อสส.สั่งฟ้อง “ตู้ห่าว” กับพวก 41 ข้อหาหนัก ค้ายา ฟอกเงิน อั้งยี่ อาชญากรรมข้ามชาติ โทษสูงสุดประหารชีวิต “ดีเอสไอ” ยุบชุดปฏิบัติการข่าวล้างภาพเรียกสินบน “ก้าวไกล” จี้ขยายผลคดีหลังย้ายอธิบดีดีเอสไอ เชื่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกสีได้ผลประโยชน์ “โรม” ชี้ระดับบิ๊ก ยธ.อยู่เบื้องหลัง บ่น “บิ๊กตู่” ไม่สนใจติดตาม มัวแต่คิดสืบทอดอำนาจ
เมื่อวันที่ 19 มกราคม ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.66 และอัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้วนั้น น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน
สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงาน ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย,ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ทั้งนี้ อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้องจำนวน 332 หน้า ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลข ย 87/2566 จำเลย 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดีต่อไป โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้าเอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งที่ 86/66 ตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีต่อไปด้วย ซึ่งคดีนี้อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวัน แม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุดแล้วท่านยังติดตามความคืบหน้าในทุกระยะ และกำกับการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลาตามกฎหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น มีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และมีอายุความ 30 ปี
ที่ห้องแถลงข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยกรณีตำรวจขออำนาจศาลออกหมายจับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 5 ราย หลังร่วมตำรวจ 191 เข้าตรวจค้นบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยผู้ต้องสงสัยชาวจีนว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เน้นย้ำให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบคดีนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ รวมทั้งดีเอสไอได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ 5 รายหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ซึ่งหากผลการสอบสวนพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเด็ดขาด
พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า ในส่วนของผู้อำนวยการกองคดีฯ ที่มีการระบุว่าเป็นหน้าห้องอดีตอธิบดีดีเอสไอนั้น ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีส่วนเข้าไปกระทำความผิด ก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับทั้ง 5 คนที่ถูกตำรวจออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งรัดการดำเนินการพิจารณาให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร
“ได้ลงนามคำสั่งยกเลิกชุดปฏิบัติการด้านการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ชปข.) ที่แต่งตั้งขึ้นมาใหม่เข้าไปปฏิบัติการร่วมกับตำรวจ 191 ในครั้งนี้แล้วทันที ลดครหาว่าแต่งตั้งเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงประชาชน หากพบเห็นพฤติการณ์ของกลุ่มข้าราชการหรือบุคคลที่อ้างว่าเป็นข้าราชการดีเอสไอเรียกรับผลประโยชน์ สามารถส่งข้อมูลมาให้ ระบุถึงผมได้เลย เพื่อดำเนินการกับกลุ่มคนเหล่านี้ให้ถึงที่สุด” พ.ต.ต.สุริยากล่าว
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาเรื่องตู้ห่าว กลุ่มทุนจีนธุรกิจสีเทา ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ชี้แจงแทน แต่วันนี้ไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้เนื่องจากติดภารกิจ นายวิสารอภิปรายว่า นายกฯ รู้ดีแต่ไม่กล้ามาตอบด้วยตนเอง เพราะเกี่ยวข้องกับลูกหลานของท่าน เรื่องนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดูไม่ได้ ในสัปดาห์หน้าจะถามเรื่องนี้อีก ขอให้นายกฯ มาตอบด้วยตัวเอง หรือจะมอบให้ใครมาตอบก็ตาม ขณะนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ที่ลุกลาม เพราะท่านต้องการสืบทอดอำนาจ มัวแต่ไปหาเสียง แต่ไม่ยอมตอบกระทู้
ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายหน่วยงาน ไม่เว้นแม้แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ ทหาร ล้วนมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องทุนจีนสีเทาที่เข้ามาเกาะกินบ้านเมือง จนประชาชนเกิดคำถาม ต้นธารของความยุติธรรมวันนี้ยังเชื่อถืออยู่ได้หรือไม่ กรณีหลาน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกลุ่มทุนจีนสีเทา วันนี้เรื่องก็เหมือนจะเงียบหาย ไม่มีการสืบค้นหาความเชื่อมโยงใดๆ และยังเกิดกรณีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณีการย้ายอธิบดีดีเอสไอนั้น เชื่อได้ว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น จากข้อเท็จจริงที่ตนได้มากรณีการตรวจค้นดังกล่าว ดีเอสไอได้เข้าประสานงานกับสถานกงสุลนาอูรูแล้วอย่างไม่เป็นทางการ แต่ด้วยความที่ขั้นตอนตามกฎหมายยังไม่ได้ให้อำนาจดีเอสไอเข้าไปสืบสวนคดีตู้ห่าว ดีเอสไอจึงได้อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับตำรวจ 191 ขอให้มาเป็นเจ้าภาพในการขอหมายและปฏิบัติการตรวจค้น แล้วดีเอสไอจึงเข้าไปร่วมในปฏิบัติการด้วย แม้ในหมายค้นจะไม่มีการระบุถึงความเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในปฏิบัติการ แต่ในทางข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไป และยังไปถึงสถานที่พร้อมกับเริ่มปฏิบัติการตรวจค้นก่อนตำรวจ 191 จะมาถึงด้วยซ้ำ
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับตู้ห่าวและทุนจีนสีเทาไม่ได้มีแค่ดีเอสไอหรือตำรวจ เป็นไปได้มากว่าจะมีคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่านั้นเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ซึ่งก็ต้องเรียกร้องไปยัง รมว.ยุติธรรม ให้มีการสอบสวนโดยละเอียดมากกว่านี้ และแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ด้วย ในฐานะที่ดีเอสไออยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรมโดยตรง และที่สำคัญคือรัฐบาลจะต้องหันมาเอาจริงกับเรื่องนี้ได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากผลของการไม่ยอมทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เอาแต่คิดว่าจะสืบทอดอำนาจอย่างไร หน่วยงานที่สังกัดกระทรวงต่างๆ ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่เห็นได้เลยว่าทำงานเละเทะกันไปหมด จนตอนนี้เราแยกแทบไม่ออกแล้วว่าใครคือเจ้าหน้าที่รัฐจริงๆ หรือใครคือโจรกันแน่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา
"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"
ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด
ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม
เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ผสมนํ้ายาดองศพ
เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า พบน้ำยาดองศพ สารก่อมะเร็งในบุหรี่ไฟฟ้าเพียบ เสี่ยงเกิดมะเร็ง แนะผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ย้ำเตือนเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อค่านิยมผิดๆ
บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง
"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง"
ปชน.กระทุ้งกต. ปรับท่าทีเชิงรุก เร่งช่วย4ลูกเรือ
กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้