กัดฟัน3ป.Forever ‘ประวิตร’เปิดใจปม‘น้องตู่’/‘ประชาธิปัตย์’คึกชู8นโยบายสู้

“บิ๊กป้อม” เปิดใจ 3 ป. Forever แต่ไม่สามารถบรรยายโดน “บิ๊กตู่” เทไป รทสช.ได้ “ประยุทธ์” ย้ำรักกันเหมือนเดิม ขออย่าถามให้แตก “วิรัช” ตีปี๊บ “ประวิตร” นายกฯ โซ่ข้อกลาง ได้ทุกขั้ว “ปชป.” ชู 8 นโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง ไม่กลัวพรรคตู่ บอกไม่มีอะไรใหม่

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 ม.ค. เพจเฟซบุ๊ก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเพจทางการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการโพสต์จดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. โดยเนื้อหาระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยครั้งใหญ่ หลังการรัฐประหารโดย คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ด้วยความจำเป็นของกองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ต้องออกจากกรมกองมายุติวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่ก่อตัวมานานนับปี จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียงประเทศ และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ขณะนั้นผมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปตั้งแต่ พ.ศ.2548 จึงทำได้เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์จัดตั้งรัฐบาลเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมก็ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อหวังจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ให้คืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ต้องยอมรับความจริงว่า คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง เพราะต่างก็เป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต ฝึกฝนเรียนรู้มาในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตัวผมเองก็เช่นกัน แม้จะเคยเป็น รมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเมือง จึงทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพเท่านั้น

ในจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร ระบุอีกว่า ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รีบจัดการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลในขณะนั้นก็ตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน และความชอบธรรมของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงการยอมรับจากประชาคมโลก จึงเร่งผลักดันกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว

“เมื่อกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงความประสงค์จะทำงานการเมือง โดยอ้างว่าเพื่อสานต่อภารกิจที่ดำเนินการไว้ให้สำเร็จ ผมจึงตัดสินใจสนับสนุนให้มีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งและเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯ ตามที่เจ้าตัวปรารถนา”

ในช่วงเวลาของการเป็นแกนนำรัฐบาล  มีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจใน ครม. แต่จำเป็นต้องสงวนท่าทีตามมารยาททางการเมือง ประกอบกับยังไม่มีอะไรชัดเจนว่ามติในเรื่องใดๆ จะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นกับบ้านเมือง

มาบัดนี้ ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงจุดยืนทางการเมืองเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ว่าจะแยกทางจากพรรคพลังประชารัฐที่เคยสนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตรงกับที่สื่อมวลชนไปสืบข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์

“ผมเคยกล่าวไว้ว่า “3 ป. Forever” มาวันนี้ ผมก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในเมื่อท่านตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ผมก็ไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ คงจะบอกได้เพียงว่า ผมขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ขอให้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองใหม่ที่ท่านได้ตัดสินใจเลือกแล้ว”พล.อ.ประวิตรระบุ

สำหรับผม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขอประกาศในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะขอรับผิดชอบ และจะไม่มีวันทอดทิ้งสมาชิกพรรคทุกคน ที่เคยทำงานการเมืองมาด้วยกัน และพร้อมจะเดินนำทุกคนที่มีความเชื่อมั่นในความตั้งใจอันแน่วแน่ของผม เข้าสู่การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป เพื่อกลับมาเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการเผยแพร่จดหมายเปิดใจ ปรากฏว่า พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกฯ ของ พล.อ.ประวิตร ได้รีบออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน ยืนยันว่าเพจดังกล่าวเป็นเพจปลอม โดยอยู่ระหว่างแจ้งความดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง แต่จากนั้นอีกราว 20 นาที พล.อ.คงชีพได้ขอแก้ข่าว โดยระบุว่า เพจดังกล่าวเป็นของพรรคจริง ขออภัยเข้าใจคลาดเคลื่อน

3 ป.รักกันอยู่แล้ว

ขณะที่ช่วงสาย พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม เพื่อติดตามการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก ระบบป้องกันน้ำท่วม และการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ เสร็จแล้วในช่วงเที่ยงได้เดินทางไปกราบสักการะหลวงพ่อบ้านแหลม และเข้ากราบนมัสการพระสมุทรวชิรโสภณ เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ต.แม่กลอง อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม จากนั้นได้นั่งรถกอล์ฟมายังริมน้ำเพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักและระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมืองสมุทรสงคราม โดย พล.อ.ประวิตรได้ยอมรับว่า จดหมายเปิดใจที่เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นของจริง เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นแหละ ซึ่งเป็นเพจของ พปชร.

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เปิดใจถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เขียนเองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นการเปิดใจถึงนายกฯ แต่เป็นเรื่องที่พรรคสอบถามว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องจริงก็เป็นอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ เมื่อถามอีกว่าได้ดูเนื้อหาในจดหมายหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้ำว่า ก็ดูแล้วไม่มีอะไร เรื่องจริงทั้งนั้นแหละ เมื่อถามย้ำว่าจะมีจดหมายเปิดใจถึงน้องฉบับที่ 2 อีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มีแล้ว เมื่อถามว่า 3 ป.ยัง Forever เหมือนเดิมใช่หรือไหม พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า “ก็ Forever อยู่แล้ว”

เมื่อถามว่า ได้วางแผนงานลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงแล้วหรือยัง หัวหน้าพรรค พปชร.เปิดเผยว่า เริ่มเมื่อไหร่ก็เริ่มเมื่อนั้น ทั้งนี้ จะใช้เรื่องน้ำเป็นนโยบายหลักในการหาเสียง

สำหรับบรรยากาศระหว่างสองข้างทาง มีประชาชนเข้ามาทักทายขอถ่ายรูป โดย พล.อ.ประวิตรได้ทักทายประชาชนทั้งสองข้างทาง ขณะเดียวกัน มีประชาชนบางส่วนชมว่า ลุงป้อมเป็นคนใจดี และจังหวะหนึ่งเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวได้เรียก พล.อ.ประวิตรว่า สวัสดีท่านนายกฯ ทำให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลังและเลขาธิการพรรค พปช.พูดว่า เขาเข้าใจถูกแล้ว

จากนั้นก่อนเดินทางกลับ หัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงจดหมายเปิดใจอีกครั้งว่า ไม่มีอะไร ก็พรรคเขาทำ พร้อมกับชี้แจงว่าไม่ได้เป็นการส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นการส่งให้ประชาชนรู้ว่าเราทำงานอะไรบ้าง และยังย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับพล.อ.ประยุทธ์ยังดีกันอยู่ ไม่มีอะไรหรอก

วันเดียวกัน ที่โรงเรียนโพธิสารพิทยากร เขตตลิ่งชัน พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตรว่า ก็ท่านเปิด เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตรเปิด ที่ท่านทำเป็นเรื่องของท่าน ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น แล้วเป็นอะไรล่ะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอวยพรให้ พล.อ.ประยุทธ์ประสบความสำเร็จทางการเมือง โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ตนยังไม่ได้ฟังและไม่ได้ยิน แต่คิดว่าความปรารถนาดีมีให้กันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาท่านก็อวยพรตนตลอด รักกันอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ทำไมจะต้องให้มันแตกแยกกันล่ะ

ต่อข้อถามว่า แต่สิ่งที่สังคมเห็นคือ 3 ป.จะไม่มีวันแตกแยก และ พล.อ.ประวิตรย้ำมาในจดหมายด้วย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ใช่น่ะสิ ทำไมแล้วมันจะแตกกันหรือไง แล้วจะแตกกันได้ยังไง” เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรได้พูดมาในจดหมายด้วย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พูดกันมาตั้งนานแล้ว ตนก็พูด ใครก็พูด พล.อ.ประวิตรพูดมา 10 รอบกันแล้วมั้ง ถามกันอยู่นั่นแหละ

ชู‘ป้อม’นายกฯโซ่ข้อกลาง

ซักว่า แต่ข้อความ พล.อ.ประวิตรดูเหมือนน้อยใจ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า หรอ ไม่รู้สิ ตนยังไม่ได้ฟังเลย ท่านน้อยใจได้อย่างไรล่ะ เราต่างคนไม่ใช่คนขี้ใจน้อยกันอยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่าทุกเช้าที่จะไปร่วมดื่มกาแฟกันที่บ้านป่ารอยต่อฯ ทุกวันนี้ยังไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ถ้ามีเวลาก็ไป เวลาตนก็มี แต่ไม่ใช่ว่าจะว่างไปทุกที่ทุกวันเมื่อไหร่ ตนมีงานของตนว่างเมื่อไหร่ตนก็ไป วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ว่างตนก็ไป ก็แค่นั้นเอง ทำไมจะต้องล็อกตนตรงนั้นตรงนี้ด้วยล่ะ ชีวิตส่วนตัวของตนคือของตน ตนมีเวลาส่วนตัวของตน มีครอบครัวของตนใช่หรือไม่ จะมองทุกอย่างเป็นการเมืองทั้งหมดได้อย่างไร

"ผมอยู่กับท่านมา 40-50 ปีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องไปวันนี้หรอก ร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกันมาแล้ว ชายแดนก็อยู่มาด้วยกันแล้ว อะไรกันนักหนาไม่เข้าใจ ทำไมต้องถามทุกอย่าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยสีน่าเบื่อหน่าย

ถามว่า นายกฯ มีอะไรจะพูดผ่านสื่อหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ไม่มี จะให้พูดอะไรล่ะ ทำไมต้องฝากอะไรกับใครล่ะ ตนพูดกับท่านโดยตรงได้อยู่แล้ว ทำไมต้องฝากใคร และทำไมต้องขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ออกมาให้เป็นประเด็น ตนไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ แต่ตนทนได้ว่ากันไปเถอะ แต่ไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามอยู่แล้ว เรื่องดีๆ มีเยอะแยะ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้รีบเดินขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับทำเนียบฯ พร้อมบ่นว่าคำพูดมีตั้งเยอะ คำพูดดีๆ ก็มี แต่มาถามโน่นถามนี่กัน แล้วก็คิดกันไปเอง

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พปชร.จะสามารถเหมาชนะการเลือกตั้งในพื้นที่ 3 สมุทร 12 เขตเลือกตั้งได้ทั้งหมด ประกอบด้วย จ.สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ เนื่องจากผู้สมัครของพรรคใหม่สดยิ่งกว่าขนมปังอบใหม่ออกมาจากเตาเลย  

นายวิรัชยังกล่าวถึง 1 เหตุผลที่ พปชร.เห็นว่า พล.อ.ประวิตรเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 ว่า เพราะสามารถเป็นโซ่ข้อกลางพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภาสามารถประสานได้หมด เหมือนที่สื่อมวลชนบอกว่า วันนี้ พปชร. เป็นโซ่ข้อกลางทั้งสองฝั่ง ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้มีการดีลกับพรรคเพื่อไทยแล้วใช่หรือไม่ นายวิรัชอึดอัดและไม่ตอบคำถามดังกล่าวนี้ 

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่รู้ว่า พล.อ.ประวิตร เขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยเลือดหรือน้ำตา  การบอกว่าไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ หลังรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์แสดงจุดยืนทางการเมือง ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) สะท้อนความกระอักกระอ่วนใจจนสุดจะบรรยาย คิดไม่ถึงว่าอดีตลูกน้องที่เคยฟูมฟักตั้งแต่เป็นทหารเด็กๆ จะทำกับพี่ใหญ่ 3 ป.ได้ถึงเพียงนี้

“จดหมาย พล.อ.ประวิตร ยิ่งกว่าเปลือยตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จนล่อนจ้อนว่าเป็นคนเช่นไร มักใหญ่ใฝ่สูงเพียงไร และยืนยันคำซัดทอดครั้งก่อนอีกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์วางแผนยึดอำนาจรัฐประหารจากรัฐบาลเลือกตั้งของประชาชนเพียงคนเดียว” นายอนุสรณ์กล่าว และว่า  พล.อ.ประยุทธ์ทำกับอดีตนายทหารรุ่นพี่ ผู้มีพระคุณที่คอยสนับสนุนได้ถึงเพียงนี้

ปชป.จุดพลุ 8 นโยบาย

เมื่อวันศุกร์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรค ร่วมกันเปิดตัวนโยบายพรรค 8 นโยบายหลักด้านการเกษตร อยู่ในหมวดนโยบายเรื่องสร้างเงิน ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง

โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่าเรากำลังเดินเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเพราะวาระไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายนิติบัญญัติก็อยู่ได้ไกลสุดไม่เกินวันที่ 23 มี.ค.นี้ จึงเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนเศษจะมีการเลือกตั้ง สำหรับ ปชป.ได้แสดงความพร้อมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลหรือส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ซึ่งนโยบายก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดยุทธศาสตร์ไปแล้ว หาก ปชป.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะเป็นยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประเทศไปสู่อนาคตที่สดใส คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ

หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า วันนี้ ปชป.เปิดตัว 8 นโยบายทางด้านการเกษตร และนโยบายหลักในการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและใน กทม. โดยเหตุที่ ปชป.เล็งเห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและหมู่บ้านนั้น เป็นนโยบายที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ประเทศต่อไป และพัฒนาพื้นที่ชนบทต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะนโยบายด้านการเกษตร ที่เป็นดีเอ็นเอ ของประเทศต่อไป เพราะประชากรไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเกษตรกรรม” นายจุรินทร์ กล่าว

ด้านนายเฉลิมชัยกล่าวว่า ระยะเวลา 2 ปี เราทำและมีการสอบถามความพึงพอใจจากประชาชน วันนี้นโยบายจะเป็นนโยบายเริ่มต้นฐานรากของประชาชนชาวไทย และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นรูปธรรม เราไม่ต้องการเพียงแค่คะแนนเสียงอย่างเดียว ทั้ง 8 นโยบายคือ 1.การประกันรายได้ เกษตรกร ซึ่งเป็นการจ่ายเงินส่วนต่าง ทั้งข้าว มัน ยางปาล์ม และข้าวโพด ซึ่งจะเป็นการสานต่อนโยบายเดิมตามพรรคทำอยู่ 2.นโยบายให้เกษตรที่ปลูกข้าว คือชาวนา รับ 3 หมื่นบาทต่อ 1 ครัวเรือน เพราะวันนี้ ปชป.ทำนโยบายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนามากกว่าที่เราจะให้เงินไปเพื่อให้เขาเลือกเรา แต่เป็นการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

เลขาธิการพรรค ปชป.กล่าวว่า 3.ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เป็นการพัฒนาเด็กที่เป็นทรัพยากรในวันข้างหน้า และให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมได้ผลิตนมด้วย 4.ประมงท้องถิ่น เป็นการให้เงินอุดหนุนกับประมง 1 แสนบาทต่อปี ทั้ง 2,800 กลุ่ม 5.ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ต้องอยู่ภายใต้ ไอยูยู เพราะว่าเรายังต้องอยู่กับสากลอยู่กับนานาประเทศ 6.สิทธิที่ดินทำกิน คือการออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า 7.ออกกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ และ 8.ธนาคารหมู่บ้าน และชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ รวมทั้งในกรุงเทพฯ ทุกชุมชนด้วย 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่คนของ ปชป.ย้ายไป รทสช.และจะเกิดการแบ่งคะแนนกัน นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องที่ทราบอยู่นานแล้ว ซึ่ง ปชป.มีผู้สมัครเตรียมการไว้แล้ว จึงไม่กระทบเป้าหมายหลัก

น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรค พท. ออกมาชี้แจงกรณีนายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส.หนองบัวลำภู ลาออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคไม่ส่งลง ส.ส.เขต และมีการเสนอข่าวว่าพรรคให้ยุติความสัมพันธ์กับนักการเมืองพรรคอื่นว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ลุงของนายณัฐวุฒิเคยเป็น ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หลายสมัยจริง แต่ในปี 62 มีการเสนอให้นายณัฐวุฒิ ซึ่งเป็นหลานของนายวิชัยมาลงสมัคร ส.ส. นายวิชัยหันไปลงสมัครนายก อบจ.ในปี 63 ในระยะหลัง การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่มีการกล่าวหาว่ามีญาติของนักการเมืองใน พท.ไปร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคอื่น ซึ่งสร้างความไม่ชัดเจน และสร้างความคลุมเครือให้กับพรรคเป็นอย่างมาก

ที่โรงแรมเชียงใหม่ ออร์คิด จ.เชียงใหม่ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จัดสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค พร้อมคณะผู้บริหาร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ร่วมประชุม โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ต้องทำงานหนักให้พี่น้องทุกคนมั่นใจว่า ทสท.จะทำนโยบายที่ได้ประกาศไว้สำเร็จ เป็นรูปธรรมได้ภายใน 3 ปี หากได้รับโอกาสเป็นรัฐบาล สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือประชาชน อุดมการณ์ของไทยสร้างไทยคือการปลดปล่อยและเพิ่มพลังให้คนตัวเล็ก เพื่อให้พี่น้องประชาชนหายทุกข์ หายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน

นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ เปิดเผยว่า พรรคแรงงานสร้างชาติมีนโยบายมุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานทุกระดับ เราจะผลักดันให้มีการปฏิรูปการจ้างแรงงานที่เป็นธรรมในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน คำถามคือว่า ถ้าเราจะพัฒนาประเทศไทยไปข้างหน้า ให้มีสภาพเศรษฐกิจที่ดี แต่ว่าวันนี้คนทำงานยังมีการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม ไม่มีสวัสดิการ ค่าจ้างก็น้อยไม่พอยาไส้ แบบนี้ประเทศชาติจะเดินหน้าได้อย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง