ไล่ลุงตู่พาลุงโทนี่กลับ ‘อิ๊งค์’ปราศรัยเวทีอุดรธานีลั่นพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ

“บิ๊กป้อม” จัดขึ้นเหนือ “ลำปาง-พะเยา” จับตา “ธรรมนัส” พา ส.ส.รอรับ “จุรินทร์” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ 61 คน 16 จังหวัด ยันส่งครบทุกเขต “อิ๊งค์” หงายไพ่แล้ว ลั่นพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย รับคุย “เศรษฐา” วางนโยบาย ลั่นต้องแลนด์สไลด์ไล่ลุงตู่พาลุงโทนี่กลับมาเลี้ยงหลาน “พิธา” ยินดีล่วงหน้า ยัน ก.ก.พร้อมแข่งขันและร่วมมือ ย้ำไม่จับมือ “รทสช.-พปชร.”

เมื่อวันอาทิตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พบว่ามีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ ต่อเนื่อง โดยวันจันทร์ที่ 16 ม.ค. พล.อ.ประวิตรและคณะจะลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ลำปาง และพะเยา โดยมีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อม ส.ส.บางส่วนของพรรค จะมาต้อนรับ พล.อ.ประวิตร หลังมีกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสจะกลับมาร่วมงานกับพรรค พปชร.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนสาธารณะ เกาะแก้วหนองบัว หน้าที่ว่าการ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ได้จัดงานมหกรรมงานบุญคูณลาน เทศกาลหุ่นฟางยักษ์ มีผู้ร่วมงานประมาณ 2,000 คน ซึ่งในระหว่างจัดงาน พล.อ.ประวิตรได้วิดีโอคอลผ่านทีมงานมาทักทายประชาชนพร้อมอวยพรปีใหม่ และระบุว่าจะลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่ด้วย เรียกเสียงฮือฮาจากประชาชน และส่งเสียงเชียร์เรารักลุงป้อม รวมทั้งให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรและพรรค พปชร.พร้อมอวยพรขอให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ท่ามกลางเสียงปรบมือแบบดังกึกก้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พปชร.ว่า   น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกพรรค พปชร. ได้เข้ากราบลา พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 12 ม.ค. โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อแจ้งถึงการตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค โดยบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี หลังการพูดคุย พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งคาดว่า น.ส.ทิพานันได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ส่วนอนาคตทางการเมืองนั้น มีแนวโน้มว่าจะไปสมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคก่อนหน้านี้แล้ว                 ทั้งนี้ ก่อนที่ น.ส.ทิพานันจะเข้ากราบลา ปรากฏว่านางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ได้เข้าพบพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งคาดว่าจะมาคุยความชัดเจนเรื่องตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ 61 คน ใน 16 จังหวัดภาคเหนือ โดยเมื่อนายจุรินทร์เดินทางมาถึง บรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือและการแสดงกลองสะบัดชัยมาร่วมให้การต้อนรับ และมีประชาชนมามอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

นายจุรินทร์กล่าวก่อนขึ้นเวทีว่า ปชป.ยืนยันจะส่งครบทั้ง 71 เขต วันนี้อาจยังเปิดตัวไม่ครบ ทั้งนี้ ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง แต่ในใจมีตัวเลขและมั่นใจว่าครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากชาวภาคเหนือมากกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยยุทธศาสตร์ของพรรคหากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาตินั้น ก็จะเดินหน้ายุทธศาสตร์เพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และยั่งยืน

 “อิ๊งค์” พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ที่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยมี ส.ส.อุดรธานี และ ส.ส.ภาคอีสานอีกหลายจังหวัดร่วมลงพื้นที่ในกิจกรรม “อีสานยามใด๋ เพื่อไทยทอนั่น”

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รัฐบาลอยู่มา 8 ปี ไม่ขายอย่างอื่น เวลาไปต่างประเทศขายขี้หน้าอย่างเดียว วันนี้พอได้แล้ว หากบ้านเมืองจะดีมันคงดีนานแล้ว หากจะดีขึ้นต้องเปลี่ยนรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจำเป็นต้องเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ จะแบ่งใจไม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคสำรอง ไม่มีพรรคพี่ พรรคน้อง ถ้าจะชนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเลือกเพื่อไทยพรรคเดียวเพียวๆ แบ่งใจไม่ได้ เพื่อให้ได้ ส.ส.เกิน 250 เสียง ส่วนใครจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนั้น ได้ยินมาว่าพรรคจะเสนอชื่อ 3 คน ตามสิทธิ์ของกฎหมาย เสนอคนเดียวไม่ได้ เผื่อโดนสอยกลางทาง ต้องเสนอให้ครบ 3 คน เข้าใจว่า 1 ใน 3 คนนั้นน่าจะอยู่ในพื้นที่ตอนนี้

ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ว่า เตรียมวางแผนเปิดตัวตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ ตอนนี้ก็มีหลายกระแส ทั้งการยุบสภา การควบรวมพรรค และดูด ส.ส. แต่ก็ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เป็นสมาชิกพรรค พท. ถ้าจะมาช่วยหาเสียงก็ถูกต้องตามกฎหมาย แต่วันนี้นายเศรษฐาไม่ได้มา

ถามว่าหลังจากนี้มีโอกาสที่นายเศรษฐาจะร่วมลงพื้นที่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า มีโอกาสแน่นอน ทุกคนมีเป็นสมาชิกพรรค สามารถมาช่วยหาเสียงได้ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งพรรคขอคำปรึกษานายเศรษฐาอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วทั้งเรื่องของนโยบายและเศรษฐกิจ นายเศรษฐาเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และยังปรึกษานักวิชาการ รวมทั้งคนที่มีความรู้ต่างๆ มากมาย เพื่อทำนโยบายของพรรค ให้ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน

ถามอีกว่า นายเศรษฐาจะเป็นหนึ่งแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ต้องรอก่อนว่าจะเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิก็พูดแล้วว่า มีอยู่แถวๆ นี้อีกหนึ่งคน

เมื่อซักว่า ที่บอกว่าอยู่แถวๆ นี้คือน.ส.แพทองธารใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ก็ไม่ทราบ และเป็นใครก็ไม่ทราบเหมือนกัน

 “อิ๊งค์พร้อมนะคะ เพราะอิ๊งค์รู้สึกว่าเราลงมาจุดนี้ อยากให้พรรคแลนด์สไลด์เพื่ออะไร เพื่อนำนโยบายต่างๆ ที่สัญญากับประชาชนทุกจังหวัดผลักดันให้เกิดขึ้นจริงๆ ให้ได้ คือสิ่งที่อิ๊งค์คิด แต่แน่นอนว่าเป้าหมายของอิ๊งค์คือนโยบายที่ผลักดันให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าสุดท้ายแล้วพรรคมีคนที่เหมาะสมกว่าอิ๊งค์ก็พร้อมเหมือนกัน” น.ส.แพทองธารกล่าวเมื่อถูกถามว่ามีความพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ขณะที่นายประเสริฐกล่าวว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ อยู่ในขั้นตอนการหารือของคณะกรรมการบริหารพรรค ส่วนจะเป็นเดือน ก.พ.หรือไม่นั้น ต้องดูสถานการณ์การเมืองประกอบด้วย วันที่ 7 ก.พ.นี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่ ส.ส.จะย้ายพรรค ส่งผลให้สภามีปัญหาเรื่ององค์ประชุมและมีโอกาสยุบสภาได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรค พท.พร้อมจับมือกับพรรค พปชร.ดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นนายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หลักการของพรรคต้องหาเสียงเพื่อการแลนด์สไลด์เพื่อทำทุกนโยบายที่สัญญาไว้ให้สำเร็จ หากต้องจับมือจริงๆ จะจับมือกับคนที่ไม่ขัดกับประชาธิปไตย มีความคิดเห็นด้านนโยบายตรงกัน เพราะเราคิดนโยบายมาไม่ใช่แค่ให้ชนะเฉยๆ แต่ต้องการทำให้สำเร็จ ถ้าคนที่จะมาจับมือไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายหรือไม่ได้เห็นด้วยกับประชาธิปไตย ก็คงจะไม่ใช่แนวทาง

ปัดจับมือพลังประชารัฐ

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ นายประเสริฐกล่าวว่า ขอปฏิเสธ ไม่เคยคุยกันเรื่องนั้น และหลักการของพรรคเราก็เป็นไปตามที่ น.ส.แพทองธารได้กล่าวไป ถึงอย่างไรก็ต้องรอหลังเลือกตั้ง

ส่วน น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า เราต้องเคารพสิทธิ์ของประชาชนก่อน อยากให้เคารพเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนเลือกใครเป็นเสียงข้างมากก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล

ในเวลา 16.20 น. การจัดปราศรัยใหญ่ “อีสานยามใด๋ เพื่อไทยทอนั่น” ก็ได้เริ่มขึ้น โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคปราศรัยตอนหนึ่งว่า เมื่อก่อนมีคำพูดว่าน้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก นายกฯ เป็นของประชาชน แต่ตอนนี้ต้องบอกว่า น้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก นรกจะเป็นของคนหน้าด้าน คนอีสานกับไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย คือเนื้อเดียวกัน หัวใจเดียวกัน เราผูกชีวิตติดกับคนอีสาน ทุกพรรคที่คิดจะมาเอาคะแนนคนอีสานจงฟัง คนอีสานไม่ชอบเผด็จการ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เขาจึงต้องหาคนที่จะมาทำให้หลุดจากความยากจน ขอบอกเผด็จการว่า แม้จะยุบพรรคเราก็จะตั้งพรรคอีก ยุบเพื่อไทยก็จะตั้งเพื่อเธอ ยุบอีกก็ใหญ่กว่าเดิม    

“คนอีสานมีภารกิจใหม่ ที่เราต้องคิด ทำร่วมกัน เผด็จการยังไม่ตาย เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้า คนอีสานต้องเกาะกันแน่นๆ สั่งสอน แล้วเอาเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เพื่อปากท้องความกินดีอยู่ดีของเรา” นายสุทินกล่าว

 เมื่อนายสุทินปราศรัยเสร็จ ได้มีการเปิดตัว น.ส.แพทองธาร โดยมีการเปิดเพลงเชียร์พรรค พท.ให้แลนด์สไลด์ในจังหวะสนุกสนาน แล้วให้ น.ส.แพทองธารเดินฝ่าประชาชนจากด้านล่างเวที โดยได้รับการรุมล้อมจากผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมาก เมื่อขึ้นเวทีก็มี ส.ส.แกนนำพรรคต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนปรบมือรอให้การต้อนรับอย่างคึกคัก โดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ที่ทำหน้าที่โฆษกบนเวที ถึงกับบอกว่า “ก่อนมา ฮ้อนไหมครับพี่น้อง แดดร้อนไหมครับ พอเพิ่ลมาแดดหาย นี่สิครับ คนจะเป็นนายกรัฐมนตรี”

ต่อมานายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกพรรคและแกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยด้วยความดุเดือดตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ชีวิตมีแต่ยึดอำนาจ ดูแลไม่ให้เรือไม่ให้ล่มได้หรือไม่ จะไว้วางใจได้อย่างไร เขารู้หมดแล้ว 8 ปีทำอะไร ส.ส.เพื่อไทยทำหน้าที่เต็มที่ เราทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ บัญชีทรัพย์สินยังไม่ยื่นเลย เที่ยวนี้เราจะกำหนดชะตากรรมประเทศ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปสู่นรก สาธุ ไปไหนก็ให้เครื่องบินตก ข้ามถนนก็ขอให้แท็กซี่ชน จอมพลถนอมมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่กล้าเปิดทรัพย์สิน จะอยู่กับนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะถูกกระทำ

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. ปราศรัยว่า คำพูดเดียวที่อยากขอกับพี่น้องประชาชน คือ เพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ แลนด์สไลด์ทั้งอุดรธานี และแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 8 ปีที่ผ่านมาเราพอหรือยัง ฉะนั้นต้องเข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 บัตร มันจำเป็นจริงๆ ต้องเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาด ไม่เช่นนั้นเขาจะใช้กลเม็ดและวิธีการแม้เราจะได้ ส.ส.อันดันหนึ่ง ถ้าไม่ได้ 250 เสียง เขาจะมาแย่งเราจัดตั้งรัฐบาลอีก ซึ่งไม่ได้โลภ ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูง เราต้องสู้ด้วยอำนาจพี่น้องประชาชน เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของพี่น้องประชาชนชาวไทย ยืนยันว่าพอยุบสภาเราจะประกาศหมัดฮุกทันที แต่ไม่ได้ไปทุบหัวใคร ย้ำว่าวันนี้ถึงเวลารวมใจเป็นหนึ่งเพื่อแลนด์สไลด์ อุดรธานีต้องเพื่อไทยยกจังหวัดเพื่อไล่ลุงคนนั้น

ไล่ “ลุงตู่” พา “ลุงโทนี่” กลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่ง นพ.ชลน่านปราศรัยว่า เรามั่นใจว่าจะมีนายกฯ เพื่อนำสู่อนาคตอันรุ่งเรือง เมื่อ นพ.ชลน่านถามประชาชนว่า ว่าที่นายกฯ ของเราคือใคร ประชาชนตะโกนว่า “อุ๊งอิ๊งๆ” ทำให้ นพ.ชลน่านระบุว่า ชื่อนี้พี่น้องประชาชนเป็นคนพูดเอง ตนไม่ได้พูด

นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า กลุ่ม 3 ป. เขาบอกว่าแตกกันแล้ว วิเคราะห์ถึงคราวแยกกันเดิน แต่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรคงเดินไปไม่ไกล เพราะเดินไม่ค่อยไหว ที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะต่างคนต่างอยากเป็นนายกฯ ถ้าพรรค พล.อ.ประยุทธ์ได้มากกว่าก็เป็นนายกฯ ถ้าพรรค พล.อ.ประวิตรได้มากกว่าคงน่าดู สองพรรคนี้หลอกต้มคนไทย ถ้าถึงเวลาถ้าเราจะส่งกลับบ้านต้องส่งกลับไปพร้อมๆ กัน

 “ขอชวนพี่น้องสู้กันอีกที สู้ครั้งนี้ไม่เสี่ยงเจ็บ เสี่ยงตาย เสี่ยงคุก แค่ลุกออกมาเข้าคูหากาเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ให้ได้ 280 ที่นั่งแลนด์สไลด์” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ต่อมา น.ส.แพทองธารปราศรัยปิดท้ายว่า มีคนถามว่าเคยมา จ.อุดรธานีแล้วทำไมมาอีก ทำไมจะไม่มาก็ จ.อุดรธานีเคยเป็นเมืองหลวงของเพื่อไทยตอนนั้นเกิดน้ำท่วมที่ จ.อุดรธานี คุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร) เป็นนายกฯ ก็สั่งระเบิดถนนไปทำให้น้ำท่วมหมดไป และ จ.อุดรธานีน้ำก็ไม่เคยท่วมอีกเลย การที่จะช่วยพี่น้องแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่เราถูกขัดขวางบ่อยครั้ง มาครั้งนี้เพื่อไทยขออาสา ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนและขออาสาแก้ไขปัญหาทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง แม้จะใช้เงินเยอะ แต่เราก็ต้องทำ แต่เพื่อไทยไม่กลัว เพราะเราหาเงินเป็น เราจะทำให้เกษตรกรอยู่ดีกินดี ร่ำรวยกันหมด เราต้องคิดใหญ่ทำเป็น ค่าแรง 600 บาท เพื่อไทยทำได้จริง 600 บาทไม่ไกลเกินจริง เพราะเราเคยทำ 300 บาทมาแล้ว ภายในปี 2570 ค่าแรง 600 บาททำได้แน่นอน

 “อยากให้กลับไปบอกคนที่ไม่ได้มาวันนี้ว่าเพื่อไทยมาแล้ว มาเพื่อบอกว่าเรามาสร้างความฝัน มาเพื่อสร้างความหวัง และต้องไม่ใช่แค่ความฝัน แต่ต้องเป็นความจริง เอาลุงกลับไป เพื่อไทยมาแล้ว เอาลุงกลับไปเลี้ยงหลาน ลุงโทนี่จะได้กลับมาเลี้ยงหลานบ้าง รับเงินหมา กาเพื่อไทย ขอให้ชาวอุดรฯ เลือกทั้งคนและพรรคทั้ง 9 เขต” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทย เตรียมเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ 2 รายชื่อ ที่ยืนยันแล้วคือ น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา ว่าต้องขอแสดงความยินดี โดยพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะทั้งแข่งขันและร่วมมือกับแคนดิเดตทั้ง 2 ท่าน ซึ่งรู้จักมานานตั้งแต่ก่อนทำงานการเมืองทั้งคู่ ส่วนการลงพื้นที่ก็ไม่หนักใจ มั่นใจว่าจะลงพื้นที่ทั่วประเทศแน่นอน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หลังเลือกตั้ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา เห็นว่า ก็อนุมานไปได้เรื่อยๆ แต่สิ่งที่พรรค ก.ก.สามารถควบคุมได้ คือเงื่อนไขที่ชัดเจน เช่น พรรคทหารจำแลงอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติหรือพลังประชารัฐ เราไม่สามารถเข้าร่วมได้อยู่แล้ว

ที่ จ.สมุทรปราการ พรรคไทยภักดี เปิดการปราศรัย ‘ไทยภักดี "รบแตกหัก" คนโกงชาติ รุก..สมุทรปราการ’ นำโดย นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรค, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค,พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรค, นายทินกร ปลอดภัย ผู้อำนวยการพรรค และได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ 2 เขต นายปพน บุณริ้ว เขต 2 และนายจิรศักดิ์ แสงแจ่ม เขต 6 ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชนเรื่องพรรคการเมืองขนาดเล็กและการควบรวม จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วย พบว่า เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการตัดสินใจของพรรคการเมืองขนาดเล็กในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ภายใต้กติกาบัตร 2 ใบ พบว่า ตัวอย่าง 46.26% ระบุว่าควรเดินหน้าต่อด้วยการไปควบรวมกับพรรคการเมืองอื่น รองลงมา 37.56%  ระบุว่าควรเดินหน้าต่อไปในนามพรรคการเมืองเดิม 15.34% ระบุว่าควรยุติบทบาททางการเมือง

เมื่อถามผู้ที่ระบุว่า ควรเดินหน้าต่อด้วยการไปควบรวมกับพรรคการเมืองอื่นเกี่ยวขนาดของพรรคการเมืองที่ควรไปควบรวม พบว่า 61.55% ระบุว่าควรไปควบรวมกับพรรคการเมืองที่มีแนวโน้มจะเป็นพรรคขนาดใหญ่ 27.39% ระบุว่าควรไปควบรวมกับพรรคการเมืองที่มีแนวโน้มจะเป็นพรรคขนาดกลาง และ 11.06% ระบุว่าควรไปควบรวมกับพรรคการเมืองที่มีขนาดเล็กเหมือนกัน     

นายประเสริฐกล่าวถึงกรณีการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ขณะนี้เราได้ยื่นญัตติเปิดอภิปรายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งสังกัดพรรค รทสช.แล้ว ซึ่งไม่มี ส.ส.ในสภา ก็อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะยุบสภาหนีการอภิปราย รัฐบาลได้แจ้งมาว่าจะให้มีการอภิปรายช่วงประมาณหลังวันที่ 15 ก.พ. แต่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติดังกล่าวไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ระยะเวลากว่า 40 วันมันนานเกิน ปกติหลังยื่นไม่เกิน 2 สัปดาห์จะรู้ผลแล้ว แต่คราวนี้มันผิดปกติ ซึ่งเราประเมินสถานการณ์ตลอด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง