก 3 จังหวัดภาคเหนือ นำโดย จ.ส.ต.นิกร บุญชัย ประธานกลุ่มลำไย จังหวัดเชียงราย, นายประจวบ ทาก๊า ประธานกลุ่มลำไยแปลงใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่, อาจารย์สนั่น มีสอน ประธานกลุ่มลำไยจังหวัดลำพูน และตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือเข้าร่วมหารือ โดยประเด็นสำคัญเรื่องการเยียวยาและเรื่องประกันรายได้ รวมทั้งปัญหาลำไยตกต่ำ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยในพื้นที่ภาคเหนือได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าว

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานการประชุม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดด้วยวาจาถาม พล.อ.ประยุทธ์เรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษานายกฯ

ทั้งนี้ มีนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนว่า รัฐบาลได้ชี้แจงไปหลายวันแล้วว่าเป็นตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีเงินเดือน แต่ยังนำมาถามให้เสียเวลาสภา รัฐบาลใดก็ทำ ทั้งรัฐบาลนายทักษิณและรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ส่วนการเบิกต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของที่ปรึกษานายกฯ นั้น หลักการคือต้องได้รับการอนุมัติจากนายกฯ เสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตั้งกระทู้ถามนายจิรายุ ได้พาดพิงไปถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่นายกฯ ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอยู่หลายครั้งว่าเป็นพรรครวมไทยสร้างหนี้ ซึ่งนายศุภชัยได้ขอให้นายจิรายุหยุดพูด เพราะการพูดพาดพิงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับฝ่ายใด แต่นายจิรายุย้อนกลับว่า ขอโทษด้วย แต่ตนก็เหมือนกับนายศุภชัยพูดปราศรัยพาดพิงคนอื่น

 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเตรียมจัดกิจกรรม "ครอบครัวเพื่อไทย อีสานยามใด๋ เพื่อไทยทอนั่น" จ.อุดรธานี วันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยในช่วงเช้าทีมครอบครัวเพื่อไทยจะลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ อ.บ้านดุง และ อ.เพ็ญ เพื่อนำเสนอนโยบายที่พรรค เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป จะมีการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ทุ่งศรีเมือง อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี 

พท.จัดอีเวนต์ทั่วทุกภาค

"ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยใหญ่เวทีกลางแจ้ง ในบรรยากาศของการเตรียมการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย ที่จะนำเสนอนโยบายและเป้าหมายไปสู่การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง" นายณัฐวุฒิกล่าว    

ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยกล่าวว่า หลังการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยที่ จ.อุดรธานีแล้ว จะมีการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคกลาง อีสานใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จนกว่าจะมีการยุบสภา เมื่อมีการยุบสภาแล้วพรรคจะจัดเวทีปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อประกาศคิกออฟนโยบายชุดใหญ่ เป็นนโยบายในโค้งสุดท้ายเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

"เป้าหมายของพรรคคือการมุ่งเป้าที่การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเอาชนะกติกาที่ พล.อ.ประยุทธ์วางเอาไว้ให้ได้ โดยส่วนตัวคาดการณ์ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน มี.ค.นี้ เป็นการคาดคะเนจากตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดติดกับอำนาจ จะกอดอำนาจไว้ให้นานที่สุดจนวินาทีสุดท้าย" ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยกล่าว

มีรายงานว่า ภายหลังจากที่นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ประกาศจะยุติบทบาททางการเมือง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ แต่ยังคงให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยอยู่นั้น ล่าสุดมีรายงานว่า นายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล กำนัน ต.กุดโบสถ์ ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา บุตรชายนายวีรศักดิ์ มีแนวโน้มจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) และจะลงสมัคร ส.ส.นครราชสีมาในพื้นที่อำเภอเสิงสาง  เพื่อแข่งขันเลือกตั้งกับนายพรชัย อำนวยทรัพย์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย รวมทั้งนายนรเสฏฐ์ ศิริโรจนกุล รองนายก อบจ.นครราชสีมา หลานชายนายวีรศักดิ์ ก็มีแนวโน้มสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ซึ่งจะลงสมัคร ส.ส.นครราชสีมาในพื้นที่อำเภอปักธงชัย ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย

"ทั้งนายอาทิตย์และนายนรเสฏฐ์ได้มาลานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" แหล่งข่าวระบุ

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงจุดยืนของพรรคท่ามกลางความขัดแย้งแบ่งขั้วของพรรคการเมืองว่า หากเราได้เป็นแกนนำรัฐบาล สิ่งที่จะทำคือการทำงาน เรื่องขั้วเรื่องข้างต้องเลิก  การตรวจสอบต้องโปร่งใส ทำตามหลักการที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ว่าบิดเบือน โจมตี ใส่ร้ายกันอย่างเอาเป็นเอาตาย มุ่งด้อยค่าอีกฝ่าย การสลายขั้วเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้บริหารประเทศรับฟังและประนีประนอม มีเป้าหมายจะทำงานไปข้างหน้า

"เราอยากดึงมือคนไทยออกจากกองไฟ เป็นแนวทางของพรรค เรามีคุณสมบัติที่จะทำสิ่งเหล่านี้ จากแนวปฏิบัติที่ผ่านมา ความคิดของผู้บริหารพรรคก็อยู่ในแนวนี้ ถ้าใครมองว่าความขัดแย้งมันไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จความก้าวหน้า และยิ่งถ้ามองว่าความสามัคคีคือเส้นทางสู่ความเจริญรุ่งเรือง ผมมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยน่าจะอยู่ในใจท่าน” นายอนุทินกล่าว

รบ.ขอซักฟอกหลัง 15 ม.ค.

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พรรคชาติพัฒนากล้าได้จัดเวทีเปิดวิสัยทัศน์ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคใน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้ชื่องาน “งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสุราษฎร์ธานี” นำทีมโดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า รวมทั้งได้นำว่าผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ 3 คน จาก 3 เขตเลือกตั้งคือ เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้แก่ นายอนุวัตร์ รจิตานนท์, เขตเลือกตั้งที่ 2 นางพงศ์ศรี นาคเมือง และเขตเลือกตั้งที่ 5 นายวศุธน เรืองขนาบ

นายกรณ์กล่าวว่า ผู้สมัครทั้ง 3 คน เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาสุราษฎร์ธานีให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาว จ.สุราษฎร์ธานีให้ดีขึ้น

วันเดียวกัน มีรายงานว่าเมื่อเร็วๆ นี้นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการ​การเลือกตั้ง (กกต.)​ และนายทะเบียนพรรคการเมือง มีหนังสือตอบกลับข้อสอบถามของนายทินกร ปลอดภัย ผู้อำนวยการพรรคไทยภักดี กรณีขอความชัดเจนว่าในช่วงระยะเวลา 180 วัน ก่อนสภาผู้แทนราษฎรครบวาระตามมาตรา 68 พระราช​บัญญัติ​ประกอบ​รัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2560 พรรคสามารถจัดประชุมแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดและการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง ซึ่งมีสมาชิกของพรรคเข้าร่วม สามารถจัดให้มีอาหารว่างสำหรับสมาชิกได้หรือไม่ และรูปแบบงานเป็นการจัดประชุม มีเวทีปราศรัยเพื่อแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตพื้นที่นั้นๆ ได้หรือไม่

โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ความเห็นว่าการจัดประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดและการจัดตั้งสาขาพรรคเป็นกิจการปกติของพรรคการเมือง ที่สามารถทำได้ตามมาตรา 33 และมาตรา 35 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ประกอบข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 12 ข้อ 13 ของประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่องการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งการจัดให้มีอาหารว่างสำหรับสมาชิกพรรคการเมืองผู้เข้าร่วมประชุมสามารถทำได้ แต่พึงระมัดระวังมิให้เป็นการกระทำเพื่อจูงใจลงคะแนนให้แก่ตนหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นส.ส.ตามมาตรา 73 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจากขณะนี้อยู่ในห้วงเวลาการหาเสียงตามมาตรา 68 (1)กฎหมายเดียวกัน

ส่วนการจัดประชุมมีเวทีปราศรัยเพื่อแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตพื้นที่นั้นๆ พรรคการเมืองสามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายกำหนดว่าภายหลังการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดแล้ว ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมอื่นๆ อีก แต่ต้องพึงระมัดระวังมิให้เป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 73 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 และมาตรา 50 ประกอบมาตรา 53 และมาตรา 54 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560

ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงถึงญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหนังสือกลับมาที่สภาว่า ครม.มีความพร้อมตอบชี้แจงญัตติดังกล่าวในวันที่ 15 ก.พ.2566 เป็นต้นไป ซึ่งวิปรัฐบาลเห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากมีประเด็นฝ่ายค้าน 20 ประเด็นนั้น ทุกประเด็นที่ฝ่ายรัฐบาลได้ติดตามมา สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน โดยได้มีการเตรียมข้อมูลในประเด็นสำคัญไว้ทั้งหมด 40 ประเด็นสำคัญ แต่จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของแต่ละฝ่าย จึงขอเชิญชวนประชาชนติดตามการอภิปรายที่สำคัญครั้งนี้

ทั้งนี้ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับมอบหมายจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมวิปทั้ง 2 ฝ่ายประชุมในวันที่ 25 ม.ค. เพื่อหารือกำหนดวันอภิปราย ซึ่งคาดว่าน่าจะได้อภิปรายวันที่ 15-16 ก.พ. หรือวันที่ 23-24 ก.พ. อย่างไรก็ตาม วิปรัฐบาลยืนยันให้ใช้เวลาประมาณ 2 วัน จึงขอให้ได้อภิปรายกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นว่าการที่ครม.ให้เริ่มอภิปรายวันที่ 15 ก.พ.นั้น ถือว่าล่าช้า ซึ่งท่านไม่ได้แจ้งเหตุผล ทราบเพียงเหตุผลจากสื่อมวลชนเท่านั้นว่าวันที่ 14 ก.พ. เป็นวันแห่งความรัก อยากให้คนรักกัน ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าว ฝ่ายค้านเห็นว่าการที่มีหนังสือเช่นนี้น่าจะคลาดเคลื่อน น่าจะขาดเหตุผล จึงขอให้กำหนดวันประชุมใหม่ เป็นวันที่ 1-3 ก.พ.นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง