พท.ตีกันกก.ร่วมรัฐบาลต้องเจรจา

"บิ๊กตู่" ลงพื้นที่ จ.ระนอง แหลงใต้ "รักจังฮู้" อ้อนชาวบ้าน แย้มคิว 17 มี.ค.ไปเยือนเชียงใหม่ "อนุทิน" แจงร่วมมื้อเที่ยง "ลุงป้อม" เรื่องปกติ ไปร่วมโต๊ะ พท.ค่อยตื่นเต้น รับคุยสถานการณ์การเมือง กางตัวเลข ส.ส.ภูมิใจไทยไม่ต่ำ 70 เสียง ปัดปล่อยภาพหวังขู่คู่แข่ง "สุริยะ-สมศักดิ์" เดินสายลา "วิษณุ-ประวิตร" คาดยื่นไขก๊อก รมต. 17 มี.ค. "พปชร." ลั่นจากนี้ไม่มีไหลออกแล้ว "จุรินทร์" ยกทีมปราศรัยสกลนครเปิดตัวผู้สมัครภาคอีสาน อึ้ง! "ชลน่าน" บอกถ้าได้แลนด์สไลด์ 310 เสียง ชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมโหวตนายกฯ ส่วนร่วมรัฐบาลยังต้องเจรจาอีกที "ภูมิธรรม" ปลุกเลือกเชิงยุทธศาสตร์

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลา 08.40 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่องบนที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เพื่อเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดระนอง

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางถึงกรณีคลิปแนะนำตนเองว่าอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เป็นคนทำเอง มีคนทำให้  ก่อนย้อนถามสื่อมวลชนว่าไม่มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้แล้วหรือ ว่าประเทศชาติจะเดินอย่างไร เศรษฐกิจเราเป็นอย่างไร และขณะนี้บ้านเมืองจะเดินไปทางไหนสำคัญกว่ามั้ง มาสนใจแต่เรื่องกระจุกกระจิกแบบนี้ วันนี้นายกรัฐมนตรีก็ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ยังต้องอยู่รักษาการอีกนาน ขอให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันไม่ดีกว่าหรือ  เรื่องอื่นก็ว่ากันไป การเมืองก็ว่ากันไป  อย่านำมาตีกันจนวุ่นไปหมด

"ผมยังคงต้องบังคับบัญชาและควบคุม ครม.เหมือนเดิม ยังทำงานเหมือนเดิมตามกรอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะฉะนั้นอย่าให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไร้สาระ เอาว่าวันนี้เราจะอยู่อย่างไรให้รอดก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางถึง จ.ระนอง เวลา 11.20 น. โดยจุดแรกไปที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ตรวจติดตามสภาพปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ รวมถึงการร่วมมือกันในประเทศและต่างประเทศในการลดโลกร้อนที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยเฉพาะร่วมกันรักษาป่า และปลูกป่า สร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อดูดซับคาร์บอน และสามารถใช้ในการเป็นคาร์บอนเครดิตที่จะสร้างรายได้ในอนาคต

"ขอความร่วมมือประชาชนห้ามเผา เพราะเป็นสาเหตุของ PM 2.5 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ และให้ อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพื่อป้องกันและลดปัญหา PM2.5 รวมถึงเตรียมความพร้อมในการทำเกษตรปลอดภัย และทำเกษตร ปลูกพืชในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ป้องกันการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ แหลงใต้ 'รักจังฮู้'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ยังได้พูดภาษาใต้กับประชาชนชาวอำเภอสุขสำราญว่า “รักจังฮู้” ซึ่งประชาชนต่างปรบมือให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น จากนั้นนายกฯ เดินทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยมีประชาชนชาวอำเภอสุขสำราญและพื้นที่ใกล้เคียงของจังหวัดระนอง มาต้อนรับและมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและคณะในการทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป

สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดระนองวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงใส่เฝือกอ่อนที่มือด้านขวาซึ่งมีอาการอักเสบ ส่วนมือซ้ายได้ถอดที่ช่วยพยุงมือออกแล้ว

เวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมือง จ.ระนอง พร้อมพบปะประชาชน โดยทันทีที่มาถึงนายกรัฐมนตรีได้สักการะศาลหลักเมืองระนอง พร้อมผูกผ้ามาลัย 7 สี และตีฆ้องเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นนายกฯ ทักทายประชาชนด้วยสำเนียงภาษาใต้ “สบายดีไหม” พร้อมขอบคุณชาวระนองที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นทุกครั้งที่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียน

นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในหัวใจของผู้ชายคนนี้ ขอบคุณสำหรับความรักที่ประชาชนมอบให้ในวันนี้ พร้อมย้ำถึงความรักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน   พร้อมตบท้ายว่า "รักจังฮู้ รักทุกคน" จากนั้นจึงไปสักการะอนุสาวรีย์เจ้าเมืองระนอง (คอซู้เจียง)

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 17 มี.ค.2566 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งจะเดินทางไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก กลุ่ม 10 จังหวัดภาคเหนือ

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีว่า ต้องเข้าใจว่านายกฯ มีความแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ รัฐมนตรีแตกต่างจากผู้สมัครอื่นๆ ที่ไม่มีตำแหน่งในทางราชการ เมื่อคนเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐมนตรีไปใช้สิ่งเหล่านั้น ก็เท่ากับว่าใช้ทรัพยากรของรัฐ แต่เมื่อยังไม่ยุบสภา นายกฯ ก็ยังเป็นนายกฯ เป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน มีหน้าที่ไปตรวจราชการ อาจจะสร้างขึ้นมาว่าไม่มีราชการ แต่นายกฯ จะไปตรวจก็เป็นราชการ       

"หลังยุบสภาจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้หลายเท่าอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องฟัง กกต.กำหนดเกณฑ์และกติกามาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากผู้ยื่นให้ตรวจสอบมีหลักฐานในการใช้งบประมาณแฝงการหาเสียง ก็จะเป็นหลักฐานหนึ่ง หากพบได้และพิสูจน์ได้อย่างนั้น แต่ในเรื่องจริงเป็นอย่างไรนั้นผมไม่ทราบ" นายวิษณุกล่าว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์รายการ “ลึกจากสนามข่าว” ทาง FM 96.0 กรณีปรากฏภาพแกนนำพรรค ภท.ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ไม่ได้มีนัยทางการเมือง แต่เป็นการนัดกันล่วงหน้านานแล้ว ตั้งแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค เดินทางไปพบกับ พล.อ.ประวิตร ในช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.นครสวรรค์ และเห็นว่าไม่ได้กินข้าวกับ พล.อ.ประวิตรนานแล้ว ตนจึงได้โทรศัพท์ไปย้ำนัดกันอีกครั้ง ก่อนพบว่ามีเวลาตรงกัน จึงได้ไปพบ พล.อ.ประวิตร และร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง แลกเปลี่ยนความพร้อมของทั้งสองพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง 

หนูไม่มีนัยกินข้าวป้อม

"พล.อ.ประวิตรก็สอบถามถึงการประเมินตัวเลข ส.ส.ของพรรค ภท. ผมก็แจ้งว่าน่าจะได้ประมาณ 70 คน ซึ่งท่านก็เห็นว่าตรงกับผลโพลที่ออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดคุยถึงการจับขั้วการเมืองใหม่ เพราะปัจจุบันทั้ง ภท.กับ พปชร.เป็นขั้วเดียวกัน คือขั้วรัฐบาลอยู่แล้ว ผมไปกินข้าวกับผู้จัดการรัฐบาลมันมหัศจรรย์ตรงไหนเหรอ ถ้าไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทยค่อยตื่นเต้นกันหน่อย วันนี้ผมโทร.ไปนัดใครหรือ ใครโทร.มานัดผมกินข้าวผมไปหมด หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลไปกินข้าว ผมคิดว่าก็ต้องไปนะ เพราะการนัดกินข้าวก็ไม่ใช่ว่าจะต้องร่วมหัวจมท้ายกัน” นายอนุทินกล่าว

ถามว่า มีการตีความว่าทั้งสองพรรคปล่อยภาพออกมาเพื่อหวังข่มขู่พรรคการเมืองคู่แข่ง นายอนุทินกล่าวว่า อย่ามองโลกในแง่ร้าย ไม่ใช่การขู่หรือระแวงกัน เพราะระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา หากมีการข่มขู่กัน คงอยู่ร่วมกันไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ ยอมรับว่าอาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่ก็ยอมรับในกติกา ซึ่งส่วนตัวคิดว่าบรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ไม่ได้มีความตึงเครียดเหมือนที่สื่อประเมินกันไว้ 

"หากครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทยได้มีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล เงื่อนไขแรกคือการบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่าร่างกฎหมายกัญชาต้องผ่าน เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน เรามีช่องทางที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น" หัวหน้าพรรค ภท.กล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางมาเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำพวงมาลัยมากราบลา ท่ามกลางกระแสข่าวทั้งสองคนเตรียมลาออกจากการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อย้ายจากพรรค พปชร.ไปสังกัดพรรค พท. โดยใช้เวลาพบกับนายวิษณุประมาณ 10 นาที ก่อนที่ทั้งสองจะเดินลงบันไดหลังตึกบัญชาการ 1 และออกจากทำเนียบรัฐบาลไปโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว 

จากนั้นนายสุริยะและนายสมศักดิ์ เดินทางเข้ากราบลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ซึ่งบรรยากาศพูดคุยเป็นไปด้วยดี พูดคุยด้วยความเข้าใจ ไม่มีปัญหาติดใจ โดยวงสนทนามีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ร่วมวงพูดคุยและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

มีรายงานว่า นายสุริยะและนายสมศักดิ์จะยื่นลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีกับนายกฯ ในวันที่ 17 มี.ค. เพื่อให้มีผลในวันที่ 18 มี.ค.นี้

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการพูดคุยกับนายสุริยะและนายสมศักดิ์ว่า ก็ให้เขาไปดี ตามใจ เขาอยากจะคิดอย่างไร เป็นเรื่องของคนคิดจะไป คนจะมา ไม่มีใครไปบังคับได้ แล้วแต่ท่านจะคิดอย่างไร “ก็ขอให้ไปดีๆ”

ที่พรรค พปชร. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า จากนี้จะมีคนในพรรคทยอยลาออกแล้ว แต่ 2 คนที่ออกไปเรารู้มานานหลายเดือนแล้ว แต่เขายังพูดไปนู่นไปนี่ไปนั่นทำให้เราเชื่อเพราะว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่เหลืออยู่แค่ 2 คน ลูกน้องก็ไปหมดแล้ว 

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. กล่าวถึงการปราศรัยของพรรคที่ลานคนเมือง กทม. ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ว่า กิจกรรมจะเริ่มในช่วงเย็น และด้วยเวลาที่มีจำกัด คงจะมีเฉพาะผู้บริหารของพรรคที่ได้ขึ้นไปปราศรัยคนละ 15 นาที จะมีการแนะนำผู้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 33 คน นอกจากนี้ ในวันนั้นจะมีเวทีปราศรัยย่อยของผู้สมัครในแต่ละโซน ซึ่งจะแสดงวิสัยทัศน์ในสิ่งที่อยากจะผลักดันในสภา

ถามว่า พล.อ.ประวิตรจะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงใน กทม.หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เราต้องพิจารณากันก่อน เพราะพื้นที่อื่นทั่วประเทศอยากให้หัวหน้าพรรคไปเยอะ อย่างในวันที่ 17 มี.ค. ต้องไป จ.นราธิวาส, วันที่ 18 มี.ค. มีปราศรัยที่ กทม., วันที่ 20 มี.ค. ไป จ.เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเป็นห่วงท่านเหมือนกันที่เดินสายหนัก แต่ท่านหัวใจเต็มร้อยที่อยากจะไปช่วยทุกเวที แต่บางจุดอาจต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วย และมีทีมทัพหลวงของพรรคเข้าไปช่วย ทั้งนี้ในพื้นที่ กทม. ยังตั้งเป้าหมายอย่างน้อยขอ 1 โหล 12 ที่นั่งเหมือนเมื่อปี 62 หรือมากกว่าเดิม

นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรค พปชร. กล่าวถึงเวทีปราศรัยของพรรค พปชร. ที่ลานคนเมือง กทม.ว่า มีความพร้อมหมดแล้ว เตรียมเก้าอี้ไว้ประมาณ 3,000  แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ใหญ่มาก ถ้ารวมประชาชนที่ยืนด้วยก็น่าจะมีประมาณ 5,000 คน

พท.ชวนพวกโหวตนายกฯ

ที่ จ.สกลนคร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสกลนครทั้ง 7 เขต และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ เลย อำนาจเจริญ ชัยภูมิ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามข้างศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ สกลนคร อำเภอพังโคน จ.สกลนคร โดยมีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 30,000 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนเวทีปราศรัยมีการจัดเซอร์ไพรส์ให้กับนายจุรินทร์ ด้วยการนำเค้กและช่อดอกไม้มามอบให้ พร้อมกับให้พี่น้องประชาชนที่มาฟังการปราศรัยร่วมกันอวยพรวันเกิดย้อนหลังให้กับนายจุรินทร์ และส่งเสียงเชียร์ให้นายจุรินทร์เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายอนุทินพร้อมแกนนำพรรค ภท.ร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.ประวิตร ว่าก็ชวนให้คิดได้จะเป็นการคุยกันเพื่อจับมือจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ เนื่องจากเขาเคยทำงานร่วมกันมา เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน ก็อาจจะมีการร่วมมือกันเพื่อร่วมรัฐบาลเดียวกันหลังเลือกตั้ง เพราะเขาเองก็คงประเมินสถานการณ์มาอยู่แล้วว่าเขาน่าจะได้รับคะแนนเสียงมาเท่าไหร่ หากจะมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันเขาจะต้องทำอย่างไร

"เราไม่กังวล ยิ่งเขาประกาศตัวชัดเจนเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีในการที่จะตัดสินใจของประชาชน ซึ่งหากสองพรรคนี้เขาประกาศว่าหลังเลือกตั้งจะมาจับมือกัน ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น เขาก็จะไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง" นพ.ชลน่านกล่าว

ถามว่า หากพรรค พท.ได้เสียงไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ และพรรค พปชร.จับมือกับพรรค ภท. จะจับมือกับสองพรรคนี้ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ถึงเป้าหมายให้ได้คือ 310 เสียง การที่เราตั้งเป้าหมายเช่นนั้นเพราะเราไม่ต้องการจับมือกับพรรคที่เป็นแนวร่วมในการยึดอำนาจ พรรคที่สนับสนุนเผด็จการมา เราต้องอาศัยเสียงประชาชนช่วย ฉะนั้นเราจึงต้องทำตรงนั้นให้ถึง

ย้ำว่า หากเสียงของพรรค พท.ไม่ถึงเป้าจริงๆ ทั้งพรรค พปชร.และพรรค ภท.จะอยู่ในสมการการตั้งรัฐบาลชุดหน้าของพรรค พท.หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่าเราไม่อยากเห็นบ้านเมืองกลับไปสู่สภาพที่ย่ำแย่ มันจะไม่หลุดพ้นออกจากวิกฤต ถ้าเอาสมการเดิมๆ พรรคการเมืองเดิมๆ มาทำ มาคิดแบบเดิมๆ และโอกาสของประเทศก็จะกลับไปเป็นแบบเดิมๆ พรรค พท.จึงบอกว่าเราต้องคิดใหญ่ และการคิดใหญ่ต้องชวนประชาชนมาร่วมคิดด้วย ฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกแบบมียุทธศาสตร์ หากไม่อยากกลับไปเป็นแบบเดิมๆ ก็ต้องมาช่วยกันหาทางออกของประเทศร่วมกัน

ถามอีกว่า สามารถพูดได้เลยหรือไม่ว่ายังไงก็จะไม่จับมือกับพรรค พปชร.และพรรค ภท. นพ.ชลน่านกล่าวว่า มันเป็นมิติทางการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกัน การจะไปประกาศว่าจะจับมือกับสองพรรคนี้ ยิ่งทำให้ประชาชนขาดความมั่นใจ และประชาชนเขาคงไม่ยอม

เมื่อถามถึงการจับมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบัน นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป้าหมายเราคือต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ซึ่งการจะจัดตั้งรัฐบาลได้ต้องใช้เสียง 376 เสียง และการที่เราจะไปพึ่ง ส.ว.โอกาสเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่เขามีจิตสำนึกว่าเราได้เสียงข้างมากมา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เลือนราง ซึ่งสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดคือจะทำอย่างไรเมื่อเราได้ 310 เสียงแล้ว เราจะหาแนวร่วมจากเฉพาะ ส.ส.มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องไปอาศัยเสียงของ ส.ว. ฉะนั้นการที่เราจะจับมือกับพรรคแนวร่วมเดียวกันจึงเป็นไปได้สูง

 “แนวทางที่เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกัน อุดมการณ์ก็น่าจะไปด้วยกันได้ดีกว่า หากเราได้ 310 เสียง เราก็จะเชิญพรรคที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรามาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เขาจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ก็เป็นเงื่อนไขเขา หากเขาบอกว่าไม่ร่วมรัฐบาลกับเรา แต่จะโหวตนายกรัฐมนตรีให้ก็เป็นเงื่อนไขต่อไป และหากเขาบอกว่าจะขอร่วมรัฐบาลก็เป็นเงื่อนไขที่ต้องมาคุยกัน” หัวหน้าพรรค พท.กล่าว

ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "การเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์เพื่อไม่ให้คะแนนสูญเปล่า : "หยุดระบอบประยุทธ์" โดยสรุปว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ต่ออนาคตของพี่น้องประชาชนที่ต้องการหลีกให้พ้นจากความบอบช้ำในการบริหารประเทศของระบอบประยุทธ์ ทำไมต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อหยุดระบอบประยุทธ์ เพราะพรรคเพื่อไทย และทีมของเพื่อไทย มีประสบการณ์เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน มีความพร้อมของบุคลากรทางการเมืองทุกระดับ

"วันนี้พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมทั้งด้านนโยบายที่เรามั่นใจว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น” พร้อมด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพในทุกระดับ พร้อมด้วยฐานที่มั่นประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชนที่ร่วมเคียงข้างกันมา ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่อาจตัดสินใจเป็นอื่นไปได้ นอกจากการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ เลือกเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เลือกเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. 250 เสียง ด้วยการลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ" นายภูมิธรรมระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง