บิ๊กตู่ล่องใต้อ้อนชาวนราฯ

“บิ๊กตู่” ชื่นมื่นลงพื้นที่ชายแดนใต้ สักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวพุทธในพื้นที่ ขณะที่ปรึกษาคณะภาค 18 อวยพรให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง  พร้อมเปิดแพขนานยนต์ตากใบ พบปะผู้บริหารรัฐกลันตัน ลั่นลุยต่อพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเชื่อมต่อพื้นที่การท่องเที่ยวใน 4 รัฐของมาเลเซีย อ้อนชาวนราฯ จังหวัดสำคัญเหมือนเป็นครอบครัวเพราะเป็นบ้านเกิดภรรยา

เมื่อวันพุธ เวลา 11.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางเพื่อตรวจราชการจังหวัดนราธิวาส 

เวลา 13.29 น. ที่วัดเขากง ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์และคณะ สักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

 ทั้งนี้ พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางประทานพร  สร้างตามแบบพุทธศิลป์สกุลช่างอินเดียใต้ สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ  ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทรงบรรจุดินจากสังเวชนียสถาน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2513 และพื้นที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของพุทธมณฑลแห่งเดียวของภาคใต้

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์กราบนมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 โอกาสนี้ พระเทพศีลวิสุทธิ์กล่าวให้พรนายกรัฐมนตรี ขอให้โชคดี เดินทางปลอดภัย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศเพื่อประชาชนอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสำหรับคำอวยพร พร้อมรับปากจะดูแลประชาชนและบริหารประเทศให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพในการพัฒนา มีความโดดเด่นทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว และการลงทุน เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ประชาชนต้องอยู่ร่วมกันให้ได้อย่างสงบสุข ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้เกิดการเดินทางมาในพื้นที่และการลงทุนต่อไป

หลังจากนั้น ในเวลา 14.15 น. ที่ด่านศุลกากรอำเภอตากใบ พล.อ. ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีเปิดใช้แพขนานยนต์ (ลำใหม่) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นการให้บริการสาธารณประโยชน์ที่จัดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนไทยและมาเลเซียและนักท่องเที่ยว โดยมี YAB Dato' Bentara Kanan Ustaz Dato'haji Ahmad bin Yakob Mentri besar Kelantan ผู้บริหารท้องถิ่นของรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย, นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส และนายสาราหุดิน อาบู ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส  ตลอดจนข้าราชการในสังกัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เข้าร่วมในพิธี

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาพบประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาสและผู้บริหารท้องถิ่น ที่ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นในการเดินทางมาทำพิธีเปิดใช้แพขนานยนต์ (ลำใหม่) ในวันนี้ ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน ที่ผ่านมารัฐบาลมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะ ครอบคลุมทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ พร้อมติดตามการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เคยให้นโยบายไว้ โดยเฉพาะปัญหาด้านการคมนาคม ที่เป็นเสมือนชีวิตของประชาชน ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ และพร้อมผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเพื่อให้เกิดความเจริญและการกระจายโอกาสไปสู่พื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งมีศักยภาพอย่างมากในการพัฒนาเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ

 “อีกทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทาง การขนส่งสินค้า ตลอดจนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กับการเชื่อมต่อพื้นที่การท่องเที่ยวใน 4 รัฐของประเทศมาเลเซียอีกด้วย” นายกรัฐมนตรีระบุ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ได้พบปะกับนักลงทุนจากต่างประเทศที่มารอให้การต้อนรับ โดยนักลงทุนต่างชาติได้บอกว่าทุกภาคของประเทศไทยมีความพร้อมให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค และเน้นส่งเสริมสินค้าทางการเกษตรของไทยที่มีมูลค่าสูง จนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สามารถนำเม็ดเงินเหล่านี้มาพัฒนาประเทศและดูแลประชาชนคนไทยกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

 “นอกจากนี้ ในระหว่างทางได้นั่งรถผ่านมา ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง มีถนน 6 เลนมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และความรักความสามัคคี ไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม เราทุกคนคือคนไทยด้วยกัน มีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราต้องเดินไปข้างหน้า ทุกคนต้องช่วยกัน และต้องปรับตัว รู้เท่าทันการณ์ต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโลก” นายกรัฐมนตรีระบุ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไม่เคยมีปัญหากับพี่น้องชาวใต้ โดยนายกฯ เคยตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  มาภาคใต้บ่อยครั้งที่สุด ได้ซึมซับและได้สัมผัสวัฒนธรรม ประเพณี คนใต้เป็นคนที่มีศิลปะและเก่งเรื่องการปักผ้า สามารถนำไปแข่งขันกับต่างประเทศได้ ขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ที่รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และผลักดันให้เกิดโครงการแพขนานยนต์ลำใหม่ ทดแทนแพขนานยนต์ลำเดิมขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนได้ใช้ในการเดินทางขนส่งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างลงพื้นที่มีประชาชนมาตะโกนให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่กลุ่มบัณฑิตแรงงาน อาสาสมัครแรงงาน ชูป้ายให้กำลังใจและกล่าวว่า "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ"  นอกจากนี้ยังมีการชูป้ายต่างๆ เช่น  FCลุงตู่, เชียร์ลุงตู่, เป็นกำลังใจให้ลุงตู่, ลุงตู่สู้ๆ เป็นต้น

ต่อมาเวลา 16.19 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ พล.อ.ประยุทธ์  พบปะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาในเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และประชาชนจังหวัดนราธิวาส กว่า 5,000 คน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวตอนหนึ่งว่า รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาพบปะพี่น้องประชาชนชาวนราธิวาส ที่เหมือนเป็นครอบครัวที่ตนเองรักและคิดถึงเสมอมา  นราธิวาสเป็นจังหวัดสำคัญ เพราะเป็นจังหวัดบ้านเกิดของภรรยาตน

 “ขอให้ชาวนราธิวาสทุกคนภาคภูมิใจที่ได้อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความโดดเด่นทางวัฒนธรรม รวมถึงมีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าอาศัยอยู่พื้นที่ไหน ต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมาผมได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในหลายจังหวัด ได้เห็นรอยยิ้มของประชาชน รู้สึกมีความสุข มีกำลังใจที่จะทำงานเพื่อทุกคนต่อไป” นายกรัฐมนตรีระบุ
 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีความห่วงใยชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  เช่นเดียวกับพี่น้องในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในด้านความมั่นคง ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และการรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ เพื่อหวังจะให้พี่น้องประชาชนดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข จังหวัดนราธิวาสมีความเป็นพหุวัฒนธรรมสูง มีการอยู่ร่วมกันของพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ  ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน

 “ดังนั้นจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม ให้อยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลาย สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจกันและยอมรับให้เกียรติในความแตกต่างซึ่งกันและกัน ขอให้ภาคภูมิใจในความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข และขอให้สืบสานความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนในชุมชน ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง คนในชุมชนก้าวเดินไปพร้อมกัน” นายกรัฐมนตรีระบุ
 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประชาชนเป็นฐานรากสำคัญของประเทศ รายได้ส่วนใหญ่ภายในประเทศมาจากการบริโภคของประชาชนระดับฐานรากทุกคน รัฐบาลมุ่งดูแลประชาชนทุกคนในประเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งการที่จะดูแลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ รัฐบาลต้องมีงบประมาณ ซึ่งการหารายได้เข้าประเทศ ต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน ต้องรัก สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากต่างประเทศให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและมาลงทุนในประเทศไทย

 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการลงพื้นที่ทุกครั้งของนายกฯ และคณะ ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร แต่ตั้งใจเพื่อมาพบประชาชน มารับฟังปัญหาโดยตรง จากนั้นนายกรัฐมนตรีพบปะประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมถ่ายรูปร่วมกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กข่าวกรอง ชี้ 'บิ๊กทิน' กินยาผิด! ยันทหารไม่อยากยึดอำนาจถ้านักการเมืองไม่โกง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ