"บิ๊กป้อม" ลงพื้นที่ “ลำปาง-พะเยา” สุดคึกคัก “ธรรมนัส” หอบเมียพร้อม ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครรอต้อนรับพรึ่บ อวยเป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 “วิรัช” ประกาศกลางเวทีบอกลูกๆ กลับบ้านแล้ว ผู้กองนัสลั่นพร้อมเดินตามเส้นทางที่ "พ่อป้อม" ขีดไว้ “เพื่อไทย” เปิดตัว 45 ว่าที่ชิง ส.ส. ส่วนใหญ่เป็นทายาทเจ้าของพื้นที่เก่า “แพทองธารเอฟเฟกต์” สนธิญายื่น กกต.ฟันประกาศพาลุงโทนี่กลับ “จตุพร” เตือนระวังซ้ำรอยเดิมหากยังหลงละเลิง “หมอดูชลน่าน” ปูดประยุทธ์ดูฤกษ์ยุบสภาวันวาเลนไทน์!
เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มกราคม มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดลำปางและพะเยาเพื่อตรวจราชการ โดยเมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานลำปาง ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยา ที่แต่งกายในชุดพื้นเมือง พร้อม 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บางส่วนได้มารอต้อนรับ โดยนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมามอบให้ พล.อ.ประวิตร ขณะที่ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
จากนั้น พล.อ.ประวิตรเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและมอบนโยบาย ก่อนเดินทางไป อ.แม่เมาะ เพื่อมอบหนังสืออนุญาตหรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในการทำประโยชน์พื้นที่ป่าแม่โป่งกว่า 1,200 ไร่ และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในที่ดินแปลงรวมแก่ผู้แทนประชาชนในพื้นที่
โดยระหว่างที่ พล.อ.ประวิตรเดินชมนิทรรศการและสินค้าโอทอป หลังเสร็จจากการประชุมร่วมกับส่วนราชการ มีประชาชนมารอต้อนรับพร้อมป้ายเชียร์ มีข้อความอาทิ ลุงป้อมใจบันดาลแรง แซงทุกโพล, ลุงป้อม นายกฯ คนต่อไป ขณะที่บางส่วนนำเสื้อคลุมผ้าพื้นเมืองและเสื้อชาวกะเหรี่ยงมาสวมให้ และเอาผ้าขาวม้าคาดเอวต้อนรับ พร้อมปรี่เข้าสวมกอด ทำให้ พล.อ.ประวิตรยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี
ส่วนบรรยากาศที่สันหนองเหนียว อ.เมืองพะเยา พื้นที่โครงการขุดลอกกว๊านพะเยา ซึ่ง พล.อ.ประวิตรจะเดินทางมาในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ติดป้ายต้อนรับขนาดใหญ่บริเวณทางเข้า และเป็นที่สังเกตว่าบริเวณเวทีเปิดงานได้ขึ้นป้ายไวนิลสกรีนรูป พล.อ.ประวิตร และข้อความ "ชาวบ้านต๋อม ยินดีต้อนรับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี" แต่ที่สะดุดตาคือคำว่า "รอง" ได้พิมพ์ขนาดเล็กกว่าคำว่า "นายกรัฐมนตรี" ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าตั้งใจให้คำว่านายกรัฐมนตรีโดดเด่นกว่า
เช่นเดียวกับบรรยากาศที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมืองพะเยา ก็เป็นไปอย่างคึกคักเมื่อ ร.อ.ธรรมนัสนำ ส.ส.ทั้งพรรค ศท.และ พปชร.มารอต้อนรับ รวมทั้งมีข้าราชการ ฝ่ายปกครอง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กว่า 1 พันนาย จาก อ.เมืองพะเยาและ อ.แม่ใจ รวมถึงประชาชนที่ถือป้ายมาเชียร์ด้วย มีข้อความอาทิ อยากให้ลุงป้อมเป็นนายกฯ, เรารักลุงป้อม, เคียงข้างลุงป้อม, Love ลุงป้อม, ลุงป้อม สู้สู้, ฮักลุงป้อม จากใจ ฯ
โดยช่วงหนึ่ง ร.อ.ธรรมนัสปราศรัยกับประชาชนที่มีรอต้อนรับ พล.อ.ประวิตรว่า วันนี้พานายกฯ คนที่ 30 มาพบชาวพะเยา พร้อมชูนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะเพิ่มวงเงินใช้จ่ายซื้อของ โดยในวันที่ 17 ม.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรจะแถลงนโยบายพรรคและรายละเอียดเรื่องดังกล่าว
จากนั้นเวลา 15.27 น. พล.อ.ประวิตรได้นั่งรถกอล์ฟมายังลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง โดยมี ร.อ.ธรรมนัสเดินขนาบรถมาด้วย ซึ่งทันทีที่ พล.อ.ประวิตรมาถึง ชาวบ้านและชนพื้นเมืองได้มอบพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้ และกล่าวชมว่าตัวจริงหล่อมาก เชียร์ให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 เพราะมองว่าทำงานและมีวิสัยทัศน์ที่ดี และบอกกับ พล.อ.ประวิตรว่ามีคนพะเยามาต้อนรับกว่า 1 หมื่นคน
ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร.พูดบนเวทีว่า ขอต้อนรับว่าที่นายกฯ คนที่ 30 จากนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวบนเวทีว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งทุกปี เพื่อให้ทุกภูมิภาคมีน้ำกินน้ำใช้ และขอให้ทุกท่านตระหนักอยู่เสมอว่า ต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ รัฐบาลตั้งใจจะทำงานให้ทุกคนอยู่ดีกินดี ยกฐานะตัวเอง ยกฐานะรัฐบาลให้มีความมั่นคงต่อไป
ภายหลัง พล.อ.ประวิตรกล่าวบนเวทีเสร็จสิ้นแล้ว ร.อ.ธรรมนัสและ ส.ส.ในกลุ่มได้ถือพวงมาลัยขึ้นไปบนเวที จากนั้นได้คุกเข่ามอบพวงมาลัยและยกมือไหว้ พล.อ.ประวิตร ระหว่างนั้นนายวิรัชได้กล่าวว่า เวลานี้ลุงป้อมเปรียบเหมือนพ่อ วันนี้ลูกกลับมาบ้าน มาช่วยพาบ้านพลังประชารัฐให้เข้มแข็งและแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ จ.พะเยายกทีม จากนั้นกล่าวอีกว่า “ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไว้เลยว่าลูกๆ กลับมาบ้านแล้ว พ่อดีใจมากเลยครับ หุงข้าวไว้รอแล้ว"
ต่อมา พล.อ.ประวิตรได้ลงจากเวทีพร้อม ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส. โดยมีประชาชนกรูเข้ามามอบดอกกุหลาบพร้อมขอถ่ายรูป บางคนก็หอมแก้มและตะโกนให้กำลังใจสู้ๆ ก่อนเดินตามไปส่ง พล.อ.ประวิตรถึงที่รถยนต์
'ธรรมนัส' บอกรอ 'บิ๊กป้อม' สั่ง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความชัดเจนที่ ร.อ.ธรรมนัส จะหวนกลับพรรค พปชร. แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถาม โดยหันไปทักทายประชาชนก่อนเดินทางไปจุดสุดท้ายในการลงพื้นที่
ด้าน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงความชัดเจนในการกลับมาอยู่กับพรรค พปชร.ว่า สถานภาพขณะนี้ยังเป็นสมาชิกพรรค ศท. แต่การเมืองไม่ปฏิเสธว่าเคารพรัก พล.อ.ประวิตรมาสม่ำเสมอ เพราะมีพระคุณกับตนเอง ฉะนั้นทุกอย่างทางการเมืองได้บอกกับ พล.อ.ประวิตรว่าขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตรว่าจะให้เดินไปทางไหนต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตรอยากให้กลับมา พปชร.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ผู้ใหญ่การเมืองหลายคนบอกว่ายังมีเวลาในการตัดสินใจอยู่ และในฐานะที่เป็นแกนนำพรรค ศท.เราก็ยังรักบ้านเดิมอยู่ แต่ถ้า พล.อ.ประวิตรสั่งอย่างไรก็พร้อมทำตาม ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งเองหรือไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน และจะลงสมัครในนามพรรคใดขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร คงไม่กี่วันน่าจะได้ความชัดเจน ก่อนวันที่ 7 ก.พ.น่าจะชัดเจน
ถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรส่งสัญญาณว่าให้กลับมา พปชร.เมื่อไหร่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในส่วน ส.ส.ของพรรค ศท. เราให้อิสระตัดสินใจ
เมื่อถามว่า มองสถานการณ์การเมืองอย่างไรที่พี่น้อง 2 ป.แยกกันเดิน เหมือนมาแย่งคะแนนกันเอง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ได้มองอย่างนั้น แต่เป็นรูปแบบของประชาธิปไตย แต่ละคนมีบ้านเป็นของตัวเอง พล.อ.ประวิตรรักบ้านของท่านเพราะสร้างมา เช่นเดียวกับ ส.ส.หลายคน ส่วนการแยกกันเป็นสีสันทางการเมืองที่จะมาถึงในการเลือกตั้งในเรื่องประชาธิปไตย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคอะไรก็ตามจะง่ายกว่าเดิม เพราะจำนวนพรรคไม่มากเท่าปี 2562 ส่วนที่มองว่าจะตัดคะแนนกันเองนั้น ถ้าเป็นการเมืองแบบ ส.ส.ต่างจังหวัดเหมือนตนเองไม่มีผล และยังมั่นใจในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
เมื่อถามว่า ที่ระบุกับประชาชนว่าพานายกฯ คนที่ 30 มาพบชาวพะเยา หมายความว่าอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า มั่นใจว่าบุคลิกและนิสัยใจคอของ พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นผู้นำของพี่น้องประชาชน ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสินใจ มั่นใจว่าผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมาของ พล.อ.ประวิตรจะทำให้ประชาชนเห็น
ด้านความเคลื่อนไหวของสมาชิกและ ส.ส.พรรคต่างๆ นั้น น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกพรรค พปชร.กล่าวถึงเหตุผลการลาออกจากพรรค พปชร.ว่า เป็นเรื่องแนวทางวิธีการทำงานและโอกาส ซึ่งบริบททางการเมืองที่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงไป ส่วนจะไปร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่นั้น ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในพรรคที่อยู่ระหว่างการพูดคุยกันอยู่
'เสธ.อ้น' ไขก๊อกสภาสูง
ส่วนในการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ ทำหน้าที่ประธาน ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายศุภชัยได้แจ้งสมาชิกว่า พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา หรือเสธ.อ้น ได้ลาออกจากตำแหน่ง ส.ว.แล้วตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. ทำให้ปัจจุบันมี ส.ว. 248 คน
ทั้งนี้ พล.อ.กนิษฐ์ถือเป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีบทบาททำงานทางการเมืองมาด้วยกัน คาดว่าการลาออกครั้งนี้จะไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ที่พรรค รทสช.
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสั้นๆ ถึงเรื่องนี้ว่า "เป็นเรื่องของเขาสิ"
มีรายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 16 ม.ค. นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคและประธานนโยบายพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ได้มายื่นหนังสือลาออกที่เขียนด้วยลายมือถึงนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จากนั้นนายสันติได้โพสต์หนังสือลาออกผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า แม้ลาออกจากตำแหน่งเหรัญญิกพรรค และตำแหน่งบริหารอื่นๆ ทุกตำแหน่ง แต่ยืนยันว่ายังทำงานอยู่กับพรรค
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรค ได้แถลงเปิดตัวผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม., อีสาน, กลาง, ใต้ รวมทั้งสิ้น 45 เขตเลือกตั้ง
โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค กล่าวว่า การเปิดตัวครั้งนี้ส่งผลให้การเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.แตะเกือบ 90% แล้ว จะเหลืออีกแค่ประมาณ 10% หรืออีก 40-50 คน ที่จะเปิดตัวในสัปดาห์แรกของเดือน ก.พ.เพื่อสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ให้เกิดทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 45 คนรอบนี้ ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งของพรรคหลายคนได้ส่งทายาทลงสมัคร อาทิ นายรัฐ คลังแสง บุตรชายนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม, น.ส.จิรัชยา สัพโส บุตรสาวนายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร, น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล บุตรสาวนางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร, น.ส.ภัทรพร ราชป้องขันธ์ บุตรสาวนายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์ ส.ส.บึงกาฬ เป็นต้น นอกจากนี้ ส.ส.ที่มีกระแสข่าวอาจจะย้ายพรรค เช่น นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ยังเดินทางมาเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทยต่อไป ขณะเดียวกันยังมีกลุ่ม ส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองเดิม อาทิ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต ส.ส.กทม. พรรค พปชร. อดีตภรรยานายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส, นายภัทร ภมรมนตรี หลานชายนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ที่ย้ายมาจากพรรคไทยสร้างไทย
น.ส.กานต์กนิษฐ์กล่าวถึงการย้ายพรรคว่า เป็นเรื่องของนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนมากกว่า ทุกคนในพรรค พปชร.ยังเป็นเพื่อนและยังพูดคุยกันได้ และไม่มีการชวนใครในพรรค พปชร.มาอยู่กับพรรค พท.อีก
นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ประกาศพร้อมจับมือกับพรรค พปชร.ว่า น.ส.แพทองธารพูดโดยหลักการ ยังไม่รู้เลยว่าประชาชนจะมอบอำนาจให้ใคร ถ้าประชาชนมอบอาณัติให้เรา 250 เสียงขึ้นไป ก็ตั้งรัฐบาลของประชาชนได้อย่างแน่นอน โดยเราจะร่วมมือกับพรรคที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้เป็นหลัก และถ้าจะจับกับพรรคใดต้องถามประชาชนก่อน และพรรคที่จะจับต้องเป็นพรรคที่เคารพหลักการประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนและเป็นนั่งร้านให้เผด็จการ
ถามอุดมการณ์พรรค พปชร.
เมื่อถามย้ำว่า เวลานี้พรรค พปชร.มีอุดมการณ์เดียวกันกับพรรค พท.หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็ต้องถามกลับไปยังพรรค พปชร.ว่ามีอุดมการณ์เดียวกันหรือไม่ เชื่อว่าประชาชนจะรู้
ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ กล่าวถึงคำปราศรัยที่ จ.อุดรธานีของ น.ส.แพทองธาร และนายอดิศร เพียงเกษ ที่แช่งนายกฯ ให้ตกเครื่องบินตาย ข้ามถนนก็ขอให้แท็กซี่ชนว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายอดิศรที่เป็นถึง ส.ส.มาหลายสมัย เป็นถึงอดีตรัฐมนตรี จะมีนิสัยแย่ ปากเสีย ไม่มีสัมมาคารวะเช่นนี้ เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ และไม่น่าเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะให้คนประเภทนี้อยู่ในพรรค
“น.ส.แพทองธารที่ออกประกาศลั่น อยากเห็นนายโทนี่กลับมาเลี้ยงหลาน ทั้งยังยุชาวบ้านรับเงินหมา กาเพื่อไทย เป็นการพูดหยาบคายเช่นกัน และการประกาศว่าอยากเห็นนายโทนี่กลับมา ก็แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายที่อยากชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีวันยอมแน่นอน หากนายโทนี่อยากกลับประเทศ สามารถกลับได้ตลอดเวลาไม่มีใครห้าม แต่ต้องมารับโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่มารอให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลก่อน” นายเสกสกลกล่าว
เฟซบุ๊กเพจประชาชนคนไทย (ปท.) ได้เผยแพร่คำกล่าวของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชนว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเริงร่ากับการหาเสียงที่จะครองเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนทุกครั้ง แต่ถ้าเอาแค่ชัยชนะแบบเดิมๆ แล้ว ก็จะจบแบบเดิมๆ เช่นกัน และประเทศก็จะเสียโอกาส
"ทุกวันนี้เขายังคิดว่าเป็นคนถูก ยังคิดว่าตัวเองใหญ่ ใครอยากเข้าพรรคต้องไปขอโทษ ผมอยากจะบอกสักคำว่า ในโลกการเมืองไม่มีใครใหญ่จริงหรอก สิ่งสำคัญที่จะบอกคือ คุณชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว ถ้าทำตัวเหมือนเดิมก็จะจบแบบเดิม ประยุทธ์ทำฉิบหายมา 8 ปี แต่ที่จะทำฉิบหายอีกรอบต่อไปนี้ เราก็ต้องเตือนสติอย่างแรง เพราะไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องอะไร แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ประเทศนี้เป็นของทุกคน ที่สำคัญที่สุดจะชี้ว่า อย่าเหลิง อย่าลำพองให้มาก คุณใหญ่กว่านี้เขาก็ล้มอย่างไม่เป็นท่าและโดนมาไม่รู้กี่ครั้ง ก็เพราะความเหลิง”
ส่วนที่สำนักงาน กกต. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้มาให้ปากคำต่อ กกต.กรณียื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ที่เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง เมื่อช่วงปลายปี 2565 รวมถึงยื่นประเด็นเพิ่มเติมกรณี น.ส.แพทองธารปราศรัยที่ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ระบุว่าจะพานายทักษิณกลับมาเลี้ยงหลานนั้น เข้าข่ายมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 92 (3) หรือไม่ ซึ่งตามมาตรา 92 เขียนไว้ชัดเจนว่า หากทำผิดในมาตราหนึ่งมาตราใดที่กำหนดไว้ก็จะถึงขั้นยุบพรรค
ปั่นยุบสภาวันวาเลนไทน์
ส่วนนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มายื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีพรรคก้าวไกลทำปฏิทิน 2566 จำนวน 120,000 ฉบับ แจกในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 73 ประกอบมาตรา 68 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 และมีความผิดหรือไม่
ด้าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จะนัดประชุมกับวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ที่ประชุม แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เห็นด้วยกับฝ่ายค้าน อยากให้เลื่อนการอภิปรายมาก่อนวันที่ 15 ก.พ. เพราะยื่นญัตติมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.65 แล้ว
นพ.ชลน่านยอมรับว่า วิตกพอสมควรว่ารัฐบาลจะชิงยุบสภาก่อน เพราะช่วงที่กำหนดวันอภิปรายทิ้งเวลาเนิ่นนาน และยังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะยุบสภาก่อน 15 ก.พ. โดยเฉพาะหลังวันที่ 6 ก.พ. หาก ส.ส.ยังคงทำหน้าที่ต่อโอกาสยุบสภามีสูง แต่ถ้าช่วงเวลาช่วงนั้น ส.ส.ลาออกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือคือที่ย้ายพรรค โอกาสอยู่ครบเทอมเป็นไปได้สูง
“ได้ข่าวมาว่ามีการดูฤกษ์งามยามดีในการยุบสภา เพื่อให้ได้กลับมาสืบทอดอำนาจอีก คือวันที่ 14 ก.พ., 24 ก.พ. และ 7 มี.ค. หากตรงตามข่าวว่าจะมีการยุบสภาก่อนวันที่ 15 ก.พ. ก็คือวันที่ 14 ก.พ.ที่เป็นวันแห่งความรัก ซึ่งวันดังกล่าวอาจจะกลายเป็นวันแห่งการเกลียดแทน ต่อให้พวกท่านถือฤกษ์งามยามดี แต่ประชาชนจะพิพากษาพวกท่านในคูหาเลือกตั้ง” นพ.ชลน่านกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา
"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"
ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด
ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม
เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ผสมนํ้ายาดองศพ
เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า พบน้ำยาดองศพ สารก่อมะเร็งในบุหรี่ไฟฟ้าเพียบ เสี่ยงเกิดมะเร็ง แนะผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ย้ำเตือนเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อค่านิยมผิดๆ
บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง
"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง"
ปชน.กระทุ้งกต. ปรับท่าทีเชิงรุก เร่งช่วย4ลูกเรือ
กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้